บลจ. ทิสโก้ ตอกย้ำมุมมองด้านการลงทุนที่แม่นยำพร้อมโชว์ผลงานสุดเจ๋ง บริหารกองทริกเกอร์หุ้นไทย “ไทย อิควิตี้ ทริกเกอร์ 8%” กองที่ 16เข้าเป้าหมาย สร้างผลตอบแทน 8% ในเวลาเพียง 2 เดือนกว่า ชี้ตลาดหุ้นไทยเหมาะแค่เทรดทำกำไรระยะสั้น เพราะอัพไซด์จำกัดเหลือแค่ 2-3% แนะนักลงทุนลดพอร์ตหุ้นไทย -เพิ่มพอร์ตลงทุนไปหุ้นต่างประเทศ ชูเอเชียเหนือ -ญี่ปุ่น ตอบโจทย์ลงทุน
นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด ธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลและกองทุนรวมบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด (Mr. Saharat Chudsuwan, First Senior Vice President, Head of Marketing and Wealth Advisory, Mutual &Private Fund Business, TISCO Asset Management Co.,Ltd.) เปิดเผยว่า จากที่ บลจ.ทิสโก้ได้เสนอขาย “กองทุนเปิด ทิสโก้ ไทย อิควิตี้ ทริกเกอร์ 8% # 16” (TISCO Thai Equity Trigger 8%Fund # 16) ซึ่งเป็นกองทาร์เก็ตฟันด์ที่ลงทุนในหุ้นไทยที่มีปัจจัยพื้นฐานดีในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยโดยตั้งเป้าหมายผลตอบแทนไว้ที่ 8% โดยจะเลิกกองทุนหากสร้างผลตอบแทนได้ถึง 8% โดยเสนอขายไปในช่วง 14 – 17ม.ค. 57 ที่ผ่านมานั้น
ล่าสุด ณ วันที่ 2เม.ย. 57กองทุนดังกล่าวสามารถสร้างผลตอบแทนได้ตามเป้าหมายที่ 8%โดย NAV อยู่ที่ 10.8144 บาททำให้เข้าเงื่อนไขการเลิกโครงการได้ก่อนกำหนด โดยใช้ระยะเวลาเพียง 2 เดือนกว่าเท่านั้น นับเป็นอีกกองทุนของ บลจ.ทิสโก้ ที่สร้างผลงานได้เป็นที่น่าพอใจและแสดงถึงความเป็นมืออาชีพในการบริหารจัดการกองทุนทั้งด้านมุมมองที่แม่นยำและการจับจังหวะการลงทุนที่เหมาะสมได้เป็นอย่างดี
“จังหวะเวลาที่เราเลือกเสนอขายกองทุนเปิดทิสโก้ ไทย อิควิตี้ ทริกเกอร์ 8% # 16 ดังกล่าวเป็นช่วงที่หุ้นไทยมีการแกว่งตัวในระยะสั้นๆซึ่งเป็นผลมาจากความกังวลเรื่องสถานการณ์ทางการเมือง และการปรับฐานที่เกิดขึ้นทำให้ราคาหุ้นพื้นฐานดีในตลาดหุ้นไทยหลายตัวมีระดับราคาที่ไม่สูงนักทิสโก้จึงมองว่าการปรับฐานของตลาดหุ้นไทยดังกล่าวเป็นโอกาสในการเข้าลงทุนเพื่อเทรดทำกำไรระยะสั้น ซึ่งดัชนีในช่วงที่เราเข้าลงทุนอยู่ที่ต่ำกว่า 1,300จุด ขณะที่ปัจจุบันดัชนีเคลื่อนไหวอยู่ที่ประมาณ 1,390จุด เป็นระดับที่กองทุนทำกำไรได้ 8%เข้าเงื่อนไขการปิดกองทุนก่อนกำหนด ใช้เวลาในการบริหารกองทุนเพียง 2เดือนกว่าเท่านั้นนับเป็นผลงานบริการกองทุนทริกเกอร์ฟันด์ที่โดดเด่นอีกกองทุนหนึ่งหลังก่อนหน้านี้ทิสโก้มีผลงานบริหารกองทุนทริกเกอร์ฟันด์ที่โดดเด่นมาอย่างต่อเนื่อง”นายสาห์รัช กล่าว
ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน ทิสโก้ เวลธ์ (TISCO Wealth) มีมุมมองว่าตลาดหุ้นไทยในปีนี้ไม่ใช่ตลาดที่สามารถตอบโจทย์การลงทุนได้ในระดับที่น่าพอใจ เนื่องจากระดับดัชนีปัจจุบันซึ่งอยู่ที่ประมาณ 1,390จุด ขณะที่เป้าหมายดัชนีที่ทิสโก้มองไว้อยู่ที่ 1,420จุด ทำให้มีอัพไซด์เหลืออยู่เพียง 2-3% เท่านั้น อีกทั้งตลาดหุ้นไทยยังคงต้องเผชิญกับแรงกดดันจากปัจจัยด้านการเมือง
และแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจภายในประเทศที่ส่อแววว่าอาจต้องมีการทบทวนและปรับลดตัวเลขการขยายตัวในที่สุดทำให้ตลาดหุ้นไทยจึงไม่ใช่คำตอบหลักในการลงทุนแต่เหมาะสำหรับการลงทุนแบบทำกำไรระยะสั้นหากดัชนีมีการปรับฐานลงมาในระดับที่ต่ำกว่า 1,300จุด ซึ่งในส่วนของ บลจ.ทิสโก้มองว่าหากดัชนีปรับฐานลงทุนที่ระดับดังกล่าวอาจมีการพิจารณาเปิดเสนอขายกองทุนทริกเกอร์ฟันด์หุ้นไทยอีกครั้ง
ทั้งนี้ TISCO Wealth แนะนำกลยุทธ์ลงทุนด้วยการให้ลดสัดส่วนการลงทุนในหุ้นไทยและเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยเฉพาะการลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียเหนือ (จีน ฮ่องกง ไต้หวัน เกาหลีใต้) และญี่ปุ่นที่โดดเด่นจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งมากขึ้นอีกทั้งยังได้รับแรงสนับสนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกทำให้ตลาดหุ้นดังกล่าวเป็นตลาดที่จะสามารถสร้างผลตอบแทนได้ในระดับสูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลกในปีนี้
ข่าวเด่น