การตลาด
สกู๊ป "สิงห์" ปรับทัพธุรกิจ รัดเข็มขัดนอนแอลกอฮอลล์


 
                จากปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองและเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา  ส่งผลให้หลายธุรกิจต้องหันมาดำเนินธุรกิจแบบระมัดระวังมากขึ้น  หนึ่งในธุรกิจดังกล่าวคือ  บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น  เนื่องจากกลุ่มสินค้านอนแอลกอฮอล์หลายตัวมียอดขายปรับตัวลดลง   ซึ่งจากผลกระทบที่เกิดขึ้นส่งผลให้บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น  ต้องชะลอแผนการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายออกไปเช่นกัน

 
 
 
 
นายภูริต ภิรมย์ภักดี กรรมการ บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด  กล่าวว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานของกลุ่มสินค้านอนแอลกอฮอลล์ในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมามียอดขายเติบโตที่ชะลอตัว โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าโซดามียอดขายลดลงถึง 10% จึงทำให้บริษัทต้องหันมาระมัดระวังการทำธุรกิจมากขึ้น ด้วยการหันมารัดเข็มค่าใช้จ่ายต่างๆ  แม้ว่าในช่วงต้นปีที่ผ่านมาจะมีสินค้าอีกหลายตัวยังมียอดขายที่ดี เช่น น้ำดื่มสิงห์  บีอิ้ง  และมาชิตะ 

ปัจจัยที่ทำให้น้ำดื่มสิงห์ยังมียอดขายเติบโตในทิศทางที่ดี ส่วนหนึ่งอาจเกิดจากการที่บริษัทออกมาทำแคมเปญส่งเสริมการขายน้ำดื่มสิงห์ แจกไอโฟนเป็นคู่ทั้ง iPhone 5S และ iPhone 5C แจกไม่ยั้งให้ทุกวัน! 60 วัน 120 เครื่อง เมื่อซื้อน้ำดื่มสิงห์ก็สามารถร่วมลุ้นชิงโชคได้ทันที  เพียงส่งรหัสใต้ฝา ก็มีโอกาสได้ลุ้นรับ iPhone 5S,5C รวมมูลค่ากว่า 2.715 ล้านบาท ซึ่งหลังจากเริ่มทำแคมเปญดังกล่าวมาตั้งแต่วันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา น้ำดื่มสิงห์ก็มียอดขายเพิ่มขึ้นเป็นที่น่าพอใจ โดยหลังจากจบแคมเปญในวันที่ 18  เม.ย.นี้ บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น มั่นใจว่าจะสามารถกระตุ้นยอดขายให้เป็นไปตามเป้าหมายได้อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม จากปัจจัยลบที่เกิดขึ้นในช่วงไตรมาสแรก ยังคงทำให้บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น ยังคงต้องดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวัง และจับตาสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองอย่างใกล้ชิด พร้อมกับประเมินสถานการณ์ทุกเดือนและทุกไตรมาส เพื่อให้การทำตลาดมีความสอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคในช่วงเวลานั้นๆ

นายภูริต กล่าวว่า ปัจจัยลบที่เกิดขึ้นดังกล่าว ส่งผลให้บริษัทจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายได้เพียง 1  แคมเปญเท่านั้น คือ แคมเปญส่งเสริมการขายน้ำดื่มสิงห์ ส่วนที่วางแผนไว้ว่าจะจัดอีกประมาณ  4-5  แคมเปญ ไม่ว่าจะเป็น แคมเปญโปรโมชั่น หรือแคมเปญส่งเสริมการขายต้องเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด เพราะสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวยต่อการกิจกรรม 

ขณะเดียวกัน บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น ยังต้องเลื่อนการเปิดตัวสินค้าใหม่  และการซื้อกิจการกลุ่มสินค้าขนมขบเคี้ยวและเครื่องดื่มออกไปอีกระยะ จนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ  อย่างไรก็ตาม แม้ว่าขณะนี้ บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จะยังไม่สามารถสรุปแผนการดำเนินงานดังกล่าวได้ แต่ก็คาดการณ์ว่าภายในสิ้นปีนี้น่าจะมีความชัดเจนในเรื่องของการเจรจาซื้อกิจการ เพื่อผลักดันให้สิ้นปีมีรายได้เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้

