กองทุนรวม
ทิสโก้ ส่งกอง "ไชน่า ลิ้งค์ คอมเพล็กซ์ รีเทิร์น" เปิดโอกาสรับกำไรไม่จำกัดเมื่อหุ้นขึ้น


 

 

 

ทิสโก้ มองดอกเบี้ยต่ำ ส่งกอง "ไชน่า ลิ้งค์ คอมเพล็กซ์ รีเทิร์น" เปิดโอกาสรับกำไรไม่จำกัดตลอดระยะเวลา 2 ปี พร้อมป้องกันความเสี่ยงหากตลาดหุ้นตก เหมาะกับผู้ลงทุนที่ชอบความเสี่ยงต่ำ แต่อยากได้ผลตอบแทนสูงกว่าตราสารหนี้  ดีเดย์ไอพีโอตั้งแต่วันนี้ - 28 มี.ค.57 นี้ ที่ บลจ.ทิสโก้และธนาคารทิสโก้ทุกสาขา

 

 

 

นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ  ผู้อำนวยการสายการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด (Mr. Saharat Chudsuwan, Head of Marketing and Wealth Advisory, Mutual & Private Fund Business, TISCO Asset Management Co.,Ltd.) เปิดเผยว่า จากการที่เศรษฐกิจไทยชะลอตัวส่งผลให้ล่าสุดทางการต้องลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งคาดการณ์ว่าผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้และเงินฝากจะทรงตัวในระดับที่ต่ำไปอีกเป็นระยะเวลาจนถึงปีหน้า  ดังนั้น บลจ.ทิสโก้ จึงออกแบบกองทุนเปิดแบบ  “คอมเพล็กซ์ รีเทิร์น”  โดยแนวคิดของการลงทุนแบบนี้ ก็เพื่อให้ผู้ลงทุนมีโอกาสได้ผลตอบแทนที่จะอ้างอิงกับของดัชนีตลาดหุ้นโดยถ้าตลาดหุ้นขึ้นผู้ลงทุนมีโอกาสได้กำไรตามการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้น  แต่หากตลาดหุ้นตกก็ไม่ขาดทุนเงินต้น   โดยประเดิมกองทุนแรกสำหรับปีนี้ด้วย “กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า ลิ้งค์ คอมเพล็กซ์ รีเทิร์น 1” 

ซึ่งวิธีการลงทุนคือ ผู้จัดการกองทุนจะแบ่งเงินลงทุนเป็นสองส่วน กล่าวคือ เงินลงทุนก้อนแรก ซึ่งเป็นเงินลงทุนส่วนใหญ่จะซื้อตราสารหนี้ที่มีคุณภาพดี อายุประมาณ 2 ปี ซึ่งดอกเบี้ยที่ได้จากการลงทุนส่วนนี้จะเติบโตไปจนทำให้เงินลงทุนส่วนแรกนี้เพิ่มขึ้นเท่ากับเงินลงทุนเริ่มแรกหลังหักค่าธรรมเนียมการขายหน่วยลงทุนของผู้ลงทุนซึ่งเท่ากับว่า ผู้ลงทุนมีโอกาสได้ส่วนของเงินต้นคืนจากส่วนนี้ และ ส่วนที่สองจะแบ่งไปลงทุนในออปชั่นที่อ้างอิงผลตอบแทนของดัชนี Hang Seng China Enterprise หรือ H-Share  ซึ่งจะเป็นส่วนที่สร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่มให้กับผู้ลงทุน ดังนั้นหากใน 2 ปีจากนี้ไปดัชนีดังกล่าวปรับตัวสูงขึ้นจากระดับที่กองทุนเริ่มลงทุนผู้ลงทุนก็จะได้ผลตอบแทนแปรผันไปตามการเพิ่มขึ้นของดัชนี แต่หากในกรณีเลวร้ายสุดคือ ดัชนีปรับตัวลดลงตลอดกองทุนก็จะไม่ได้ผลตอบแทนอะไรแต่ยังสามารถคืนเงินต้นได้จากเงินลงทุนส่วนแรก  

สำหรับเหตุผลหลักที่เลือกอ้างอิงผลตอบแทนกับดัชนี H-share ซึ่งประกอบด้วยบริษัทจีนที่จดทะเบียนซื้อขายในฮ่องกง เพราะมองว่าราคาหุ้นจีนกลุ่มนี้ได้ปรับตัวลดลงมามากจนถูกกว่าปัจจัยพื้นฐาน โดยปัจจุบันบริษัทเหล่านี้ซื้อขายในระดับราคาหุ้นต่อกำไรเฉลี่ย (พีอี) 6 เท่า ซึ่งถือว่าต่ำพอๆ กับระดับราคาเมื่อเกิดวิกฤติเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐเมื่อปี 2553  และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยพีอีเฉลี่ยที่ 11 เท่า  ทั้งที่ในปัจจุบันการเติบโตของเศรษฐกิจโลกส่งสัญญานการฟื้นตัวแล้วไม่เว้นแม้แต่ประเทศจีนเองก็ยังเติบโตในระดับที่สูงกว่าประเทศอื่นๆมาก  เพียงแต่นักลงทุนอาจจะมีความกังวลในระยะนี้เพราะมีตัวเลขเศรษฐกิจของจีนบางตัวที่ส่งสัญญานชะลอตัว

แต่อย่างไรก็ดีรัฐบาลกลางของจีนประกาศชัดเจนหลังการประชุมพรรคคอมมิวนิสต์จีนเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาว่า ยังต้องผลักดันให้เศรษฐกิจจีนเติบโตตามเป้าหมายคือร้อยละ 7.5 ทำให้นักวิเคราะห์มองว่ามีความเป็นไปได้สูงที่รัฐบาลจีนจะต้องมีการดำเนินนโยบายการเงินการคลังในเชิงที่ผ่อนคลาย เพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจให้ได้เป้าหมายที่ตั้งไว้ ซึ่งจะส่งผลบวกต่อการลงทุนในตลาดหุ้นจีนในที่สุด   

“กองทุนนี้โดดเด่นตรงที่ผู้ลงทุนมีโอกาสรับกำไรได้ไม่จำกัด ตามการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นจีน ซึ่งเรามองว่าเป็นตลาดที่ยังมีอัพไซด์สูง น่าจะสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ลงทุนได้ดี อีกทั้งยังมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ทำให้ผู้ลงทุนอุ่นใจได้ถึงเงินต้นที่จะอยู่ครบ จากความโดดเด่นดังกล่าวทำให้เรามั่นใจว่าการเสนอขายกองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า ลิ้งค์ คอมเพล็กซ์ รีเทิร์น 1 ในครั้งนี้จะได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี” นายสาห์รัช กล่าว

“กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า ลิ้งค์ คอมเพล็กซ์ รีเทิร์น 1อายุโครงการประมาณ 2 ปี มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท  เปิดเสนอขายครั้งแรก (ไอพีโอ) ระหว่างวันที่  19 –  28  มี.ค. 57 นี้  ลงทุนขั้นต่ำ 5,000 บาท  สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือติดต่อขอหนังสือชี้ชวนฯ และจองซื้อได้ที่ บลจ. ทิสโก้ หรือ ธนาคารทิสโก้ทุกสาขา หรือ TISCO Contact Center โทร. 02-633-6000 กด 4


การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
 


LastUpdate 21/03/2557 17:47:49 โดย : Admin
24-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 24, 2024, 5:34 am