"เมืองไทยประกันชีวิต" งัดสินค้าใหม่ ขายยกแพ็คคุ้มครองชีวิต พร้อมคุ้มครอง 15 โรคร้ายแรง "มะเร็ง หัวใจ หลอดเลือดสมอง เจ็บป่วยระยะสุดท้าย" ชูจุดขายจ่ายเบี้ยคงที่ 20 ปี จับตลาดวัยทำงาน เดินหน้ารุกตลาดไดเร็กท์มาร์เก็ตติ้ง ผุดแอพพลิเคชั่นช่วยลูกค้าวิเคราะห์การเงินได้เองต่อยอดการขาย แจง 2 เดือนแรกเบี้ยยังโตกระฉูด 33%
นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้ออกสินค้าใหม่ "เมืองไทยยิ้มสู้โรคร้าย" แพ็คเกจความคุ้มครองชีวิต พร้อมคุ้มครองคลอบคลุมโรคร้ายแรงถึง 15 โรค อาทิ มะเร็ง หัวใจ หลอดเลือดสมอง เจ็บป่วยระยะสุดท้าย ด้วยจุดขายจ่ายเบี้ยคงที่ตลอด 20 ปี รับประกันผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 1-65 ปี แต่ให้ความคุ้มครองชีวิตไปถึงอายุ 99 ปี ด้วยทุนประกันตั้งแต่ 1.5 แสน – 2 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยของความคุ้มครองชีวิต สามารถนำไปใช้สิทธิหักลดหย่อนภาษีได้
"สินค้านี้เราพัฒนาจุดขายใหม่เรื่องความคุ้มครองสุขภาพที่คิดเบี้ยคงที่ตลอดสัญญา ต่างจากที่ผ่านมาสัญญาคุ้มครองสุขภาพจะปรับเพิ่มเบี้ยขึ้นตามอายุแบบปีต่อปี เงื่อนไขตรงนี้ก็เชื่อว่าจะเป็นจุดขายสำคัญที่ทำให้คนตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น เพราะยิ่งซื้อเร็ว ก็ยิ่งจ่ายเบี้ยถูกและคงที่ไปตลอดสัญญา"
นายสาระกล่าวว่า กรมธรรม์ใหม่ล่าสุดนี้ บริษัทฯถ่ายทอดผ่านภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ "เมืองไทยยิ้มสู้โรคร้าย" เพื่อสื่อสารกับผู้บริโภคให้เกิดการรับรู้ในตัวผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต ตลอดจนความน่าเชื่อถือและภาพลักษณ์ที่ดีต่อบริษัทฯ ซึ่งภาพยนตร์โฆษณาชุดนี้ได้พิธีกรสาวสวยและเก่ง คือ ดร.อริศรา หรือ หมวย กำธรเจริญ เป็นพรีเซนเตอร์ผู้นำเสนอและถ่ายทอดเรื่องราว ผลประโยชน์ และความคุ้มครอง
ผ่านแนวคิด "ภาระค่าใช้จ่ายที่มากับโรคร้าย เป็นปัญหาใหญ่ที่ใครก็อยากหาตัวช่วยเพื่อแบ่งเบาภาระดังกล่าว เตรียมพร้อมรับมือตั้งแต่วันนี้ ด้วยโครงการเมืองไทยยิ้มสู้โรคร้าย ช่วยแบ่งเบาภาระอันหนักอึ้ง ทำให้คุณกลับมายิ้มได้อีกครั้ง" ซึ่งสอดคล้องความเป็นแบรนด์แห่งความสุขและรอยยิ้มของเมืองไทยประกันชีวิต โดยจะออกอากาศทางโทรทัศน์ในวันที่ 27 มีนาคม นี้ เป็นต้นไป