จากผลกระทบในด้านต่างๆ ที่เกิดขึ้น ทำให้บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น ต้องออกมาประกาศทบทวนแผนการใช้งบตลาด ด้วยการหันมาใช้งบแบบระวัดระวังและรัดเข็มขัดค่าใช้จ่ายมากขึ้น เพราะทุ่มงบการตลาดมากเกินไปในช่วงเวลานี้อาจได้ไม่คุ้มเสีย ดังนั้นจากเดิมที่วางงบการตลาดไว้ในปีนี้ประมาณ  1,200-1,300  ล้านบาท  เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ใช้ไปประมาณ 1,000 ล้านบาท อาจต้องปรับลดงบการตลาดลง ซึ่งนับจากนี้คงจะต้องประเมินสถาณการณ์อย่างใกล้ชิด

 
 
 
แม้ว่า บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จะออกมาแย้มแผนว่าอาจจะต้องปรับลดงบการทำตลาด แต่ล่าสุดก็ได้ใช้งบการตลาดก้อนโต เพื่อทำกิจกรรมส่งเสริมการขายเครื่องดื่มเสริมสุขภาพภายใต้แบรนด์ บีอิ้ง ภายหลังจากทำการปรับปรุงภาพลักษณ์เครื่องดื่ม บีอิ้ง ให้มีความสดใสและทันสมัยตรงกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ 

นายภูริต กล่าวต่อว่า กลุ่มสินค้าเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ถือเป็นอีกหนึ่งกลุ่มสินค้าที่ยังมีอัตราการเติบโตที่ดี เพราะทุกวันนี้ผู้บริโภคส่วนใหญ่มีความใส่ใจในเรื่องการดูแลตัวเอง ทั้งในเรื่องการใช้ชีวิตและสุขภาพมากขึ้น บริษัทจึงเล็งเห็นโอกาสในการเข้ามาทำตลาดดังกล่าว ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา 7  ปี เครื่องดื่มบีอิ้งก็ได้ผลการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค หากมีการปรับภาพลักษณ์และรสชาติให้ตรงกับความต้องการมากขึ้น จึงน่าจะได้ผลการตอบรับที่ดียิ่งขึ้นเช่นกัน 

สำหรับการปรับโฉมใหม่ของเครื่องดื่มเสริมสุขภาพ “บีอิ้ง” ในครั้งนี้ จะมีการปรับทั้งบรรจุภัณฑ์สินค้า(แพ็คเกจจิ้ง) ใหม่ให้มีสีสันสดใสมากขึ้น ปรับโลโก้ใหม่ ให้มีความทันสมัยมากขึ้น ส่วนตัวผลิตภัณฑ์ยังคงคุณสมบัติที่โดดเด่น เป็นเครื่องดื่มเสริมสุขภาพพร้อมดื่มที่อุดมไปด้วยคุณประโยชน์ต่างๆ  ผ่านสินค้า 5 รสชาติ ได้แก่ บีอิ้ง คอลลาเจน, บีอิ้ง บอดี้ไลน์, บีอิ้ง อาย แคร์, บีอิ้ง เบเบ้ ซุปเปอร์ฟรุตส์ และ บีอิ้ง ไฟน์ ซึ่งล้วนแต่เป็นรสชาติที่ผู้บริโภคชื่นชอบ 
 

 
 
 
นอกจาก บริษัท สิงห์ คอร์ปอเรชั่น จะปรับโฉมเครื่องดื่มบีอิ้งให้มีความทันสมัย และมีรสชาติที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคแล้ว ในด้านของกลยุทธ์การทำตลาดยังได้มีการปรับให้ตรงใจ และเข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น ด้วยการดึงสาวสุดฮอต “คิมแทยอน” นักร้องนำวงเกิร์ลกรุ๊ปแดนกิมจิ กลับมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับเครื่องดื่มบีอิ้งอีกครั้ง โดยในครั้งนี้ เธอจะเดินทางมาร่วมเปิดตัว พร้อมถ่ายทำโฆษณาชุดใหม่ที่ประเทศไทยด้วย ที่สำคัญยังร่วมกิจกรรมเอ๊กซ์คูลซีพ “บีอิ้ง แทยอน เอ็กซ์คลูซีฟ ฟิน.มีตติ้ง” กับผู้บริโภคและแฟนคลับชาวไทยอย่างใกล้ชิดอีกด้วย

