หุ้นทอง
กฎอัยการศึก กระทบการลงทุนในตลาดหุ้น หรือไม่ ?


 

 
ผ่านไป 1 วัน(20 พ.ค.57) แล้วหลังการประกาศกฎอัยการศึก ซึ่งต้องยอมรับว่าตลาดหุ้นนั้นมีความอ่อนไหว และรับกับข่าวได้รวดเร็ว สะท้อนออกมาแล้วว่า เพียงวันเดียว ต่างชาติแห่ขายสุทธิถึง 8,335.63 ล้านบาท ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับลดลงและอยู่ในแดนลบตลอดทั้งวัน โดยปรับลงไปลึกสุดประมาณ 37 จุด ที่ระดับ1,387.63 จุด และปิดตลาดที่ 1,394.69 จุด ลดลง 15.94 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่นถึง 43,257.79 ล้านบาท ดังนั้นความตื่นตระหนกของนักลงทุนต่างชาติจะยังมีอยู่และจะกลับมาขายตลาดหุ้นไทยอีกนานไหม

 
 
 
บล.เอเซีย พลัส ประเมินสถานการณ์  1 วันที่ผ่านมา สำหรับการประกาศกฎอัยการศึก คงสร้างความตกอกตกใจพอสมควร เนื่องจากการประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศ ถือเป็นครั้งแรกของตลาดหุ้นไทยที่เจอเหตุการณ์นี้ แรงขายหลักๆ มาจากนักลงทุนต่างประเทศ โดยภาพการเคลื่อนไหวของหุ้นที่ปรับลดลงอย่างหนัก ส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นในกลุ่ม Big-Mid Cap.เป็นการสะท้อนภาพแรงขายของต่างชาติเป็นอย่างดี

อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าแรงขายจากนักลงทุนต่างประเทศในรอบนี้ อาจไม่ได้หนักหน่วงและรุนแรงเท่าไหร่นัก เนื่องจากปริมาณการซื้อขายสุทธิตั้งแต่ปลายกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน เหลือเพียง 2.8 หมื่นล้านบาท ในขณะที่มูลค่าพอร์ตลงทุนเมื่อคิดตามราคาตลาดตั้งแต่ปี 2552 – ปัจจุบัน มีเพียง 7.5 หมื่นล้านบาทเท่านั้น ซึ่งไม่ได้เป็นมูลค่าที่มากมายอะไรเลย หากเทียบกับยอดสูงสุดที่เคยทำไว้ 3.2 แสนล้านบาทเมื่อเดือนเมษายน 2556  อีกทั้งเมื่อปฏิกิริยาด้านอื่นๆ ที่เป็นตัวสะท้อนถึงทิศทางของต่างชาติ สัญญาณหลายๆ อย่างยังไม่ได้ตอบสนองเชิงลบอะไรมากนัก เช่นค่าเงินบาทที่ยังอยู่ในระดับ 32.49 บาทต่อดอลลาร์

ด้าน บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) มองว่าการเมืองใกล้มาถึงจุดเปลี่ยนมากขึ้น หลังมีการประกาศใช้กฎอัยการศึก โดยมีประเด็นสำคัญในการห้ามการเคลื่อนไหวของกลุ่ม นปช. และ กปปส. ทั้งนี้ต้องจับตาต่อไปว่าจะไปในทิศทางใด ทั้ง นายกรัฐมนตรี มาตรา 7 และการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นประเด็นเปราะบางของการขับเคลื่อนของทั้ง 2 กลุ่ม ดังนั้น ระยะสั้นตลาดหุ้นไทยอาจะได้รับผลกระทบจากแรงขายของนักลงทุนต่างชาติอย่างต่อเนื่อง จนกว่าจะเห็นทางออกในการแก้ไขปัญหา เพื่อให้ได้รัฐบาลมาบริหารประเทศโดยเร็ว
 

 
 
นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บล.เอเซีย พลัส (ASP) เปิดเผย ว่าในส่วนของตลาดทุน ปฏิกิริยาคงไม่มีอะไรมากเนื่องจากเป็นสิ่งที่คาดการณ์กันไว้อยู่แล้ว ซึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา ตนเองยังได้ประเมินสถานการณ์ไว้ว่าจะออกมา 2 ทาง คือ soft coupกับ hard coup แม้ว่าวันนี้จะเป็น soft coup แต่ข้างหน้ายังต้องติดตามต่อไปว่าเป็นเช่นไร ซึ่งก็ยอมรับว่ายังไม่สามารถสรุปได้ชัดเจนว่าจะออกมาในรูปแบบไหน หากออกมาในรูปแบบแต่งตั้งรัฐบาลเฉพาะกิจ แล้วหน้าตารัฐบาจะเป็นอย่างไร หรือออกมาในรูปแบบการเดินหน้าเลือกตั้งอย่างเต็มตัว ซึ่งคงจะต้องติดตามรอดูสถานการณ์กันต่อไป

 
 
 
ด้าน นายปริญญ์ พาณิชย์ภักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บล.ซีแอลเอสเอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า การประกาศกฎอัยการศึกครั้งนี้ของทหารในสายตานักลงทุนต่างชาติก็อาจจะมีการตกใจและเทขายหุ้นไทยออกมาบ้างในระยะสั้นๆ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าหากไม่มีการปฏิวัติรัฐประหารในสายตานักลงทุนต่างชาติรับได้
 
และยิ่งหากมีความคืบหน้าในการตกลงกันของทั้ง 2 ฝ่าย ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาจะมีการเจรจาการอย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่ได้ข้อมสรุปก็ตาม ดังนั้นหากการเจรจาในครั้งนี้สามารถหาทางออกได้และมีการจัดตั้งรัฐบาลได้ จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นต่อสายตานักลงทุนต่างประเทศให้กลับมา
 

 
 
ด้าน นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) เปิดเผยว่าหลังประกาศกฎอัยการศึก ดัชนีตลาดหุ้นไทยเปิดตลาดปรับลง 20 จุดถือว่า ไม่ค่อยมีผลกระทบมาก เนื่องจากตลาดรับข่าวเรื่องนี้ไปมากแล้ว อย่างไรก็ตาม มองว่าตลาดหุ้นไทยยังมีความน่าสนใจเมื่อเทียบกับที่อื่น ซึ่งเดือน มี.ค.-เม.ย.ที่ผานมา การซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นไทบเป็นยอดซื้อสุทธิ 30,000 ล้านบาท แสดงว่าได้รับความไว้วางใจระดับหนึ่ง เมื่อเทียบกับปี 56 ที่เป็นการขายสุทธิ
 
ดังนั้น ขอให้นักลงทุนอย่าตื่นตระหนก อยากให้มองเป็นการลงทุนระยะยาว ดูปัจจัยพื้นฐานของหุ้นนั้นๆ ซึ่งหากช่วงราคาปรับลดลงผิดปกติต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานระยะยาว อาจเป็นจังหวะดีในการเข้าซื้อเพื่อลงทุน
         
ส่วนตลาดหลักทรัพย์ คงไม่มีมาตรการพิเศษใด ๆ มาดูแลภาวะการซื้อขายหลักทรัพย์ เพราะหลักเกณฑ์ปกติที่มีอยู่รองรับทุกสถานการณ์ได้อยู่แล้วซึ่งการประกาศกฏอัยการศึกวันนี้ ก็อยู่ในกรอบของการเตรียมความพร้อม เพื่อรองรับตามปกติ และยืนยันว่าตลาดหลักทรัพย์ยังคงเปิดทำการซื้อขายเป็นปกติทุกวัน

"ตลาดหลักทรัพย์เตรียมความพร้อมปกติ ส่วนเรื่องความผันผวนของดัชนี ระดับราคาหุ้น ในเรื่องของ Index เราก็มีระบบ circuit breaker ในแง่ราคาหุ้นแต่ละตัวก็มี floor-ceiling อยู่แล้ว คงไมมีเกณฑ์เพิ่มอะไร"นายจรัมพร กล่าว
 
ดังนั้นสรุปว่ากฎอัยการศึกที่ประกาศทั่วประเทศนั้น ถือเป็นครั้งแรกในตลาดหุ้นไทยที่เคยเจอ ผลกระทบย่อมมี และเห็นได้ชัดเจน คือ ความไม่มั่นใจของนักลงทุนต่างชาติ แต่ไม่ได้เป็นเหตุหารณ์ที่เหนือความคาดหมายของนักลงทุน


 

LastUpdate 21/05/2557 11:05:49 โดย : Admin
23-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 23, 2024, 9:49 pm