แม้ว่าขณะนี้ปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองจะยังไม่มีทีท่าว่าจะจบลง แต่ธุรกิจยังคงต้องก้าวเดินไปข้างหน้า แม้ว่าจะมีปัจจัยลบดังกล่าวให้กังวลอยู่บ้าง ซึ่งในส่วนของธุรกิจค้าปลีกก็เช่นกัน เห็นได้จากการที่ผู้ประกอบการค่ายยักษ์ใหญ่ต่างออกมาประกาศเปิดตัวศูนย์การค้าและร้านค้าปลีกใหม่ของตัวเองอย่างต่อเนื่อง
จากปัจจัยลบที่เกิดขึ้นดังกล่าวส่งผลให้ภาพรวมของธุรกิจค้าปลีกตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตที่ชะลอตัว ตามกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ถดถอยไป เนื่องจากส่วนใหญ่ยังไม่มั่นใจสถานการณ์ทางการเมือง และเศรษฐกิจ การระมัดระวังค่าใช้จ่าย จึงกลับมาเป็นปัจจัยเด่นที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกในตอนนี้
นายปิยะวัฒน์ ฐิตะสัทธาวรกุล ประธานคณะกรรมการธุรกิจค้าปลีกและค้าส่ง สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และรองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซีพี ออลล์ กล่าวว่า ปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองที่เกิดขึ้น หากสถาการณ์มีความยืดเยื้อถึงไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ของปีนี้ คาดว่าจะส่งผลกระทบให้ภาพรวมธุรกิจค้าปลีกสิ้นปีนี้เติบโตไม่ถึง 2% เนื่องจากอำนาจการซื้อของผู้บริโภคในขณะนี้ยังปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่หากสถานการณ์ทางการเมืองจบลงในเร็ววันนี้ ภาพรวมของธุรกิจอาจกลับมามีอัตราการเติบโตได้ที่ 5-7%
สำหรับภาพรวมของธุรกิจค้าปลีกในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 2% ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีอัตราการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 6.1% และในไตรมาส 2 นี้คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 2-3% เนื่องจากปัจจัยลบทางด้านการเมืองในขณะนี้ยังคงมีความขัดแย้งเกิดขึ้น
จากผลกระทบและปัจจัยลบที่เกิดขึ้นดังกล่าว ส่งผลให้ผู้ประกอบการค้าปลีกต้องหันมาลดต้นทุนในการดำเนินงาน เพื่อคงผลกำไรในการดำเนินธุรกิจ เนื่องจากปีนี้ไม่สามารถปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้นได้ แม้ต้นทุนการผลิตและการดำเนินงานจะเพิ่มขึ้น เพราะจากการแข้งขันที่รุนแรงหากบริษัทใดมีการปรับราคาสินค้าขึ้นจะทำให้ยอดขายตกทันที
อย่างไรก็ดี กลุ่มธุรกิจค้าปลีกที่ยังมีอัตราการเติบโตที่ดีตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา คือ กลุ่มคอนวีเนียนสโตร์ หรือร้านสะดวกซื้อ เนื่องจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป คือ มีวิถีชีวิตของคนเมืองมากขึ้น ขณะที่กลุ่มสเปเชียลตี้สโตร์ หรือร้านค้าเพื่อสุขภาพและความงาม ก็มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีเช่นกัน เพราะผู้บริโภคหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น เช่นเดียวกับกลุ่มคอมมูนิตี้มอลล์ ที่ยังคงมีอัตราการเติบโตที่ดี และกลุ่มห้างค้าส่ง เนื่องจากชุมชนมีการขยายตัวมากขึ้น
