"บลจ.กสิกรไทย" ขนกองทุน ลุยงาน Money Expo 2014 ชูคอนเซ็ปต์ “K Lifestyle Fund” ตอบทุกไลฟ์สไตล์การลงทุน พร้อมอัดโปรโมชั่นเอาใจผู้ลงทุน รับหน่วยลงทุน K-Money สูงสุด 3,950 บาท
นายพงศ์พิเชษฐ์ นานานุกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้ร่วมออกบูธส่งเสริมการขายร่วมกับเครือธนาคารกสิกรไทย ในงานมหกรรมการเงิน ครั้งที่ 14 (Money Expo Bangkok 2014) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 8-11 พฤษภาคม 2557 ณ อาคารชาเลนเจอร์ฮอลล์ อิมแพค เมืองทองธานี โดยมุ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์กองทุนรวมเพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การลงทุน ด้วยผลิตภัณฑ์กองทุนรวมที่หลากหลาย ตอบรับทุกความต้องการของผู้ลงทุน พร้อมทั้งจัดเตรียมบริการให้คำแนะนำด้านการลงทุนอย่างมืออาชีพ ร่วมด้วยโปรโมชั่นสุดคุ้มภายในงาน
นอกจากนี้บริษัทยังได้ส่งผลิตภัณฑ์กองทุนเข้าร่วมในโครงการสานฝันเริ่มด้วยพันบาท ซึ่งจัดโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยบริษัทได้จัดส่งกองทุน K Lifestyle เข้าร่วมในโครงการดังกล่าว พร้อมจัดโปรโมชั่นส่งเสริมวินัยการออมและการลงทุนโดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคมนี้เป็นต้นไป
กองทุนเปิดเค ไลฟ์สไตล์ (K Lifestyle Fund) เหมาะเป็นทางเลือกสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการวางแผนทางการเงินเพื่อเป้าหมายในวัยเกษียณอายุ โดยเป็นกองทุนผสมที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ในสัดส่วนที่แตกต่างกัน ด้วยการบริหารพอร์ตการลงทุนและกระจายความเสี่ยงให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้ลงทุนในทุกช่วงวัย ประกอบด้วย กองทุน K-2500 ซึ่งเน้นลงทุนในหุ้นไม่เกิน 20 % ที่เหลือจะลงทุนในตราสารหนี้ จึงเหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่เกิดก่อน พ.ศ. 2500 และสามารถยอมรับความเสี่ยงได้ระดับปานกลางถึงค่อนข้างต่ ำเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับพอร์ตการลงทุน
ด้านกองทุน K-2510 จะเน้นลงทุนในหุ้นไม่เกิน 30% ที่เหลือลงทุนในตราสารหนี้ ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่เกิดในช่วง พ.ศ.2501 – 2510 โดยอยู่ในวัยที่ฐานะการเงินและการงานมั่นคง พร้อมรับความเสี่ยงได้ปานกลาง ส่วนผู้ลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้เพิ่มขึ้น เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน สามารถเลือกลงทุนกับกองทุน K-2520 ซึ่งจะเน้นลงทุนในหุ้นไม่เกิน 45% ที่เหลือลงทุนในตราสารหนี้ จึงเหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่เกิดในช่วง พ.ศ. 2511 – 2520
นอกจากนี้ สำหรับผู้ลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้ค่อนข้างสูง เพื่อโอกาสไปถึงเป้าหมายได้เร็วขึ้น ก็สามารถเลือกลงทุนกับกองทุน K-2530 ที่มีสัดส่วนลงทุนในหุ้นไม่เกิน 55% ที่เหลือจะลงทุนในตราสารหนี้ และเหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่เกิดในช่วง พ.ศ. 2521 – 2530 ดังนั้นในสภาวะที่ตลาดหุ้นไทยยังคงมีความผันผวนเช่นนี้ กองทุน K Lifestyle จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ซึ่งช่วยลดความผันผวนจากการลงทุนในกองทุนหุ้นเพียงอย่างเดียวได้ดี และยังเพิ่มโอกาสให้ผู้ลงทุนได้กระจายความเสี่ยงไปยังสินทรัพย์หลากหลายประเภทอย่างสม่ำเสมอด้วย
