กรุงศรีงัดกลยุทธ์บริหารความมั่งคั่ง ปรับตัวตามสถานการณ์และไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ เน้นลดต้นทุน เพิ่มความสะดวก รวดเร็วในการให้บริการและอย่างครบวงจร พร้อมบริหารจัดการข้อมูลให้เข้าถึงได้ง่าย ชี้ตลาดทุนประเทศพัฒนาแล้วยังน่าสนใจช่วงดอกเบี้ยเงินฝากต่ำ ระบุได้ BTMU ควบรวมเสริมทัพแกร่ง ส่งผลดีทั้งต่อกรุงศรีและลูกค้า เปิดโอกาสลงทุนลุ่มแม่น้ำโขงและ AEC
นายกฤษณ์ จันทโนทก ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจเงินฝาก การลงทุนประกันภัยและธนบดี ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เป็นธนาคารอีกแห่งที่ต้องปรับตัวหันมามุ่งเน้นแผนธุรกิจที่มีลูกค้าเป็นศูนย์กลางเพิ่มขึ้น เพื่อเสนอบริการบริหารจัดการสร้างความมั่งคั่ง ความมั่นคงด้านการเงินที่ตรงความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่มเพิ่มขึ้น ทั้งกลุ่มลูกค้าทั่วไปและมั่งคั่ง สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์บ้านเมืองและไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปของประชาชน
นายกฤษณ์ชี้ว่า มีแนวโน้มหลายอย่างที่แสดงให้เห็นว่า ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้น ความมั่งคั่งกระจายไปต่างจังหวัดเพิ่มขึ้นไม่ได้อยู่เฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯเท่านั้นและมีประชาชนมองหาการวางแผนทางการเงินเพิ่มขึ้น โดยข้อมูลสำนักงานสถิติแห่งชาติพบว่า ประชาชนได้ค่าจ้างแรงงานเพิ่มขึ้น ซึ่งในไตรมาสที่ 4 ปี 2556 ค่าจ้างภาคเอกชนเฉลี่ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.7 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนและเป็นครั้งแรกที่ดัชนีค่าจ้างภาคเอกชนเฉลี่ยที่แท้จริงสูงเกินราคาผู้บริโภค หรือรายได้สูงกว่าราคาสินค้า ซึ่งหมายถึง ทำให้ประชาชนมีเงินในกระเป๋ามากขึ้น เหตุผลส่วนหนึ่งมาจากนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ขณะเดียวกันสถิติการเติบโตเฉลี่ยของรายได้ต่อครัวเรือนปี 2551-2555 ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร พบว่า ครัวเรือนที่มีรายได้ตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไปเติบโตทุกภูมิภาค โดยเฉพาะภาคใต้เพิ่มขึ้นสูงถึง 22.8%
นอกจากนี้ประชาชนยังเข้าถึงเทคโนโลยีเพิ่มขึ้น ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาอัตราการเติบโตของครัวเรือนที่เป็นเจ้าของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์(คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือและแทบเล็ต)เติบโต 20-30% ซึ่งนอกจากใช้สื่อสารและสันทนาการแล้ว ยังใช้ในการทำธุรกรรมทางการเงินของธนาคารด้วย โดยมีปริมาณการชำระเงินผ่านระบบการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ในปี 2553 จำนวน 1.13 พันล้านรายการและเพิ่มขึ้นอีกเกือบเท่าตัวเป็น 2.03 พันล้านรายการในปี 2556 ที่ผ่านมา(ข้อมูลธนาคารแห่งประเทศไทย) ในขณะเดียวกันประชาชนมีทางเลือกลงทุนหลากหลายเพิ่มขึ้น การทำธุรกิจในปัจจุบันเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงจากการพึ่งพาเงินกู้จากธนาคารมาเป็นระบบทุนผ่านตลาดเงินและตลาดทุนมากขึ้น การพึ่งพาธนาคารเหลือเพียง 36.9% แต่ระดมทุนผ่านหุ้นและหุ้นกู้เพิ่ม เป็น 37.5% และ 25.7% ตามลำดับ
ส่วนในด้านภาพรวมเศรษฐกิจของไทยยังมีความไม่แน่นอน โดยนายกฤษณ์มองว่า ถ้าการเมืองยังไม่คลี่คลาย และไม่สามารถเลือกตั้งได้ภายในครึ่งปีแรก จีดีพีของไทยปี 2557 ไม่น่าจะเกิน 2% เนื่องจากการใช้จ่ายไม่เกิดและส่งผลทำให้เศรษฐกิจไม่ดีตามมา โดย กรุงศรี ริเสิร์ช มองจีดีพีที่ 2.5-3% ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทยมองที่ 2.7%
ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ดังข้างต้นที่ประชาชนมีเงินในกระเป๋าเพิ่มขึ้น มีการลงทุนหลากหลายไม่เน้นเฉพาะเงินฝากและเศรษฐกิจในประเทศที่ยังไม่ดีทำให้ภาคธนาคารต้องมีการปรับตัว ขยายธุรกรรมไปต่างจังหวัดมากขึ้น รวมถึงพัฒนาช่องทางการเข้าหาลูกค้าให้เป็น One stop service เพิ่มขึ้น และมีการพัฒนาอีแบงกิ้งหรืออินเทอร์เน็ตแบงกิ้งเพิ่มขึ้น เป็นต้น
เช่นเดียวกับธนาคารกรุงศรีอยุธยา ที่แผนธุรกิจในปี 2557 นี้ เน้นลูกค้าเป็นตัวตั้งและผลิตภัณฑ์เป็นตัวรอง พร้อมงัดกลยุทธ์หลายอย่างมาใช้ 1. เน้นการบริหารต้นทุนเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน โดยเฉพาะในส่วนเงินฝากมีเป้าหมายลดต้นทุนเงินฝากให้อยู่ในค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมพาณิชย์ที่ประมาณ 1.99 % หรือ 2%
2.เพิ่มความสะดวกสบายในการทำธุรกรรม เชื่อมโยงผลิตภัณฑ์ของลูกค้าทุกกลุ่ม ดูแลครบวงจร และค้นหาบริการใหม่ ๆ ก่อนปรับค่าธรรมเนียมเพิ่ม เพื่อให้ลูกค้ารู้ว่า จ่ายเพิ่มแล้วจะได้อะไรบ้าง
3.ปรับขั้นตอนการทำงาน บริการอย่างรวดเร็วขึ้น เช่น ด้านแบงก์แอสชัวรันส์ ที่ไม่เน้นผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เนื่องจากมีผลิตภัณฑ์ที่ครบวงจรอยู่แล้ว แต่จะเน้นความรวดเร็วในการให้บริการลูกค้า ความรวดเร็วในการอนุมัติกรมธรรม์ ซื้อประกันได้รวดเร็วทันใจ โดยมีการเตรียมการที่จะทำงานร่วมกับสาขาต่าง ๆ ให้สาขามีเครื่องมือประเมินความเสี่ยงเบื้องต้นได้อย่างรวดเร็ว
4.บริหารจัดการข้อมูลอย่างเป็นระบบเพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงได้ง่ายและตัดสินใจในการลงทุนอย่างเหมาะสม พร้อมให้คำแนะนำในการลงทุนตามจังหวะและความเสี่ยงแก่ลูกค้า ซึ่งการลงทุนที่แนะนำในขณะนี้คือ ให้ลงทุนในประเทศที่พัฒนาแล้วเป็นหลัก โดยเฉพาะยุโรป ญี่ปุ่น และจีน ส่วนสหรัฐไม่แนะนำให้ลงทุน เพราะราคาสูงเกินแล้วทำให้มีกำไรน้อย โดยทางธนาคารกรุงศรีและบลจ.กรุงศรีมีกองทุนที่ลงทุนในทวีปยุโรปและยุโรปตอนเหนือ
5.กลยุทธ์กลุ่มลูกค้าขนาดกลาง ที่ป้ัจจุบันมีอยู่ 2.4 ล้านคน จะเน้นให้เข้าถึงข้อมูลเพิ่มขึ้น เพื่อให้ใช้บริการรับคำแนะนำปรึกษาในด้านการออมและการลงทุน หรือใช้บริการ Plan your money มากขึ้น
ในโอกาสเดียวกันนายกฤษณ์เปิดเผยด้วยว่า เวลานี้ธนาคารกรุงศรีอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการควบรวมกิจการกับธนาคารแห่งโตเกียว-มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ (BTMU) สาขาในไทยที่ถือหุ้น 100% โดยมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG) หากบรรลุการควบรวมกิจการแล้วใน วันที่ 1 มกราคม 2558 สินทรัพย์หลังควบรวมจะมีมูลค่าประมาณ 1 ล้านล้านบาท จาก ที่มี 6 แสนล้านบาท ขยับขึ้นเข้าใกล้ธนาคารอันดับ 4 อย่างธนาคารกสิกรไทย
ทั้งนี้การควบรวมกิจการจะส่งผลดีต่ออันดับความน่าเชื่อถือให้กับธนาคารกรุงศรี ที่มีการปรับไปแล้วจาก BBB เป็น A ซึ่งส่งผลต่อการลดต้นทุนในระยะยาว และส่งผลดีต่อพอร์ตสินเชื่อและเงินฝากของธนาคาร ที่ขณะนี้พอร์ตสินเชื่อรายย่อยที่เคยมีอยู่ 50% จะปรับลดลงเหลือ 38% เพื่อไปเพิ่มสัดส่วนที่เป็นเอสเอ็มอี ซึ่งเป็นโอกาสเพิ่มยอดลูกค้าที่ใช้บริการบัญชีเงินเดือนผ่านธนาคาร
สำหรับผลดีในส่วนของกลุ่มลูกค้า โดยเฉพาะลูกค้าที่มีความมั่งคั่งทางการเงินจะได้ประโยชน์ในการเปิดโอกาสไปลงทุนทำธุรกิจในเขตลุ่มน้ำโขงและ AEC เนื่องจาก BTMU มีสาขาอยู่ทั่วโลกเกินกว่า 2 พันสาขาในกว่า 40 ประเทศ โอกาสการลงทุนส่วนบุคคลจะเพิ่มขึ้นด้วย เพราะธุรกิจไพรเวทแบงกิ้งของ BTMU มีความเข้มแข็ง โดยมีพาร์ตเนอร์ที่แข็งแกร่งอย่างมอร์แกน สแตนเลย์ บริษัทบริการการเงินระดับโลก นอกจากนี้ลูกค้ายังได้ประโยชน์ที่จะได้รับข้อมูลการลงทุนระดับโลกด้วย เพราะต่อไปข้อมูลจะมาจาก BTMU รวมทั้งของธนาคารกรุงศรีฯเอง
ข่าวเด่น