จากการที่คนไทยปรับพฤติกรรมหันมาดูแลหน้าตา รูปร่าง และผิวพรรณของตัวเองมากขึ้น ส่งผลให้สถาบันเสริมความงามยังคงได้ผลการตอบรับที่ดีโดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าผู้หญิง เพราะไม่ว่าเศรษฐกิจจะตกสะเก็ด หรือการเมืองจะมีความร้อนแรงอย่างไร ผู้หญิงก็ยังห่วงสวยเดินเข้าสิ่งสวยๆ งามๆที่ทำให้ตัวเองดูดีกันอย่างต่อเนื่อง
แนวโน้มที่ดีดังกล่าว ส่งผลให้ เดอะทัช (The Touch) สถาบันดูแลบุคลิกภาพ รูปร่าง และผิวพรรณได้รับอานิสงส์จากปัจจัยดังกล่าวเต็มๆ แม้ว่าจะเป็นน้องใหม่ในวงการ และเปิดตัวในช่วงเวลาที่กรุงเทพฯ กำลังมีปัญหาความวุ่นวายทางการเมือง แต่ เดอะชัช ก็ยังได้ผลการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
น.ส.พิชชา นันท์ณวัฒน์นิธิชัย กรรมการผู้จัดการบริษัท เดอะทัช จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจความงามครบวงจร ภายใต้แบรนด์เดอะทัช กล่าวว่า จากการเปิดให้บริการสถาบันดูแลบุคลิกภาพ รูปร่าง และผิวพรรณ ตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมาพบว่า ได้ผลการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าดีเกินคาดโดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าผู้หญิง แม้ว่าในช่วงต้นปีที่ผ่านมาจะมีปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองเกิดขึ้น ส่งผลให้ภาพรวมผลการดำเนินงานในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมามีรายได้คิดเป็น 50% ของเงินลงทุน 100 ล้านบาทที่จะใช้ขยายสาขาในปีนี้
ปัจจัยที่ทำให้เดอะทัชประสบความสำเร็จกับการเข้ามาดำเนินธุรกิจสถาบันดูแลบุคลิกภาพ รูปร่าง และผิวพรรณ ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการมีบริการที่ครบวงจร และการทำกิจกรรมทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับปัจจุบันสาวไทยหันมาให้ความสำคัญกับบุคลิกภาพและความสวยงาม ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อการดำรงชีวิตและหน้าที่การงาน
นอกจากนี้ การที่ เดอะทัช วางแผนการตลาดให้เป็นสถาบันเสริมความงามในตลาดระดับกลาง เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงได้ง่าย เช่น ซื้อต่อครั้งจะมีราคาเริ่มต้นที่ 1,000 บาท และซื้อเป็นคอร์สราคาจะเริ่มต้นที่ 30,000 บาท จึงทำให้ เดอะทัช ได้ผลการตอบรับที่ดีจากลูกค้านับตั้งแต่เปิดให้บริการตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา
น.ส.พิชชานันท์ กล่าวว่า เดอะทัช เป็นสถาบันดูแลบุคลิกภาพ รูปร่าง และผิวพรรณ ก่อตั้งด้วยแนวคิดในการสร้างสรรค์ศิลปะการดูแลตัวเองโดยเน้นการปรับบุคลิกภาพ รูปร่าง และผิวพรรณให้โดดเด่น ผ่านเครื่องและนวัตกรรมที่ทันสมัยจากต่างประเทศ โดยใช้เทคนิคจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางของเดอะทัช ผสมผสานผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน พร้อมนำทฤษฎีการ Make Up และเทคนิคการพัฒนาบุคลิกภาพ มาเป็นส่วนช่วยเพื่อปรับบุคลิกและเสริมสร้างความมั่นใจให้เกิดความแตกต่างอย่างชัดเจน เดอะทัช จึงก่อกำเนิดขึ้นเพื่อตอบโจทย์การแก้ปัญหาการพัฒนาบุคลิกภาพ รูปร่าง หน้าตา และผิวพรรณ
