นับวันการแข่งขันของธุรกิจศูนย์การค้าจะยิ่งมีความรุนแรงมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะแต่ละค่ายต่างเปิดศึกชิงทำเลทอง ล่าสุดบริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ก็ออกมากางแผนทุ่มงบถึงกว่า 50,000 ล้านบาท เปิดตัว 6 โครงการหรู สุดทันสมัย สอดคล้องกับไลฟ์ไตล์ของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน
ขณะที่ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด(มหาชน) หรือ ซีพีเอ็น ก็ทยอยออกมาเปิดตัวโครงการศูนย์การค้าใหม่อย่างต่อเนื่องเช่นกัน ซึ่งแต่ละโครงการก็มีทั้งอยู่ในความคาดหมายและนอกเหนือความคาดหมาย เพราะจากการแข่งขันของธุรกิจศูนย์การค้าที่เริ่มมีความรุนแรง ส่งผลให้ผู้ประกอบการในธุรกิจศูนย์การค้าเริ่มอุบไต๋ทยอยซื้อที่ดินในทำเลทอง
นอกจากนี้ ในฝั่งของบริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด หนึ่งในผู้พัฒนาธุรกิจศูนย์การค้าหรู และศูนย์การค้าไลฟ์ไตล์ก็มีการแย้มๆ ออกมาว่าตอนนี้มีที่ดินอยู่ในมือสามารถนำมาพัฒนาเป็นศูนย์การค้าได้ 2-3 แห่ง แต่จะเป็นที่ไหนยังไม่ขอเปิดเผย
แม้ว่าหลายคนจะออกมาประเมินสถานการณ์ว่าค้าปลีกในกรุงเทพฯ จะเริ่มอิ่มตัว โดยเฉพาะศูนย์การค้าขนาดใหญ่ แต่จากการที่ผู้ประกอบการแต่ละค่ายต่างออกมาตบเท้าเปิดตัวศูนย์การค้าขนาดใหญ่กันอย่างคึกโครม คงจะพอเป็นคำตอบได้ว่ายังมีช่องว่างให้เข้าไปทำตลาดอีกมาก เพียงแต่กลยุทธ์ที่นำมาใช้อาจต้องฉีกและมีความแตกต่างไปจากคู่แข่งที่ทำตลาดอยู่ในขณะนี้
กลยุทธ์ดังกล่าวเห็นได้จากการออกมาเปิดตัว 5 โครงการน้องใหม่ และ 1 โครงการปรับปรุงโฉมใหม่ของบริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป ซึ่งทั้ง 6 ศูนย์จะมีความแตกต่างในด้านของโพซิชั่นนิ่ง เริ่มต้นด้วยศูนย์การค้าดิ เอ็มควอเทียร์ จะเป็นศูนย์การค้ามิติใหม่ของรูปแบบชีวิตที่ไม่ธรรมดา(The Extraordinary Life) ภายในโครงการประกอบไปด้วยอาคารศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน สถานที่จัดกิจกรรม และสวนสวรรค์
ขณะที่ ศูนย์การค้า ดิ เอ็มสเฟียร์ จะเป็นชีพจรและเป็นความเร้าใจของคนกรุงเทพฯ(The Vibe of Bangkok has never experienced fore) ภายในโครงการจะประกอบไปด้วย อาคารศูนย์การค้า ร้านค้าชื่อดัง ร้านจำหน่ายสินค้าแปลกหายาก ผับ บาร์ สวนธรรมชาติ และบริการต่างๆ ซึ่งจะมีการตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมที่สวยงามและแปลกใหม่ เช่น อาคารรูปแบบกลาสบ็อค เป็นต้น
ส่วน ศูนย์การค้าดิ เอ็มโพเรียม โฉมใหม่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับปรุงตัวศูนย์การค้าทั้งภายนอกและภายใน เพื่อให้มีความสวยงามสอดคล้องกับ 2 ศูนย์การค้าใหม่ ภายใต้คอนเซ็ปต์ The Ultimate Shopping Complex เน้นความหรูหราทันสมัย แต่ยังคงไว้ซึ่งความสะดวก และบรรยากาศอันอบอุ่นน่าช้อปปิ้ง ซึ่งเป็นเสน่ห์ของ ดิ เอ็มโพเรียม ปรากฎการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นระหว่างปี 2559-2560 นี้ เดอะมอลล์ กรุ๊ป เรียก “เดอะ ดิสทริค เอ็ม” เพราะการเกิดขึ้นของ 3 ศูนย์การค้าดังกล่าว จะทำให้มีพื้นที่โครงการรวมกันกว่า 6.5 แสนตารางเมตร
สำหรับศูนย์การค้าแบงค็อก มอลล์ ซึ่งตั้งอยู่จุดตัดถนนบางนา-ตราด กับสุขุมวิท ตรงข้ามกับศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค เดอะมอล์ กรุ๊ป จะพัฒนาเป็นอานาจักรศูนย์การค้า ที่อยู่อาศัย และอาคารสำนักงานที่ยิ่งใหญ่ ครบวงจร ทันสมัย และสมบูรณ์แบบที่สุดในเอเชีย ภายใต้คอนเซ็ปต์ City within the City โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมที่ล้ำสมัยและยิ่งใหญ่