ทั้งนี้  บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น  ได้วางงบสำหรับการทำตลาดเครื่องดื่ม บีอิ้ง ไว้ที่ประมาณ 80 ล้านบาท  เพื่อใช้ในการจัดกิจกรรมทางการตลาดอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งการโฆษณาสินค้าผ่านสื่อต่างๆ การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย การจัดกิจกรรมทางการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ โดยมีไฮไลท์สำคัญ  ตั้งแต่การนำศิลปินสุดฮอตของเกาหลีและเอเชียอย่าง “คิมแทยอน”  ซึ่งหลังจากก่อนหน้านี้ได้ช่วยสร้างแบรนด์ “บีอิ้ง” ให้มีความโดดเด่นแตกต่างจากคู่แข่งในตลาด และขยายกลุ่มเป้าหมายไปสู่คนรุ่นใหม่และวัยทำงานได้เป็นผลสำเร็จ

ปัจจุบันเครื่องดื่มเสริมสุขภาพ บีอิ้ง โฉมใหม่ มีสินค้าพร้อมวางจำหน่ายแล้วในช่องทางร้านค้าต่างๆ ทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นร้านโชห่วย มินิมาร์ท สถานที่ออกกำลังกาย มหาวิทยาลัย หอพัก และร้านอาหาร หรือแบ่งสัดส่วนเป็นช่องทางจำหน่ายเป็นร้านสะดวกซื้อ 45%  ช่องทางโมเดิร์นเทรด 40% และช่องทางเทรดดิชันนัลเทรดหรือร้านค้าทั่วไป 15%  ซึ่งในส่วนของราคาขายปลีกบรรจุขวดขนาด 350 มล. บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น ได้วางราคาขายไว้ที่ 20 บาท และแบบกล่องขนาด 200 มล. วางราคาไว้ที่  12 บาท 

สำหรับภาพรวมตลาดเครื่องดื่มเสริมสุขภาพ (ฟังก์ชั่นนอลดริ๊งค์) ชนิดพร้อมดื่ม มีอัตราการเติบโตค่อนข้างมาก ปีที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตถึง 42 % มีมูลค่าตลาดราว 2,300 ล้านบาท มีผู้เล่นหลักๆ คือ แมนซั่ม 32 % บิวตี้ดริ๊งค์ 30 % บีอิ้ง 17 % และตลาดเครื่องดื่มฟังก์ชั่นนอลดริ๊งค์ในประเทศก็ยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยกระแสการรักสุขภาพจะเป็นปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นตลาดให้เติบโต

แนวโน้มของกระแสรักสุขภาพที่ยังคงแรงไม่หยุด ส่งผลให้ในแต่ละปีจะต้องมีผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาทำตลาดเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าบางรายจะไม่ประสบความสำเร็จและต้องออกไปจากตลาด แต่ตลาดนี้ก็ยังคงเนื้อหอม มีผู้สนใจแวะเวียนเข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง เพราะจากมูลค่าตลาดที่ยังเล็กมาก เมื่อเทียบกับกับตลาดน้ำดื่ม น้ำผลไม้ หรือน้ำอัดลม  หากวางกลยุทธ์ตลาดที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคได้สำเร็จ ตลาดเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพถือได้ว่าเป็นตลาดที่ใหญ่และมีโอกาสสร้างรายได้ให้อย่างมหาศาล

แต่เนื่องจากปัจจุบันผู้บริโภคมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงเร็ว หากสินค้าที่เปิดตัวเข้ามาทำตลาดไม่โดนใจก็จะเปลี่ยนเป็นสินค้าตัวอื่นทันที เพราะปัจจุบันเครื่องดื่มในประเทศไทยมีให้เลือกหลากหลาย ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ผู้ประกอบการในแต่ละกลุ่มสินค้าต้องทำงานหนักมากขึ้น เพราะนอกจากจะต้องแข่งกับผู้เล่นในตลาดเดียวกันแล้ว ยังต้องแข่งกับผู้เล่นนอกตลาดอีกด้วย เพราะไม่เช่นนั้นจะตามคู่แข่งและผู้บริโภคไม่ทัน และในที่สุดคงต้องเฟสตัวเองออกไปจากตลาด เนื่องจากสู้การแข่งขันที่รุนแรงไม่ไหว

 

LastUpdate 17/04/2557 12:23:22 โดย : Admin
25-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 25, 2024, 2:36 am