แบงก์พลิกกลยุทธ์รับจังหวะเศรษฐกิจซบ หันปั๊มเงินฝากออมทรัพย์-กระแสรายวันแทน หวังลดต้นทุนการเงินประคองกำไร แก้ทางสินเชื่อโตต่ำกดรายได้หด
นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย (ทีเอ็มบี) กล่าวว่า ธนาคารพยายามปรับพอร์ตเงินฝากให้มาเน้นเงินฝากจากกลุ่มรายย่อยมากขึ้น เพื่อให้สามารถบริหารต้นทุนการเงินได้ดีขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาได้พยายามปรับพอร์ตมาฐานเงินฝากที่มีผลตอบแทนดีให้ลูกค้ารายย่อย เช่น เงินฝากไม่ประจำ (No Fixed) บัญชีเงินฝาก ME และเงินฝากเพื่อธุรกรรมการเงิน (Transactional Banking Account)
ทั้งนี้ ในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา แม้ว่าสินเชื่อจะขยายตัวได้เล็กน้อยเพียง 1,200 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.3% จากสิ้นปีที่แล้ว ขณะที่ฐานเงินฝากเพิ่มขึ้นถึง 29,000 ล้านบาท หรือขยายตัว 5.5% จากสิ้นปีที่แล้ว บวกกับอัตราดอกเบี้ยในตลาดที่ลดลง ทำให้ส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ย (NIM) ลดลงมาเป็น 2.87% เทียกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วอยู่ที่ 2.95%
"ที่ผ่านมาเราพยายามปรับพอร์ตมาเน้นฐานเงินฝากในกลุ่มรายย่อยเพิ่มขึ้น เพื่อพยายามลดต้นทุนการเงินลง ทำให้ NIM ของเราค่อนข้างขยับมาอยู่ที่ราว 3% ใกล้เคียงกับบรรดาแบงก์ใหญ่ แต่สถานการณ์ตอนนี้ที่สินเชื่อขยายตัวได้ยากขึ้น การรับเงินฝากเราก็ต้องพยายามยังเน้นในกลุ่มนี้เป็นหลัก เพื่อบริหารไม่ให้ต้นทุนการเงินขยับขึ้นมากนัก ซึ่งไตรมาส 1 ก็ถือว่าเรายังบริหารได้ดี แม้ NIM จะลดลง แต่รายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิก็ยังเพิ่มขึ้น 6%" นายบุญทักษ์กล่าว
เช่นเดียวกับหลายธนาคารที่พยายามหันมาเน้นฐานเงินฝากในกลุ่มนี้เช่นกัน เพื่อพยายามลดต้นทุนการเงินลง โดยธนาคารกรุงศรีอยุธยา ซึ่งรายงานผลประกอบการไตรมาส 1/2557 ว่า เมื่อเทียบสิ้นปี 2556 แล้ว สินเชื่อหดตัวลง 0.4% คิดเป็นมูลค่าที่ลดลง 3,700 ล้านบาท และเงินฝากขยายตัว 2.2% คิดเป็นมูลค่าที่เพิ่มขึ้นราว 16,500 ล้านบาท
นายโนริอากิ โกโตะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมา NIM ของธนาคารอยู่ที่ระดับ 4.22% ถือว่าปรับลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสที่ผ่านมา เนื่องจากในช่วงต้นปีจะมีความต้องการสินเชื่อรายย่อยลดลงตามปกติ หลังจากเติบโตในช่วงปลายปีไปก่อนหน้าแล้ว พร้อมกับการเพิ่มสัดส่วนขึ้นของโครงสร้างสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนต่ำและการชำระคืนของเงินทุนหมุนเวียนจากสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ รวมถึงความต้องการสินเชื่อที่ชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม ในฝั่งต้นทุนการเงินนั้น ธนาคารพยายามบริหารด้วยการมุ่งเพิ่มสัดส่วนของเงินรับฝากประเภทออมทรัพย์และจ่ายคืนเมื่อทวงถาม (CASA) ให้มากขึ้นแทน เพราะมีต้นทุนต่ำกว่า ซึ่งไตรมาส 1 ปีนี้สัดส่วนของเงินฝาก CASA ขยับขึ้นมาเป็น 55.1% ของเงินฝากทั้งหมด เทียบกับสิ้นปีที่แล้วอยู่ที่ 52.7% ทำให้ธนาคารยังสามารถบริหารต้นทุนการเงินได้ค่อนข้างดี
ขณะที่ นายธีรนันท์ ศรีหงส์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า NIM ของธนาคารอยู่ที่ระดับ 3.61% ถือว่าใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากช่วงที่ผ่านมามีเงินฝากซึ่งอัตราดอกเบี้ยสูงได้ครบกำหนดไปแล้วพอสมควร และการไถ่ถอนหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่ทำให้ต้นทุนดอกเบี้ยจ่ายของธนาคารลดลงไปด้วย
ข่าวเด่น