แม้ว่าจะเปิดตัวช้ากว่าแผนการดำเนินงานเดิมที่วางไว้จากปลายปี 2556 เป็นต้นปี 2557 แต่นั่นก็ใช่ปัญหาใหญ่ของการก้าวสู่ความสำเร็จ หลังจากก่อตั้งบริษัทเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ด้วยทุนจดทะเบียนแยกตามสาขาๆละ 5 ล้านบาท เพื่อดำเนินธุรกิจความงามครบวงจรภายใต้แบรนด์เดอะทัช (The Touch) ประกอบด้วยบริการดูแลรูปร่าง ผิวพรรณ ตลอดจนปรับบุคลิกภาพ และการแต่งหน้าให้เข้ากับบุคลิกภาพแต่ละบุคคล ซึ่งนับเป็นสถาบันดูแลความงามและบุคลิกภาพครบวงจรแห่งแรกในเมืองไทย แบ่งสัดส่วนการให้บริการออกเป็น การดูแลผิวพรรณและรูปร่าง 80%, การอบรมเรื่องแต่งหน้า 10% และ การอบรมเรื่องพัฒนาบุคลิกภาพ10%
จากแนวคิดการดำเนินธุรกิจที่มุ่งตอบโจทย์การดูแลบุคลิกภาพ รูปร่าง และผิวพรรณ แบบครบวงจร ซึ่งในปัจจุบันยังไม่มีธุรกิจความสวยความงามแบบเดอะทัช เกิดขึ้นในตลาด จึงเป็นโอกาสทางธุรกิจในการเสนอตัวเป็นทางเลือกตอบโจทย์ให้กับลูกค้าได้อย่างลงตัว โดยมีคอนเซปต์ของสถาบันฯ คือ Smart Your Look, Smart Your Life นั่นคือ ผู้หญิงผู้ชายยุคใหม่ในปัจจุบันหากมีการดูแลรูปร่าง ผิวพรรณรวมทั้งบุคลิกภาพที่ดีแล้ว แน่นอนว่า ย่อมช่วยทำให้เกิดความมั่นใจในการจะทำอะไรก็ตามและยังช่วยสร้างความน่าประทับใจเวลาที่เราต้องเข้าสังคม หรือช่วยสร้างความน่าเชื่อถือเมื่อต้องไปพบปะกับลูกค้า นับเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและน่าชื่นชมให้กับองค์กร
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้ เดอะทัชยังคงเปิดให้บริการสถาบันดูแลบุคลิกภาพ รูปร่าง และผิวพรรณ ภายใต้แบรนด์เดอะทัช ที่จำนวน 4 สาขา ภายใต้งบลงทุนที่ประมาณ 100 ล้านบาท ประกอบด้วย สาขาเซ็นทรัลบางนา สาขาเซ็นทรัลปิ่นเกล้า สาขาเดอะมอลล์บางแค และสาขาฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ขณะที่ปีหน้ามีแผนที่จะเปิดเพิ่มอีก 3 สาขา ภายใต้งบลงทุนที่ใกล้เคียงกันประมาณ 100 ล้านบาท ซึ่งหลังจากขยายสาขาตามแนวทางดังกล่าวจะส่งผลให้ปี 2558 จะมีสาขาเปิดให้บริการทั้งหมด 7 สาขา
ในส่วนของสาขาเดอะมอลล์ บางแค เดอะทัช ได้เปิดบริการจำนวน 2 เฟส ชั้น 2 ขนาด 73ตร.ม. และ ชั้น 7 โซนทาวเวอร์ ขนาด 160 ตร.ม. ส่วนสาขาฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต เปิดให้บริการจำนวน 2 เฟส ชั้น 3 ขนาด 82 ตร.ม. และชั้น G ขนาด 188ตร.ม., สาขาเซ็นทรัลบางนา เปิดให้บริการจำนวน 2 เฟสเช่นกันที่บริเวณชั้น 26 ขนาด 369 ตร.ม. และชั้น 3 ขนาด 80 ตร.ม. ส่วนสาขาเซ็นทรัลปิ่นเกล้า เปิดให้บริการจำนวน 1 เฟส บริเวณชั้น 2 บนพื้นที่ขนาด 244 ตร.ม.
น.ส.พิชชานันท์ กล่าวอีกว่า ทำเลที่จะใช้ในการขยายสาขา สถาบันดูแลบุคลิกภาพ รูปร่าง และผิวพรรณภายใต้แบรนด์เดอะทัช นั้น จะเน้นไปที่ศูนย์การค้ารอบนอกของกรุงเทพฯ เนื่องจากต้องการให้ลูกค้าเดินทางเข้ามาใช้บริการได้สะดวก เพราะจากการศึกษาตลาดพบว่า การเปิดให้บริการสาขาพื้นที่ชั้นในของกรุงเทพฯ ลูกค้ามีความไม่สะดวกในการเดินทาง
นอกจากนี้เดอะทัชยังได้จัดสรรงบกว่า 10 ล้านบาท เพื่อทำการตลาดครบวงจร เน้นการทำตลาดแบบบีโลว์เดอะไลน์เป็นหลักในอัตราส่วน 70% ด้วยการออกบูธโรดโชว์ ทำกิจกรรมอีเวนท์ ตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ ขณะเดียวกันก็จะมีการประชาสัมพันธ์ในรูปแบบแบนเนอร์ โปสเตอร์ สื่อบันไดเลื่อน และลิฟท์ รวมถึงการจัดโปรโมชั่น เพื่อสร้างการรับรู้ต่อแบรนด์และเข้าถึงลูกค้าเป้าหมายระดับบน ที่มีกำลังซื้อสูง อายุ 20-60 ปี ตั้งแต่นักศึกษาระดับมหาวิทยาลัย วัยทำงาน แม่บ้านที่ต้องออกงานสังคมและเพื่อสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักเร็วขึ้น เดอะทัช ได้เลือก เอมมี่ มรกต กิตติสาระ มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ สะท้อนภาพลักษณ์ให้กับแบรนด์เดอะทัชโดยในปีแรกที่เปิดให้บริการคาดว่าจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท
