"เจแอลแอล"ฟันธงรัฐประหาร กระทบอสังหาริมทรัพย์ไม่มาก ค่าเช่ายังปรับตัวสูงขึ้นในช่วง 7 เดือน แต่ยอมรับนักลงทุนรายใหม่ไม่กล้าลงทุนในไทย
นางสุพินท์ มีชูชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัทบริการและที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ระหว่างประเทศ เจแอลแอล (โจนส์ แลง ลาซาลล์) เปิดเผยว่า หลังจาดเกิดการรัฐประหารที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา มีการคาดการณ์ว่าจะส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย แต่กลับพบว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยรวมจะยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เนื่องจากสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายมากนักสำหรับนักลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทยทั้งที่เป็นชาวไทยและต่างชาติ
"จากการพูดคุยกับกลุ่มลูกค้าและคู่ค้า ซึ่งประกอบด้วยผู้พัฒนาโครงการและนักลงทุน รวมไปจนถึงบริษัทต่างๆ ที่เป็นผู้เช่าใช้พื้นที่ออฟฟิศ-สถานประกอบการ พบว่า ส่วนใหญ่ไม่ประหลาดใจมากนักกับการเกิดเหตุการณ์รัฐประหารเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากหลายคนไม่ได้คาดหวังว่า การเจรจาที่มีกองทัพจัดให้มีขึ้นระหว่างฝ่ายผู้สนับสนุนและฝ่ายที่ไม่ต้องการรัฐบาลจะสามารถบรรลุข้อตกลงที่นำไปสู่การยุติความขัดแย้งทางการเมืองได้"นางสุพินท์ กล่าว
นอกจากนี้ กลุ่มผู้ประกอบการและนักลงทุนรายปัจจุบันในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทย ส่วนใหญ่จะคุ้นชินกับสถานการณ์ทางการเมือง โดยมีหลายๆ รายที่เคยผ่านสถานการณ์ความไม่ปกติมาแล้วหลายเหตุการณ์ ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์รัฐประหารครั้งก่อนๆ เหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมือง ไปจนถึงภัยพิบัติทางธรรมชาติ ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่างๆ เหล่านี้ในอดีต ส่วนใหญ่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ไม่มากนัก หรือถ้ามีผลกระทบ ก็เป็นผลกระทบระยะสั้นเท่านั้น
ในความเป็นจริง ประสบการณ์ในอดีตแสดงให้เห็นว่า วิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจสามารถสร้างความเสียหายต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ได้มากกว่า ดังตัวอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงเกิดวิกฤตการณ์ต้มยำกุ้ง (2540-2541) หรือวิกฤตการณ์ทางการเงินโลก (2550-2551) ซึ่งมีผลทำให้มูลค่าราคาและค่าเช่าของอสังหาริมทรัพย์หลายประเภทตกต่ำลง ในขณะที่ในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมาที่มีการชุมนุมของฝ่ายต่อต้านรัฐบาล กลับพบว่า ราคาและค่าเช่าของอสังหาริมทรัพย์ประเภทต่างๆ ส่วนใหญ่ ยังคงสามารถปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดี การแทรกแซงของทหารอาจทำให้นักลงทุนรายใหม่ที่ไม่คุ้นเคยกับประเทศไทยไม่กล้าเข้ามาลงทุน แต่แม้จะไม่มีเหตุการณ์รัฐประหาร นักลงทุนรายใหม่ส่วนใหญ่ยังคงไม่ประสงค์เข้ามาลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทยอยู่ดี เนื่องจากปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองที่เกิดขึ้นต่อเนื่องยาวนาน
นับตั้งแต่ความวุ่นวายทางการเมืองขยายตัวขึ้นตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบการ เจ้าของโครงการ และนักลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เพิ่มความระมัดระวังการลงทุนมากขึ้น โดยมีหลายรายที่ชะลอการลงทุนไปก่อนแล้ว เพื่อรอดูสถานการณ์ และยังไม่มีสัญญาณชัดเจนที่บอกว่า เหตุการณ์รัฐประหารทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไป
นางสุพินท์ กล่าวว่า ขณะนี้อาจเร็วเกินไปที่จะบอกว่า การรัฐประหารจะสามารถช่วยผ่าทางตันทางการเมืองให้กับประเทศไทย และลดดีกรีความไมแน่นอนทางการเมืองได้หรือไม่ หรือจะส่งผลดีหรือผลเสียต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์หรือไม่ในระยะต่อไป ทั้งนี้คาดว่าจะมีการตั้งรัฐบาลชั่วคราวขึ้นเร็วๆ นี้ ซึ่งหากรัฐบาลชั่วคราวมีความสามารถและมีแรงต่อต้านไม่มาก เชื่อว่าสถานการณ์จะคลี่คลายไปในทางที่ดีต่อไป
ข่าวเด่น