นายสาระกล่าวว่า นอกจากนี้ บริษัทยังได้ออกบริการใหม่เป็นแอพพลิเคชั่นสำหรับสมาร์ทโฟน “Biz in the box” ซึ่งเพิ่มความสะดวกสำหรับทั้งลูกค้าและตัวแทน ในแง่การใช้งานแอพพลิเคชั่นนี้เพื่อวิเคราะห์ความต้องการทางการเงินของตัวเองไปจนถึงการค้นหารูปแบบประกันชีวิตที่เหมาะสม เพื่อมาช่วยตอบโจทย์ความต้องการทางการเงินของแต่ละคน
แอพพลิเคชั่นนี้จะมีฟังก์ชั่นการทำงานตั้งแต่วิเคราะห์ความต้องการทางการเงิน ค้นหาแบบประกันชีวิตพร้อมกับคำนวณเบี้ยประกันได้ทันที รวมถึงแสดงรายละเอียดของผลประโยชน์ที่จะได้รับ จากนั้นหากลูกค้าสนใจก็สามารถกรอกข้อมูลในฟังก์ชั่นคำเสนอขอทำประกันชีวิตต่อเนื่องได้เลย โดยระบบจะเชื่อมต่อเข้ามาที่ระบบกลางเพื่อพิจารณารับประกัน ซึ่งกรมธรรม์บางแบบ ลูกค้าสามารถทราบผลการรับประกันได้ทันที จากนั้นก็จะมีจะสามารถชำระเงินค่าเบี้ยประกันผ่านระบบออนไลน์ได้อีกด้วย
“กลยุทธ์นี้ตอบโจทย์ชัดเจนว่าเราต้องการเป็น Digital Insurer หรือผู้ให้บริการด้านประกันชีวิตผ่านระบบดิจิตอล เพราะเทรนด์ในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก ลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ เดี๋ยวนี้ต้องการเรียนรู้เอง ใช้บริการด้วยตัวเอง ไลฟ์สไตล์ของเขาอยู่กับดิจิตอลเยอะ เช่นเดียวกับในมุมอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ และช่องทางขายที่จะหยิบดิจิตอลเข้ามาสนับสนุนทั้งหมด เพื่อให้ทำงานได้สะดวกขึ้น ขณะเดียวกันก็ตอบโจทย์ลูกค้าได้ดีขึ้น”
นายสาระกล่าวอีกว่า ช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ ถือว่าธุรกิจประกันชีวิตยังน่าจะพอเติบโตได้ระดับหนึ่ง โดยในเดือน ม.ค. เบี้ยรับรวมยังขยายตัวได้ประมาณ 14% ขณะที่ผลงานของเมืองไทยประกันชีวิต เบี้ยรับรวมยังเติบโตได้สูงถึง 33% แบ่งเป็นเบี้ยใหม่เติบโต 41% เบี้ยต่ออายุเติบโต 28% ถือว่าน่าพอใจมาก แต่ก็ยอมรับว่า ยังอยู่ในภาวะที่ต้องติดตามสถานการณ์ใกล้ชิดกันเป็นรายเดือน
“ส่วนหนึ่งที่ทำให้เมืองไทยประกันชีวิตยังเติบโตได้ดีในช่วงต้นปีนี้ เพราะเราปรับตัวมาเยอะมากและอิงกับข้อมูลเชิงลึกของลูกค้าในแง่ความสนใจและไลฟ์สไตล์ ทั้งในแง่สินค้าที่พยายามทำให้หลากหลาย ตอบโจทย์ได้ทุกกลุ่มเป้าหมายที่สามารถนำมาผสมเป็นสิ่งที่ตัวเองต้องการ ขณะที่ช่องทางขายก็พัฒนาไปเยอะมาก ลูกค้าแต่ละกลุ่มก็จะสะดวกหรือเข้าถึงแตกต่างกัน เราก็พยายามทำให้ครบหมด ตั้งแต่ตัวแทน แบงก์ มาจนถึงล่าสุดที่เป็นดิจิตอล เราพัฒนาตลอด” นายสาระกล่าว
ข่าวเด่น