การยึดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ตั้งแต่เมื่อวันที่ 22 พ.ค.2557 ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากภาคเอกชนและนักลงทุนในประเทศ
โดยสิ่งที่สะท้อนออกมาล่าสุดได้แก่ ความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ที่สำรวจโดย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ซึ่งพบว่า ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือนพฤษภาคม 2557 อยู่ที่ระดับ 70.7 ซึ่งเป็นการปรับตัวดีขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 14 เดือน เนื่องจากผู้บริโภคมีความมั่นใจสถานการณ์ทางการเมืองไทยว่ามีเสถียรภาพมากขึ้น และเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยน่าจะฟื้นตัวได้ในเร็วนี้
ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม อยู่ที่ระดับ 60.7 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสหางานทำโดยรวม อยู่ที่ระดับ 64.2 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต อยู่ที่ระดับ 87.1
ปัจจัยบวกที่มีผลต่อดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ได้แก่ การเข้ามาบริหารประเทศของ คสช.ที่ส่งผลให้ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจ การเมืองจะดีมีเสถียรภาพมากขึ้น ระดับราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศปรับตัวลดลง เงินบาทอ่อนค่า ขณะที่ปัจจัยลบ คือ การส่งออกเดือนเมษายนที่ปรับตัวลดลง ราคาพืชผลทางการเกษตรทรงตัวอยู่ในระดับที่ต่ำ โดยเฉพาะข้าว ยางพารา ทำให้ผู้บริโภควิตกเรื่องค่าครองชีพ และราคาสินค้าที่จะปรับตัวสูงขึ้น ความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ระบุด้วยว่า การที่ คสช. เร่งอนุมัติจ่ายเงินโครงการรับจำนำข้าวแก่ชาวนากว่า 9 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้ชาวนามีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ประกอบกับกำลังเข้าสู่เทศกาลบอลโลก ซึ่งจะมีการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลบอลโลกประมาณ 5 หมื่นล้านบาท จะส่งผลให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจประมาณ 1 แสนล้านบาท ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 3 เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังขยายตัวดีขึ้น โอกาสที่เศรษฐกิจตลอดทั้งปีจะขยายตัวได้ 2-3% น่าจะเป็นไปได้ แต่อย่างไรก็ตาม หอการค้าไทยจะปรับประมาณการณ์เศรษฐกิจไทยอีกครั้งในช่วงกลางเดือนมิถุนายนนี้
สัญญาณดังกล่าว ยังสอดคล้องกับมุมมองของ นายบุญเกียรติ โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ที่กล่าวถึงภาพรวมเศรษฐกิจภายหลังการยึดอำนาจของ คสช. ว่า ทำให้ ประชาชนมีความมั่นใจในเศรษฐกิจของประเทศเพิ่มมากขึ้น สังเกตได้จากภาคประชาชนมีการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น และส่วนตัวมองว่า มาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจของ คสช. ได้ดำเนินมาถูกทางแล้ว
และคาดว่า ภาพรวมเศรษฐกิจในไตรมาส 2 จะเติบโตได้ดีกว่าไตรมาสแรก โดยนักลงทุนต่างชาติจะกลับมามั่นใจในเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศภายใน 1 เดือน หากเหตุการณ์สงบเร็วก็จะสามารถกลับมาฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว
ข่าวเด่น