นายปิยะวัฒน์ กล่าวว่า ในส่วนของแผนการดำเนินงานของร้านเซเว่นอีเลฟเว่นของบริษัทก็เช่นกัน ในปีนี้ยังคงเดินหน้าปรับลดต้นทุนในการดำเนินงานที่ไม่จำเป็นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็วางแผนเดินหน้าขยายร้านเซเว่นอีเวฟเว่นใหม่ตามแผนงานเดิมที่วางไว้ แม้ว่าจะมีปัจจัยลบทางการเมืองให้ต้องกังวล โดยในปีนี้ยังคงใช้งบในการเปิดสาขาใหม่และปรับปรุงสาขาเก่าที่หลัก 10,000 ล้านบาท ซึ่งในส่วนของสาขาใหม่คาดว่าจะเปิดเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 600 สาขา สูงกว่าปีก่อนที่เปิดไปเพียง 600 สาขาเท่านั้น
นอกจากนี้ บริษัท ซีพีออลล์ ยังมีแผนที่จะจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย และโปรโมชั่นอย่างต่อเนื่อง เพราะกระตุ้นยอดขายให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ เนื่องจากการแข่งขันในร้านสะดวกซื้อยังคงมีความรุนแรง ซึ่งจากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ชะลอตัวส่งผลให้ผู้ประกอบการสินค้าไม่สามารถปรับราคาขายขึ้นได้ เพราะหากขึ้นอาจมียอดขายลดลงทันที แม้ว่าต้นทุนจะเพิ่มสูงขึ้น โดยในส่วนของร้านเซเว่นอีเลฟเว่นเองก็ยังไม่มีแผนที่จะขึ้นราคาขายสินค้าเช่นกัน ขณะเดียวกันยังคงเดินหน้าทำกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันให้สิ้นปีนี้มีรายได้เติบโตตรงตามเป้าหมายที่ 12%
น.ส.วัลยา จิราธิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอ็น กล่าวว่า แม้ว่าขณะนี้ภาพรวมเศรษฐกิจจะยังชะลอตัว แต่บริษัทก็ยังคงเดินหน้าเปิดตัวศูนย์การค้าใหม่เข้ามาทำตลาดตามแผนงานเดิมที่วางไว้ ภายใต้งบลงทุนปีนี้ที่เตรียมไว้ประมาณ 10,000-15,000 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทมองแผนระยะยาวในการดำเนินธุรกิจ จึงไม่มีความกังวลกับปัจจัยลบที่เกิดขึ้นดังกล่าว และ จากแนวโน้มกำลังซื้อของผู้บริโภคที่เริ่มปรับตัวดีขึ้นในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา ทำให้บริษัทมั่นใจว่าภาพรวมครึ่งปีหลังนี้ทุกอย่างน่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
สำหรับโครงการใหม่ที่ได้มีการเปิดตัวไปแล้วเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา คือ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า นครราชสีมา และล่าสุดได้เปิดตัวศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล อีสท์ วิลล์ ย่านเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา ภายใต้งบลงทุนกว่า 6,000 ล้านบาท ถือเป็นครั้งแรกที่บริษัทนำศูนย์การค้าในรูปแบบเฟสติวัล เข้ามาเปิดให้บริการในกรุงเทพฯ จากเดิมจะเน้นทำตลาดในจังหวัดท่องเที่ยวเป็นหลัก
ในด้านของรูปแบบศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล อีสท์ วิลล์ นั้น จะมีความแตกต่างไปจากศูนย์การค้าเฟสติวัล ในจังหวัดท่องเที่ยวอื่นๆ คือ มีการเพิ่มบริการให้ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากขึ้น เพื่อให้ลูกค้าได้เข้ามาผ่อนคลายทั้งในรูปแบบของการช้อปปิ้ง สังสรรค์ กิน ดื่ม ชิวเอาท์ ชมงานศิลปะ และออกกำลังกาย ซึ่งได้แรงบันดาลใจจาก โคเวนท์ การ์เด้น สีสันแห่งลอนดอน ,มีทแพ็คกิง สีสันยามค่ำคืนของนิวยอร์ค และอีสท์ วิลเลจ ในนิวยอร์ค มาออกแบบโครงสร้างของศูนย์การค้าดังกล่าว ซึ่งหลังจากก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการในไตรมาส 4 ปี 2558 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล อีสท์ วิลล์ จะเป็นศูนย์การค้าแรกในกลุ่มเซ็นทรัลที่เปิดให้บริการตั้งแต่ 07.00-24.00 น.
หลังจากเปิดตัวศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล อีสท์ วิลล์ ซีพีเอ็น มีแผนที่จะเปิดตัวศูนย์การค้าใหม่อีกหลายโครงการในปีนี้ แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ ส่วนศูนย์การค้าที่แล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการในปีนี้มีด้วยกัน 2 โครงการ คือ โครงการศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล สมุย และศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า ศาลายา ซึ่งหลังจากเดินหน้าขยายศูนย์การค้าใหม่อย่างต่อเนื่องคาดว่าสิ้นปีนี้ บริษัทจะมีรายได้เติบโตตามเป้าหมายที่ 15%
ด้าน นางสุชาดา อิทธิจารุกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทมีแผนที่จะใช้งบประมาณ 8,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการขยายสาขาใหม่ การปรับปรุงสาขาเดิม การปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ในสโตร์สาขาเก่า และการปรับปรุงระบบไอทีต่างๆ ซึ่งเป็นการลงทุนที่เพิ่มมากกว่าปีที่ผ่านๆมา ที่จะใช้งบลงทุนปีละประมาณ 4,000 – 5,000 ล้านบาท
สาขาใหม่ที่ บริษัท สยามแมคโคร จะเปิดห้างแมคโคร ในปีนี้วางไว้ที่ประมาณ 10 สาขา ซึ่งแต่ละสาขาคาดว่าจะใช้งบลงทุนเฉลี่ยสาขาละประมาณ 500-600 ล้านบาท จากปัจจุบันที่มีอยู่แล้วประมาณ 65 สาขาใน 40 กว่าจังหวัด เพิ่มจากปีที่แล้วที่เปิดสาขาใหม่ประมาณ 7 สาขา โดยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา บริษัท สยามแมคโคร ได้ทำการเปิดห้างแมคโคร สาขาใหม่ไปแล้ว คือ สาขาพัทยาเหนือ เป็นรูปแบบฟู้ดเซอร์วิส ตั้งอยู่บนพื้นที่ประมาณ 3,000 ตร.ม. และสาขาบึงกาฬ เป็นสาขาในรูปแบบศูนย์การค้าขนาดใหญ่ และเร็วๆนี้ มีแผนที่จะเปิดสาขาใหญ่อีก 1 สาขา ที่อ. แม่สาย จ.เชียงราย
สำหรับทำเลที่บริษัท สยามแมคโคร ให้ความสนใจเปิดสาขาใหม่ยังคงเน้นไปที่ตลาดต่างจังหวัดเป็นหลักเฉลี่ยประมาณ 8-9 สาขา ที่จะเข้าไปขยายสาขาในปีนี้ เนื่องจากยังมีช่องว่างอีกมากให้บริษัท สยามแมคโครเข้าไปทำตลาดเมื่อเทียบกับทำเลในกรุงเทพฯ ซึ่งนับวันจะหาทำเลที่ดีๆและศักยภาพในการเข้าไปเปิดสาขายากขึ้น
อย่างไรก็ดี นอกจากบริษัท สยามแมคโคร จะให้ความสำคัญกับการขยายสาขาขนาดใหญ่แล้ว ในส่วนของสาขาขนาดเล็กก็ให้ความสำคัญเช่นกัน ด้วยการวางแผนนำสาขาในรูปแบบดังกล่าวเข้าไปเปิดให้บริการในตลาดต่างจังหวัดที่มีศักยภาพ ซึ่งรูปแบบที่มีความเหมาะสมกับสาขาต่างจังหวัด คือ รูปแบบฟู้ดเซอร์วิส
นอกจากนี้ บริษัท สยามแมคโคร ยังมีแผนที่จะเข้าไปลงทุนในตลาดต่างประเทศ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้วางแผนการดำเนินงานที่ชัดเจน เนื่องจาก อยู่ระหว่างการศึกษาถึงรูปแบบที่จะเข้าไปลงทุนในรูปแบบไหน ซึ่งตลาดที่สนใจคือ กลุ่มCLMV หรือกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง ประกอบด้วย กัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม เนื่องจากอยู่ใกล้กับไทยทำให้ควบคุมดูแลการจัดการได้สะดวก เป็นตลาดที่มีศักยภาพอย่างมาก และคู่แข่งยังน้อย
อีกหนึ่งบริษัทที่เริ่มออกมาเปิดเกมขยายศูนย์การค้าใหม่เพิ่มเติมมากขึ้นคือ บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ซึ่งในส่วนของสัปดาห์หน้า เดอะ มอลล์ กรุ๊ป มีแผนที่จะออกมาประกาศโครงการค้าปลีกน้องใหม่ หลังจากก่อนหน้านี้ได้เปิดตัวไปแล้วจำนวน 2 โครงการ คือ ศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์ และ ศูนย์การค้า ดิเอ็มสเฟียร์ รวมไปถึงการออกมากางแผนปรับปรุงศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรียมโฉมใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับโครงการใหม่ที่กำลังจะเปิดให้บริการในอนาคต ซึ่งแผนการดำเนินงานดังกล่าวของ เดอะมอลล์ ได้เตรียมงบลงทุนรวมไว้แล้วกว่า 20,000 ล้านบาท
จากการออกมาตบเท้าเปิดตัวโครงการขนาดใหญ่ของผู้ประกอบการค้าปลีกแต่ละค่าย คงพอจะทำให้เห็นภาพว่าไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร การเมืองจะมีความวุ่นวายหรือไม่ ธุรกิจยังคงต้องเดินหน้าต่อ ด้วยวิสัยทัศน์ของผู้ประกอบการแต่ละรายที่มองไปข้างหน้าระยะยาว จึงทำให้มองผลกระทบที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ชินชา เพราะทุกคนล้วนหวังว่าทุกอย่างต้องกลับมาคลี่คลายและสดใสอีกครั้ง.
ข่าวเด่น