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถลงทุนในกองทุน K Lifestyle (K-2500, K-2510, K-2520, และ K-2530) ผ่านทาง “โครงการสานฝันเริ่มด้วยพันบาท” โดยสามารถลงทุนด้วยเงินเริ่มต้นเพียง 1,000 บาท ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย ได้จัดโปรโมชั่นเข้าร่วมในโครงการดังกล่าว โดยมีเงื่อนไข คือ ผู้ลงทุนที่ลงทุนผ่านบริการหักบัญชีรายเดือน K-Saving Plan (บริการลงทุนรายงวดในกองทุนรวมกสิกรไทย) และมียอดเงินลงทุนระหว่าง 1,000 - 4,999 บาท เมื่อลงทุนต่อเนื่องครบ 6 เดือน จะได้รับปากกาบราวน์และโคนี่ ลิขสิทธิ์แท้จาก Line จำนวน 2 ด้าม และเมื่อลงทุนต่อเนื่องครบ 12 เดือน จะได้รับพาสบุ๊คบราวน์และโคนี่ ลิขสิทธิ์แท้จาก Line เพิ่มอีก 1 เล่ม ฟรีทันที และสำหรับผู้ที่มียอดเงินลงทุนตั้งแต่ 5,000 ขึ้นไป เมื่อลงทุนต่อเนื่องครบ 6 เดือน จะได้รับทั้งพาสบุ๊คบราวน์และโคนี่ 1 เล่ม พร้อมปากกาบราวน์และโคนี่จำนวน 2 ด้าม ฟรีทันที
ผู้ลงทุนที่สนใจลงทุนกับกองทุนของ บลจ.กสิกรไทย ภายในงาน Money Expo Bangkok 2014 บริษัทยังได้จัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขายภายในงาน โดยผู้ลงทุนที่มียอดเงินลงทุนในกองทุน K Lifestyle (K-2500, K-2510, K-2520, และ K-2530) ครบทุกๆ 100,000 บาท จะได้รับหน่วยลงทุน K-MONEY เป็นจำนวน 150 บาท (สูงสุด 1,950 บาทต่อท่าน) นอกจากนี้ บริษัทยังได้จัดโปรโมชั่นสำหรับกองทุนต่างประเทศ โดยผู้ลงทุนที่มียอดเงินลงทุนในกองทุน K-ASIA กองทุน K-EUROPE กองทุน K-CHINA และกองทุน K-GA ครบทุกๆ 50,000 บาท จะได้รับหน่วยลงทุน K-MONEY เป็นจำนวน 100 บาท (สูงสุด 2,000 บาทต่อท่าน)
“สำหรับบรรยากาศการลงทุนในขณะนี้ บลจ. กสิกรไทย มองว่า เศรษฐกิจไทยยังคงได้รับแรงกดดันจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ซึ่งเป็นผลมาจากปัญหาทางการเมืองที่ยื้ดเยื้อ ด้านตัวเลขการส่งออกยังคงฟื้นตัวได้ช้า ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจปีนี้ลงมาอยู่ที่ 1.8% หรือในกรอบระหว่าง 1.3-2.4% จากที่ประมาณไว้ก่อนหน้าที่ 3% เนื่องจากคาดว่าการลงทุนและการบริโภคจะยังไม่ฟื้นตัวกลับขึ้นมาอย่างโดดเด่นในปีนี้ ทั้งนี้การพึ่งพาการส่งออกซึ่งจะได้รับอานิสงค์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก อาจไม่เพียงพอต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ ด้านสถานการณ์ตลาดหุ้นไทยยังคงมีความผันผวนในระยะสั้น โดยมีปัจจัยทางการเมืองเป็นตัวแปรสำคัญ อย่างไรก็ตาม ในระยะยาวหุ้นไทยยังคงมีความน่าสนใจ ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไทยในปีหน้าจะเติบโตได้ประมาณ 11% ( Bloomberg: 21 เมษายน 2557) รวมถึงอานิสงส์ที่จะได้รับจากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2559 ซึ่งน่าจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นไทยได้ในระยะยาว” นายพงศ์พิเชษฐ์กล่าว
ข่าวเด่น