หลังจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ปลดล็อกเร่งจ่ายเงินจำนำข้าวให้ชาวนา เมื่อต้นสัปดาห์ (26-30 พ.ค.) หุ้นกลุ่มเช่าซื้อเหมือนปลาได้น้ำวิ่งกันถ้วนหน้า โดย "GCAP" เปิดมาวันจันทร์ 26 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ปิดบวกถึง 29 % ขณะหุ้นกลุ่มรับเหมาก็ไม่น้อยหน้า หลังมีแผนผลักดันโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเดินหน้า ทั้งหุ้น CK-STEC-ITD ดีดขึ้นถ้วนหน้า 2 วันติดต่อกัน 8-14 % ทำเอาเศรษฐีหุ้นรวยไปด้วย
กรณีที่ คสช. ได้มีการประกาศให้เร่งเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี 2557เพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าทั้งปัญหาระยะสั้นและปัญหาระยะยาว พร้อมกับโฟกัสไปที่เรื่องการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนเป็นอันดับแรก โดยเฉพาะการจ่ายเงินในชาวนา โครงการรับจำนำข้าว วงเงิน 9.2 หมื่นล้านบาท และเร่งผลักดันโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น ซึ่งจะต้องได้ข้อสรุปภายใน 2 สัปดาห์ ทั้งรถไฟรางคู่ รถไฟฟ้าในเมือง หรือแม้แต่โครงการรถไฟฟ้าชานเมือง โครงการขยายท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง เป็นต้น
จากการตรวจสอบของสำนักข่าวเอซีนิวส์ พบว่า "หุ้นกลุ่มเช่าซื้อ" ได้รับผลบวกโดยตรงมากที่สุด นำโดย บมจ.จีแคปปิตอล (GCAP) ซึ่งให้สินเชื่อแก่ลูกค้ากลุ่มเกษตร โดยเฉพาะรถเกี่ยวข้าว ราคาหุ้นช่วงวันที่ 26 พฤษภาคม 2557 ดีดเพิ่มขึ้นถึง 29.86% โดยราคามาปิด ที่ 3.74 บาท จากวันก่อนหน้าเพียงวันเดียว ราคาอยู่ที่ 2.88 บาท เช่นเดียวกับ บมจ.ซิงเกอร์ประเทศไทย (SINGER) ที่ราคาปิดเพิ่มขึ้นที่ 20.50 บาท โดยบวก 7.89 % จากวันก่อนหน้า รวมถึง บมจ.ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 1979 (SAWAD) ที่ราคาเพิ่มขึ้น 6.43% จากวันก่อนหน้า มาปิดที่ 14.90 บาท หรือแม้แต่ บมจ.ฐิติกร (TK) ผู้ให้บริการเช่าซื้อรถจักรยานยนต์รายใหญ่ของประเทศไทย ราคาก็กระโดดขึ้นมาปิดที่ 9.75 บาท เพิ่มขึ้น 5.41%
ขณะที่ "กลุ่มรับเหมา" ราคาทยอยปรับขึ้นเช่นกัน หลังมีข่าวออกมาว่า คสช.จะเดินหน้าผลักดันโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ บมจ.ช.การช่าง (CK) ราคาปิด เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ดีดขึ้นไปที่ 19.70 บาท หรือเพิ่มขึ้น 9.44 % และ บมจ.ชิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตัคชั่น (STEC) ปิดที่ 20.20 บาท เพิ่มขึ้น 5.76 % จากวันก่อนหน้า ตามมาด้วย บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD) ปิดที่ 3.86 บาท เพิ่มขึ้น 5.46 % จากวันก่อนหน้า และหลังจากนั้นยังขึ้นต่อในวันที่ 2 อีกรวมแล้วช่วง 2 วัน ราคาหุ้น 3 หุ้นใหญ่ดังกล่าวขึ้นไปประมาณ 8-14 % โดยหลังจากนี้หุ้นกลุ่มต่อไปที่จะได้รับผลดีตามมา คือ กลุ่มค้าปลีก
ด้าน บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทร้ัพย์ (บล.) เคจีไอ ประเมินว่า ขณะนี้เริ่มเห็นแสงปลายอุโมงค์ชัดเจนขึ้นแล้ว เมื่อ คสช.ตั้งเป้าที่จะประกาศโรดแมปทางเศรษฐกิจในสัปดาห์หน้า (4-5 มิ.ย.) ซึ่งคาดว่าจะมีการกำหนดเกี่ยวกับการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณที่ค้างจ่ายสำหรับปี 2557 อีกประมาณ 1.09 ล้านล้านบาท และการจัดทำงบประมาณประจำปี 2558
ทั้งนี้ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งโครงการรถไฟฟ้าและรถไฟฟ้ารางคู่ น่าจะเริ่มเปิดประมูลได้ปีนี้ และอีกหลายโครงการมีโอกาสจะเปิดประมูลได้ปีหน้า ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจรับเหมาดูดีขึ้น และทำให้มั่นใจได้ว่าเป็น ยุคทองของกลุ่มรับเหมา จะดำเนินต่อไปในอีก 5 ปีข้างหน้า จึงปรับน้ำหนักหุ้นกลุ่มรับเหมาจาก “ต่ำกว่าตลาด” เป็น “เท่ากับตลาด” คือ STEC ถือเป็นหุ้นเด่นสุดในกลุ่ม โดยให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 27.30 บาท จากเดิม 19.60 บาท ขณะที่ CK ให้ราคาเป้าหมายใหม่อยู่ที่ 27 บาท จากเดิม 19.4 บาท
นอกจากนี้ คสช.ยังได้ฟื้นความเชื่อมั่นของนักลงทุนในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะการจ่ายเงินที่ค้างจ่ายจำนำข้าวรวม 9.2 หมื่นล้านบาทให้กับชาวนา ซึ่งน่าจะช่วยให้กำลังซื้อฟื้นตัวกลับมาได้ และสนับสนุนให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศหรือจีดีพี เพิ่มขึ้นอีก 0.2 % ในขณะเดียวกันยังเร่งเบิกจ่ายงบค้างท่อในปีงบประมาณนี้อีก จึงน่าจะช่วยทำให้จีดีพีของประเทศไทยสามารถเติบโตได้ 2-3 %ในปีนี้
อย่างไรก็ตาม นายบรรยง พงษ์พานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) ได้แสดงความคิดเห็นไว้อย่างน่าสนใจ ในงาน สัมมนา “M&A:กลยุทธ์ต่อยอดธุรกิจไทย”ว่า ประเทศไทยมีความเหลื่อมล้ำระหว่างคนจนกับคนรวยมากยิ่งขึ้น เห็นได้จากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนแม้ในยามภาวะเศรษฐกิจประเทศชะลอตัว แต่บริษัทจดทะเบียนก็ยังสามารถสร้างกำไรให้เติบโตได้ไม่น้อยกว่า 20-25 % ต่อปี ขณะที่อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจของประเทศไทยเติบโตเฉลี่ย 4 % ต่อปีเท่านั้น แสดงให้เห็นว่า กำไรบริษัทจดทะเบียนสามารถเติบโตได้ถึง 3 เท่าของจีดีพีประเทศ
ข่าวเด่น