เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีทีมฟุตบอล 2 ทีม ซึ่งประสบความสำเร็จ หลังจากปล่อยให้แฟนบอลรอคอยมาหลายปี นั่นคือ "อาร์เซนอล" กับ "อัตเลติโก มาดริด" ทีมปืนใหญ่ แห่งอังกฤษ คว้าแชมป์เอฟเอคัพ เป็นรางวัลใหญ่รางวัลแรก นับจากได้แชมป์ถ้วยนี้เมื่อปี 2005 คือมือเปล่ามา 9 ปี จน "อาร์แซน เวงเกอร์" โดนแฟนบอลบางส่วนตำหนิอย่างแรงขนาดอยากให้ลาออก ทั้งที่กุนซือฝรั่งเศสทำทีมอยู่ในมาตรฐานสูงมาตลอด ขาดเพียงตำแหน่งแชมป์ ซึ่งในที่สุดก็ทำได้ ส่วนทีมตราหมีแห่งสเปน ได้แชมป์ลีกสูงสุดของสเปน หรือ ลาลีกา เป็นครั้งแรกนับแต่ปี 1996 สิ้นสุด 18 ปีที่รอคอย
รู้กันอยู่ว่า "เรอัล มาดริด" กับ "บาร์เซโลนา" คือ 2 ยักษ์ใหญ่แห่งสเปน ซึ่งมักจะผลัดกันคว้าแชมป์สนุกอยู่แค่ 2 ทีม นานๆ จะมีทีมรองบ่อนอย่าง
"อัตฯ มาดริด" ผงาดแซงหน้าสองยักษ์ใหญ่คว้าแชมป์ลีกสูงสุดสำเร็จ โดยทีมสุดท้ายที่แหวกม่านประเพณีแบบนี้ได้คือ "บาเลนเซีย" ในฤดูกาล 2003/04
สิ่งที่เหมือนกันของอาร์เซนอล กับ อัตฯ มาดริด คือ เป็นทีมที่ไม่ได้จ่ายเงินฟุ่มเฟือย พวกเขาจ่ายเงินเท่าที่จำเป็นเพื่อเสริมทีม และมักจะเสียนักเตะเด่นๆ ให้กับทีมเงินถุงเงินถังที่มีนโยบายใช้เงินซื้อความสำเร็จ นั่นหมายความว่า ต้องมาตั้งหลักสร้างทีมใหม่ทุกปี
อย่าง อัตเลติโก มาดริด ฤดูกาลที่ผ่านมาก็เสียสุดยอดดาวยิง "ราดาเมล ฟัลเกา" ให้โมนาโก ของฝรั่งเศส แต่คนที่มาแทนอย่าง "ดีเอโก คอสตา" ก็ขึ้นมาแทนได้อย่างยอดเยี่ยม เป็นส่วนสำคัญในการพาทีมคว้าแชมป์ลีก
นอกจากนั้น ทั้ง 2 ทีมยังเป็นทีมที่เน้นการเล่นเป็นระบบ อย่างที่เรียกว่าเล่นกันเป็นทีม มีการประสานงานเป็นหลัก ความสามารถเฉพาะตัวเป็นส่วนเสริม ไม่ได้มีศิลปินเดี่ยวที่โชว์อยู่คนเดียว
ต่างกันหน่อยเดียวตรงที่ทีมตราหมีโชคดี นักเตะตัวหลักไม่ค่อยเจ็บ หรือเจ็บไม่นาน ทำให้รักษาความสม่ำเสมอเอาไว้ได้ในการแข่งขันฟุตบอลลีก 38 นัด ส่วนทีมปืนใหญ่โดนมรสุมนักเตะตัวหลักเจ็บระนาวในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน แถมเจ็บนานคนละ 2-3 เดือนเป็นอย่างน้อย ทำให้รักษาฟอร์มในลีกไม่ได้ ยังดีที่คว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วย คือ "เอฟเอคัพ" สำเร็จ
งานนี้ต้องขอแสดงความยินดีกับทั้ง 2 ทีมด้วย
ข่าวเด่น