เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
TMB คาด กนง. ยืนดบ.นโยบายที่ 2% รับลูกแผนงานเศรษฐกิจ คสช.


 ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี หรือ TMB Analytics มอง กนง. คงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 2 ในการประชุมวันพุธที่ 18 มิถุนายนที่จะถึงนี้ และมีโอกาสคงดอกเบี้ยยาวยันสิ้นปีเพื่อประคับประคองการขยายตัวของเศรษฐกิจ หั่นดอกเบี้ยไม่เหมาะ เหตุเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้น ส่งค่าครองชีพพุ่ง

สถานการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองของไทยที่ส่งสัญญาณคลี่คลาย กอปรกับ “โรดแมพด้านเศรษฐกิจและแนวนโยบายเร่งดำเนินการ” ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นับว่าเป็นการช่วยปลดล็อกปัญหาการใช้จ่ายภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการจ่ายเงินแก่ชาวนาภายใต้โครงการรับจำนำข้าว หรือการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ นำพาเศรษฐกิจไทยให้มีความหวังขึ้นอีกครั้ง จากเดิมที่ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบีคาดว่าจีดีพีปี 57 นี้จะขยายตัวได้เพียงร้อยละ 2.0 ก็อาจจะมีโอกาสเห็นในระดับร้อยละ 2.5 ได้

altนี่เองเป็นการช่วยลดความกดดันต่อนโยบายการเงิน ที่ก่อนหน้านี้ต้องฉายเดี่ยวมาตลอดเนื่องจากนโยบายการคลังเข้าสู่ภาวะสุญญากาศไปครึ่งปี ศูนย์วิเคราะห์ฯ จึงประเมินว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของธนาคารแห่งประเทศไทย จะตัดสินใจไม่ผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม แต่จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับร้อยละ 2 ไปอีกระยะหนึ่ง และอาจคงไว้จนถึงสิ้นปี 57 ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่เหมาะสมที่จะเอื้อต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปี
สภาพคล่องในระบบธนาคารพาณิชย์ไทยมีเพียงพอที่จะสนับสนุนการใช้จ่ายของทั้งภาครัฐและเอกชนหลายภาคส่วนที่จะเพิ่มขึ้นรับอานิสงส์มาตรการเร่งด่วนของ คสช. ทำให้ กนง. ยังไม่มีความจำเป็นที่ต้องหั่นดอกเบี้ยนโยบายเพื่อหนุนสภาพคล่องในระบบ

อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่กำลังกระชับพื้นที่การใช้นโยบายดอกเบี้ยแบบผ่อนคลายของ กนง. ก็คือ เงินเฟ้อซึ่งเร่งตัวขึ้นเรื่อยๆ ตามที่ศูนย์วิเคราะห์ฯ รายงานไว้ก่อนหน้าว่า เงินเฟ้อไทยกลับมาเป็นช่วงขาขึ้นอย่างชัดเจนแล้ว ตัวเลขล่าสุดของกระทรวงพาณิชย์ชี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของไทยเดือนพฤษภาคมปรับตัวสูงขึ้นร้อยละ 2.62 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า เร่งตัวขึ้นจากร้อยละ 2.45 ในเดือนเมษายน

เพราะเงินเฟ้อเป็นตัววัดการเปลี่ยนแปลงของระดับราคาสินค้าที่ประชาชนใช้อุปโภคบริโภค จึงบ่งชี้ภาวะค่าครองชีพของคนไทยไปพร้อมๆ กัน ซึ่งแน่นอนว่า ภาวะเงินเฟ้อในปัจจุบันที่แม้จะยังอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ แต่มีการเร่งตัวขึ้นดังกล่าว ย่อมสื่อถึงค่าครองชีพของประชาชนที่มีการเร่งตัวขึ้นด้วย อาทิเช่น หมวดอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ มีราคาเฉลี่ยสูงขึ้นเกือบร้อยละ 5 พูดง่ายๆ คือ ถ้าปีก่อนจ่ายตลาด ซื้ออาหารสำเร็จรูป ข้าวถุงแกงถุงอันเป็นที่นิยมของชาวเมือง อาทิตย์ละ 100 บาท ปีนี้ต้องจ่ายเพิ่มขึ้น 5 บาทเพื่อให้ได้ของปริมาณเท่าเดิม

มาตรการดูแลเงินเฟ้อของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จึงนับเป็นการช่วยพยุงค่าครองชีพของประชาชนไปในตัว แน่นอนว่า ในประเด็นนี้ ธปท. เองดำเนินนโยบายภายใต้กรอบเป้าหมายเงินเฟ้อมาอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว โดยกำหนดกรอบสำหรับการเคลื่อนไหวของอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (ไม่รวมหมวดอาหารสดและพลังงาน) ไว้ที่ร้อยละ 0.5 ถึง 3.0 ทั้งนี้ ในทางทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ กนง. มักจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเมื่ออัตราเงินเฟ้อหล่นใกล้กรอบล่าง ตรงกันข้าม เมื่ออัตราเงินเฟ้อพื้นฐานมีแนวโน้มที่จะพุ่งแตะกรอบบน กนง. ก็มักจะเลือกขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสู้กับเงินเฟ้อ

อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของประเทศในเดือนพฤษภาคม 57 อยู่ที่ระดับร้อยละ 1.75 ซึ่งเป็นค่ากึ่งกลางของกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อของ ธปท. พอดี ณ ปัจจุบัน กนง. จึงยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องลดหรือเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อรักษาเสถียรภาพของเงินเฟ้อ อย่างไรก็ตาม ช่วงปลายปีที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของไทยมีความเสี่ยงทะลุอัตราร้อยละ 2.0 จะทำให้ กนง. ทำงานยากขึ้น ในการรักษาสมดุลระหว่างการหนุนจีดีพี กับการดูแลเงินเฟ้อ?


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 13 มิ.ย. 2557 เวลา : 17:11:43
25-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 25, 2024, 6:48 am