หลังจาก นายทศ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด ได้ออกมาประกาศ กลยุทธ์ในการรุกธุรกิจของกลุ่มเซ็นทรัล ด้วยการมุ่งเน้นสร้างแบรนดิ้ง ผ่านธุรกิจหลักและแบรนด์หลัก เพื่อสร้างการยอมรับในเรื่องของสินค้าและบริการในระดับโลก รวมถึงการซินเนอร์ยี (Synergy) ธุรกิจภายในกลุ่มเซ็นทรัล ส่งผลให้ธุรกิจในเครือ ต้องมีการวางแผนการทำกิจกรรมการตลาดร่วมกันมากขึ้น
ล่าสุด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอ็น บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด ห้างสรรพสินค้าเซน และ บริษัท ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน จำกัด (มหาชน) และบัตร The1Card ได้ออกมาประกาศการทำแคมเปญร่วมกันเป็นครั้งแรก ภายใต้ชื่อ “The Greatest Grand Sale” เพื่อกระตุ้นยอดขายในช่วงกลางปี ซึ่งแคมเปญดังกล่าวถือเป็นแคมเปญแรกที่ห้างค้าปลีกในเครือได้จับมือร่วมกันทำกิจกรรมการตลาด
การจับมือร่วมกันของบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอ็น บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด ห้างสรรพสินค้าเซน และ บริษัท ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน จำกัด (มหาชน) และบัตร The1Card รวมไปถึงการจับมือร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจต่างๆ เพื่อร่วมกันทำแคมเปญ “The Greatest Grand Sale” ในครั้งนี้ ได้ใช้งบประมาณในการจัดงานสูงถึง 400 ล้านบาท เนื่องจากแคมเปญดังกล่าวมีระยะเวลานานถึง 40 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 6 มิ.ย.- 15 ก.ค. นี้
นอกจากจะช่วยกระตุ้นยอดขายร่วมกันแล้ว การจับมือร่วมกันในครั้งนี้ยังถือเป็นการแสดงความแข็งแกร่งของกลุ่มเซ็นทรัล เพราะเป็นครั้งแรกของปรากฏการณ์เซลครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดที่ศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้าในเครือเซ็นทรัลกรุ๊ป ประกอบด้วย เซ็นทรัลเวิลด์ เซ็นทรัลพลาซา เซ็นทรัลเฟสติวัล ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ห้างสรรพสินค้าเซน และห้างสรรพสินค้าโรบินสัน รวมทั้งหมด 53 สาขา ที่จะพร้อมใจกันมอบส่วนลดสูงสุดถึง 70%
นอกจากนี้ ยังมีโปรโมชั่นสุดพิเศษ ให้ลูกค้าได้ลุ้นสัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวแบบพิเศษกับแพ็คเกจทัวร์อิตาลี เพียงช้อปครบทุก 1,000 บาท ซึ่งการจับมือร่วมกันในครั้งนี้ กลุ่มเซ็นทรัล มั่นใจว่าจะช่วยสร้างอารมณ์การจับจ่ายและเพิ่มจำนวนลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการภายในศูนย์การค้าเพิ่มขึ้น และช่วยกระตุ้นยอดขายให้เติบโตจากปกติไม่ต่ำกว่า 20-30%
นายณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอ็น กล่าวว่า ในฐานะของภาคเอกชนบริษัทมุ่งหวังที่จะกระตุ้นกำลังซื้อและเศรษฐกิจของประเทศ ด้วยการจัดแคมเปญเซลที่สร้างปรากฎการณ์ใหม่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศ จึงได้ร่วมกับบริษัทในเครือเซ็นทรัลกรุ๊ป และพันธมิตรหลากหลายวงการ ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิตอิออน ไทยประกันชีวิต บัตรเครดิตอิออนมาสเตอร์การ์ด และโตโยต้า จัดแคมเปญเซลครั้งยิ่งใหญ่ในครั้งนี้ เพื่อกระตุ้นอารมณ์การจับจ่ายและกำลังซื้อภายในประเทศ
ขณะเดียวกัน บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา ยังมุ่งหวังให้การจัดแคมเปญดังกล่าวเป็นการสร้างกระแสการกระตุ้นกำลังซื้อ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้ประเทศไทยเป็น "ช้อปปิ้ง ฮับ" ของภูมิภาค เพื่อดึงลูกค้านักท่องเที่ยวเข้ามาเข้ามาจับจ่ายใช้สอยเหมือนเดิม เพราะจากปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองที่เกิดขึ้นได้ส่งผลให้ภาพรวมนักท่องเที่ยวที่เข้ามาใช้บริการภายในศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์มีการปรับตัวลดลง