ในส่วนของศูนย์การบลูพอร์ต หัวหิน รีสอร์ต มอลล์ ที่ได้ร่วมลงทุนกับบริษัท พราว เรียลเอสเตท ซึ่งได้มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปแล้วเมื่อปี 2556 ที่ผ่านมา เดอะมอลล์ กรุ๊ป มีแผนจะพัฒนาภายใต้คอนเซ็ปต์ บลู คอลเล็คชั่น โดดเด่นด้วยการเป็นศูนย์การค้าแห่งสุนทรียภาพ และมนต์เสน่ห์แห่งเมืองหัวหิน ขณะที่ศูนย์การค้าบลูเพิร์ล ตั้งอยู่บนพื้นโครงการ 6.5 แสนตารางเมตร จากที่ดินรวม 150 ไร่ บริเวณปากทางเข้าหาดป่าตอง จ.ภูเก็ต เดอะมอลล์กรุ๊ปมีแผนที่จะพัฒนาโครงการดังกล่าวให้เป็นศูนย์การค้าลักซ์ชัวรี่ รีสอร์ท โฮเทล มีคาบาเร่ ระดับเวิลด์คลาส และธีม พาร์ค หรือสวนน้ำสวนสนุกขนาดใหญ่ ภายใต้คอนเซ็ปต์ The Grand Majestic Palace เพื่อให้ศูนย์การค้า บลูเพิร์ล เป็นไข่มุกอันเลอค่าที่สุดแห่งเอเชีย (The One and Only Precious Pearl of Asia )
จากการเกิดขึ้นของ 6 โครงการดังกล่าว นอกจากจะตอบสนองความต้องการของลูกค้าชาวไทยแล้ว เดอะมอลล์ กรุ๊ป ยังมีแผนที่จะให้ศูนย์การค้าดังกล่าวเป็นที่รองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(เออีซี) ที่กำลังจะเกิดขึ้นในปี 2558 เพราะหลังจากเปิดเออีซี เดอะมอลล์ กรีป คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติหลั่งไหลเข้ามาในประเทศไทยไม่ต่ำกว่า 40-50 ล้านคน จากปัจจุบันมีอยู่ที่ประมาณ 21-22 ล้านคนต่อปี
นอกจากนี้ ในอีก 1 ทศวรรธข้างหน้า เดอะมอลล์ กรุ๊ป ยังคาดหวังว่า การเกิดขึ้นของศูนย์การใหม่ จะช่วยให้ เดอะมอลล์ กรุ๊ป มีผลประกอบการทะลุ 1 แสนล้านบาท จากสิ้นปีนี้คาดการณ์ว่าจะมีรายได้ทะลุ 50,000 ล้านบาท
ในด้านของบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา ปีนี้ก็ออกมาเปิดตัวโครงการใหม่อย่างต่อเนื่องอีกเช่นกัน ซึ่งโครงการที่เหนือความคาดหมายล่าสุดก็น่าจะเป็นศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล อีสท์ วิลล์ ในย่านถนนเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา โดยมีสถานที่ตั้งติดกับห้างเทสโก้ โลตัส ขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับที่ดินเพื่อเริ่มดำเนินการก่อสร้าง
จุดเด่นที่บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา พยายามหามาใส่ในศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล อีสท์ วิลล์ จะมีความแตกต่างไปจากศูนย์การค้าเฟสติวัลในจังหวัดท่องเที่ยวอื่นๆ คือ มีการเพิ่มบริการให้ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากขึ้น เพื่อให้ลูกค้าได้เข้ามาผ่อนคลายทั้งในรูปแบบของการช้อปปิ้ง สังสรรค์ กิน ดื่ม ชิวเอาท์ ชมงานศิลปะ และออกกำลังกาย ซึ่งจะมีการผสมผสานรูปแบบของ โคเวนท์ การ์เด้น สีสันแห่งลอนดอน มีทแพ็คกิง สีสันยามค่ำคืนของนิวยอร์ค และอีสท์ วิลเลจ ในนิวยอร์ค เข้ามาใส่ไว้ในศูนย์การค้าดังกล่าว
พร้อมกันนี้ ในด้านของเวลาการเปิดและปิดให้บริการยังมีความแตกต่างไปจากศูนย์การค้าอื่นๆ คือ จะเปิดให้บริการตั้งแต่ 07.00-24.00 น.ถือเป็นครั้งแรกที่ศูนย์การค้าของบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา ที่นำศูนย์การค้ามาเปิดให้บริการในเวลาดังกล่าว โดยเฉพาะศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัลในจังหวัดท่องเที่ยวอื่นๆ ซึ่งยังคงเปิดให้บริการตามเวลาศูนย์การค้าทั่วไป คือ เปิดให้บริการตั้งแต่ 10.00-22.00 น.