ด้านน.ส. สิเรียม ภักดีดำรงฤทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด บริษัท ไบโอคอส กรุ๊ป จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจด้านสุขภาพและความงามระดับชั้นนำ อาทิ ไบโอคอสโปรเฟสชั่นแนล, อาเมทิส, บิวตี้สตอรี่ และ สลิมมิ่งพลัสกล่าวว่า หลังจากเปิดให้บริการ สลิมมิ่งพลัส มาเป็นระยะเวลา 7 ปีถือว่าประสบความสำเร็จและได้รับการยอมรับเป็นที่น่าพอใจ ด้วยการมียอดขายเติบโตต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 15-20% หรือมีจำนวนลูกค้าเข้ามาใช้บริการ มากกว่า 10,000 รายต่อปี
ทั้งนี้เพื่อเป็นการฉลองความสำเร็จและขอบคุณลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจ ในปีนี้สลิมมิ่งพลัสได้เปิดตัวแคมเปญ “สวย หุ่นดี เพอร์เฟค สะกิดใจ...ใช่เลย” ประเดิมด้วยแพคเก็จโปรโมชั่น “7 ซิกเนเจอร์ มิราเคิล โปรแกรม” สวยครบสูตร เพอร์เฟค สะกิดใจ สไตล์ ซุปเปอร์สตาร์” พร้อมกับเปิดตัว “ป๋อ ณัฐวุฒิ” และ “เอ๋ พรทิพย์” สกิดใจ ในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์คนใหม่ล่าสุด เพื่อเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพและรูปร่าง รวมถึงขยายฐานลูกค้ากลุ่ม “ผู้ชาย” หรือ “เมโทรเซ็กส์ชวล” ให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น
ขณะที่แผนการทำตลาดในปีนี้ บริษัท ไบโอคอส กรุ๊ป มีแผนที่จะใช้งบประมาณ 100 ล้านบาทในการทำกิจกรรมทางการตลาดตลอดทั้งปี หนึ่งในกลยุทธ์ดังกล่าว คือ การเปิดตัว แคมเปญฉลองครบรอบ 7 ปี สลิมมิ่งพลัส“สวย หุ่นดี เพอร์เฟค สะกิดใจ...ใช่เลย” ซึ่งจะเป็นกิจกรรม สวยครบสูตร “สลิมมิ่งพลัสเพอร์เฟค สะกิดใจ สไตล์ ซุปเปอร์สตาร์” เพื่อบอกต่อความสวยผ่านทรีทเม้นท์ใหม่ ที่ตอบสนองความต้องการของคนรุ่นใหม่ได้อย่างครบถ้วน ผ่าน “7 ซิกเนเจอร์ มิราเคิล โปรแกรม”
ในส่วนของโปรแกรมดังกล่าว ประกอบด้วยออร่า เฟส [Aura Face] : เพิ่มออร่า หน้าขาวกระจ่างใสแบบซุปเปอร์สตาร์ ,วีเชฟ [V Shape] : ปรับหน้าเรียวได้รูป ปลอดภัย ให้คุณสวยแบบไม่เสี่ยง ,เบบี้เฟส [Baby Face] : ลบเลือนริ้วรอย ย้อนวัยผิว สู่ความอ่อนเยาว์ ,ไบร์ท&ไชน์ [Bright & Shine] : เผยผิว ขาว สะอาดใส เนียนนุ่มชวนสัมผัส ,สกินดีท็อกซ์ [Skin Detox] : ปรับสมดุลผิว ขจัดของเสีย คืนความชุ่มชื้นให้ผิว ,ดิว่า เชฟ [Diva Shape] : ลด กระชับ สัดส่วนเจิดจรัส ไร้เซลลูไลท์เซ็กซี่&เฟริม์ [Sexy & Firm] : จัดกรอบรูปร่าง ไร้ไขมันส่วนเกิน หุ่นเฟิร์มทุกสัดส่วน
ปัจจุบัน สลิมมิ่งพลัส มีจำนวนสาขาเปิดให้บริการจำนวน 23 สาขาทั่วประเทศ แบ่งเป็นใน กรุงเทพฯ จำนวน 19 สาขา และในต่างจังหวัดอีกจำนวน 4 สาขา ซึ่งหลังจากออกมาเปิดเกมรุกดังกล่าว บริษัท ไบโอคอส กรุ๊ป มั่นใจว่าจะสามารถช่วยสร้างการจดจำแบรนด์“สลิมมิ่งพสัส” ได้เป็นอย่างดี พร้อมทั้งเพิ่มฐานลูกค้าให้เพิ่มทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มเมโทรเซ็กชวล คาดว่าจะเพิ่มขึ้นกว่า 10% หรือรายได้สิ้นปีนี้อยู่ที่ประมาณ 800 ล้านบาท ดูจากเป้าหมายของแต่ละบริษัทที่วางไว้ พอจะสะท้อนให้เห็นภาพได้ว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นคนไทยก็ยังดูแลตัวเองให้ดูดีอยู่เสมอ
ข่าวเด่น