นายณัฐกิตติ์ กล่าวว่า จากการที่บริษัทมีร้านค้าแบรนด์ชั้นนำที่หลากหลาย มีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง และมีข้อมูลในเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้บริโภคจากบัตร The 1 Card ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิกอยู่กว่า 4.7 ล้านราย จึงมั่นใจว่าจะสามารถนำฐานข้อมูลดังกล่าวมาต่อยอดความยิ่งใหญ่ให้กับแคมเปญ The Greatest Grand Sale ปรากฏการณ์การเซลครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งนี้ได้อย่างแน่นอน
น.ส.ปิยวรรณ ลีละสมภพ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการตลาด บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด และ ห้างสรรพสินค้าเซน กล่าวว่า บริษัทมั่นใจว่าการร่วมผนึกกำลังระหว่างบริษัทในเครือเซ็นทรัลกรุ๊ปในแคมเปญ The Greatest Grand Sale ครั้งนี้จะเป็นอีกแรงผลักดันให้อารมณ์การจับจ่ายในช่วงนี้ดีขึ้น พร้อมกับกระตุ้นยอดขาย เพราะนี่ถือเป็นครั้งแรกที่ทั้งห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้าในเครือเซ็นทรัลกรุ๊ปมาจับมือ Synergy กันทั้งหมดทั่วประเทศ เพิ่มโอกาสให้ลูกค้าช้อปปิ้งได้อย่างคุ้มค่าที่สุด
สำหรับห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลได้นำห้างเข้าร่วมแคมเปญนี้ทั้งหมด 17 สาขา และห้างสรรพสินค้าเซน 1 สาขา โดยขนทัพสินค้าแบรนด์ดังกว่า 5,000 แบรนด์ จากทุกแผนก อาทิ แผนกบิวตี้ แกลอรี ลด 10 – 15%, แผนกเครื่องใช้ไฟฟ้า ลดสูงสุด 20 % และ แผนกเสื้อผ้าสตรี ลด 30- 70 % เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีร้านค้าชั้นนำจากศูนย์การค้า Central Embassy ไอคอนนิครีเทลแลนด์มาร์คแห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพฯ เข้าร่วมในแคมเปญนี้ด้วย
น.ส.ปิยะวรรณ กล่าวต่อว่า ในช่วงเทศกาลเซลช่วงกลางปีนี้ ถือเป็นเทศกาลแห่งการจับจ่าย ซึ่งบริษัท มองว่าหากกลุ่มธุรกิจค้าปลีกสามารถหากลยุทธ์การตลาดที่โดนใจผู้บริโภคก็จะสามารถกระตุ้นกำลังซื้อและผลักดันยอดขายได้ โดยบริษัทเชื่อมั่นว่าความแข็งแกร่งและเน็ทเวิร์คที่สมบูรณ์แบบของเซ็นทรัลกรุ๊ป จะมาช่วย Add value ต่อยอดปรากฎการณ์ The Greatest Grand Sale ให้เป็นแคมเปญเซลที่ยิ่งใหญ่และประสบความสำเร็จ ทำให้เทศกาลเซลช่วงกลางปีของไทยในปีนี้มีความโดดเด่นได้อย่างแน่นอน
นายธรรม์ จิราธิวัฒน์ ผู้อำนวยการอาวุโส สายการตลาด บริษัท ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า ในส่วนของห้างสรรพสินค้าโรบินสันจะเข้าร่วมในแคมเปญรวม 34 สาขา ทั่วประเทศ โรบินสันมีจุดแข็งในการเข้าถึงนักช้อปอย่างครอบคลุม และมีสาขาอยู่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศในกรุงเทพฯ 10 แห่ง และ ต่างจังหวัด 24 แห่ง รวมถึงสาขาในรูปแบบไลฟ์สไตล์เซ็นเตอร์ ซึ่งล้วนเป็นเมืองเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวที่จะดึงดูดนักช้อปทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เข้ามาช้อปปิ้งมากขึ้น
จุดเด่นของแคมเปญนี้ นอกจากลูกค้าจะช้อปอย่างจุใจกับสินค้าแบรนด์ชั้นนำคุณภาพ ด้วยส่วนลดสูงสุด 70% แล้ว บริษัท ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ยังมีโปรโมชั่นพิเศษ เพื่อตอบแทนลูกค้าที่สนับสนุนด้วยดีเสมอมา กับสิทธิพิเศษมากมาย
ด้าน นายระวี พัวพรพงษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายบริหารลูกค้าสัมพันธ์ ผู้บริหารบัตร The1Card กล่าวว่า แคมเปญ The Greatest Grand Sale ถือเป็นการทำกิจกรรมส่งเสริมครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปีของกลุ่มเซ็นทรัล ซึ่งในส่วนของบริษัทได้เตรียมเปิดตัวสิทธิประโยชน์ใหม่ของ The 1 Card เพื่อให้ลูกค้าสามารถรับข่าวสาร กิจกรรม และโปรโมชั่นพิเศษเพิ่มเติมจากศูนย์การค้าในเครือซีพีเอ็น ประกอบด้วย เซ็นทรัลเวิลด์ เซ็นทรัลพลาซา เซ็นทรัลเฟสติวัล ว่าแคมเปญนี้มีสินค้าราคาพิเศษอะไรบ้าง
จากการออกมาทำกิจกรรมการตลาดร่วมกันในครั้งนี้ หลังจากจบแคมเปญตลอดระยะเวลา 40 วัน ทั้ง 3 ห้างมั่นใจว่าจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 45,000 ล้านบาท ขณะที่เป้าหมายรวมของทั้งกลุ่มในสิ้นปีนี้อยู่ที่ 267,000 ล้านบาท เติบโตจากปีที่ผ่านมา 14% จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้หรือไม่ คงต้องรอดูว่าหลังจากจบแคมเปญนี้ กลุ่มเซ็นทรัลจะมีแคมเปญ Synergy อะไรอีกบ้างมาเอาใจขาช้อป.
ข่าวเด่น