ปัจจุบัน บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา พยายามสร้างคาแรคเตอร์ให้กับศูนย์การค้าของตัวเอง ซึ่งขณะนี้มีอยู่ด้วยกัน 3 แบรนด์ คือ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ จะเป็นศูนย์การค้าขนาดใหญ่ เน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายคนเมืองและกลุ่มคนทำงาน ขณะที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า จะเน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายคนทั่วไป และศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล จะเน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ
จากการแข่งขันที่รุนแรงเชื่อว่าบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา น่าจะมีหมัดเด็ดในด้านของศูนย์การค้าใหม่ๆ นำมาให้บริการเพิ่มขึ้น ซึ่งศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล อีสท์ วิลล์ ถือเป็นหนึ่งในโครงการรูปแบบใหม่ที่บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา ไม่เคยทำมาก่อน
อีกหนึ่งบริษัทที่น่าจับตามอง คือ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้าสยามดิสคัฟเวอรี่ ศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์ ศูนย์การค้าสยามพารากอน และศูนย์การพาราไดซ์ พาร์ค หลังจากออกมาประกาศความร่วมมือกับบริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ร่วมทุน 35,000 ล้านบาท เปิดตัวโครงการมิกซ์ยูสสุดหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา บนพื้นที่ 40 ไร่ ของถนนเจริญนคร อยู่ระหว่างโรงแรมฮิลตันและเพนนินซูล่า บริษัท สยามพิวรรธน์ ยังคงสุ่มเงียบไม่ยอมเปิดเผยตัวโครงการดังกล่าว นอกจากนี้ นางชฎาทิพ จูตระกูล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ยังออกมาแย้มๆ ว่า ตอนนี้มีที่ดินในมืออีกหลายแปลงที่พร้อมจะนำมาพัฒนาเป็นศูนย์การค้าขนาดใหญ่ คาดว่าจะพร้อมเปิดตัวในเร็วๆ นี้
นอกจากรายใหญ่ในธุรกิจค้าปลีกจะรุมชิงทำเลทองในการขยายอาณาจักรศูนย์การค้าของตัวเองแล้ว ในด้านของยักษ์ใหญ่ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างแลนด์แอนด์เฮ้าส์ ก็เริ่มหันมารุกหนักธุรกิจศูนย์การค้าเช่นกัน ภายในการบริหารงานของบริษัท สยามรีเทล จำกัด หลังประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้นกับศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 และศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ ศูนย์การค้าพรอมานาด และศูนย์การค้าไลฟ์เซ็นเตอร์ ซึ่งแต่ละศูนย์จะมีความโดดเด่นแตกต่างกันไป โดยในส่วนของศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ จะเป็นแหล่งรวมความสุขของทุกครอบครัว ขณะที่ศูนย์การค้าเดอะ พรอมานาด จะเป็นไลฟ์สไตล์ช้อปปิ้งมอลล์ที่โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรม ศูนย์การค้าเทอร์มินอล ทเวนตี้วัน จะเป็นแหล่งช้อปปิ้งเทรนด์ใหม่ และศูนย์การค้าไลฟ์เซ็นเตอร์ จะเป็นไลฟ์สไตล์มอลล์ที่เน้นบริการด้านสุขภาพและความงาม
จากความสำเร็จดังกล่าว ส่งผลให้แนวทางการดำเนินธุรกิจในอีก 6 ปีนับจากนี้ บริษัท สยามรีเทล ออกมากางแผนขยายศูนย์การค้าในต่างจังหวัดจำนวน 4 สาขา ใน 4 จังหวัด ภายใต้งบลงทุนรวม 20,000 ล้านบาท ประกอบด้วย นครราชสีมา ขอนแก่น และนครศรีธรรมราช ส่วนอีก 1 จังหวัด อยู่ระหว่างการเจรจาซื้อที่ดิน การแข่งขันที่รุนแรงดังกล่าวนอกจากจะทำให้ธุรกิจค้าปลีกมีความคึกคักมากขึ้นแล้ว ยังทำให้ราคาที่ดินมีความคึกคักมากขึ้นตามไปด้วย
ข่าวเด่น