"ศุภาลัย" ครวญ แบกรับต้นทุนก่อสร้างขึ้นไม่ไหว เล็งปรับขึ้นราคาบ้าน 4-5% เพื่อรักษาอัตรากำไรขั้นต้นเท่าปีก่อน เผยยอดขายในช่วงครึ่งปีแรกพลาดเป้าเล็กน้อย แต่มั่นใจทั่งปี โกยยอดขาย 22,000 ล้านบาท
นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนที่จะปรับขึ้นราคาบ้านและคอนโดมิเนียมอีก 4-5% ภายในครึ่งปีหลังนี้ หลังจากช่วงต้นปีที่ผ่านมาได้ปรับขึ้นไปแล้ว 2-3% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นให้เท่ากับต้นทุนด้านที่ดินที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงราคาวัสดุก่อสร้างบางอย่างปรับราคาขึ้นเล็กน้อย เพื่อรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาที่มีกำไรขั้นต้นเกือบ 41%
ส่วนกรณีที่แรงงานต่างด้าวอพยพกลับถิ่นฐานนั้น ไม่ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาโครงการของบริษัท เนื่องจากใช้ผู้รับเหมารายใหญ่เป็นผู้ก่อสร้าง ซึ่งมีความพร้อมในด้านแรงงานมากกว่าผู้ประกอบการรายเล็ก และที่ผ่านมายังไม่ประสบปัญหาการขาดแคลนแรงงานก่อสร้างแต่อย่างใด โครงการก่อสร้างต่าง ๆ ของบริษัทยังเดินหน้าได้ตามกำหนดการที่วางไว้ปกติ
ทั้งนี้ช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายแล้วกว่า 7,000 ล้านบาท ทำให้คาดว่าครึ่งปีแรกจะมียอดขาย 8,000 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้เล็กน้อย แต่มั่นใจว่ายอดขายทั้งปีจะได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ที่ 22,000 ล้านบาท เนื่องจากคาดว่ากำลังซื้อจะกลับมา หลังจากที่ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเริ่มฟื้นตัวขึ้นเรื่อย ๆ จนกลับมาอยู่ในระดับเกือบปกติแล้ว ส่งผลให้ยอดขายเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะเดือนมิถุนายนนี้ ซึ่งคาดว่าจะมียอดขายดีที่สุดในรอบ 10 เดือนที่ผ่านมา
นายไตรเตชะ กล่าวว่า บริษัทจะเปิดตัวโครงการใหม่อีกกว่า 19 โครงการ จึงเชื่อว่าจะกระตุ้นยอดขายให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ได้ และทำให้บริษัทมีรายได้ทั้งปีอยู่ที่ระดับ 20,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะเปิดตัวโครงการในปีนี้เพิ่มอีก 2 โครงการ รวมมูลค่า 3,000 ล้านบาท จากเดิมที่จะเปิด 26 โครงการ มูลค่า 27,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้มูลค่ารวมของโครงการใหม่ทั้งหมดในปีนี้เป็น 30,000 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรกเปิดไปแล้ว 9 โครงการ และครึ่งปีหลังนี้จะเปิดอีก 17 เป็นคอนโดมิเนียม 8 โครงการ และโครงการแนวราบ 9 โครงการ โดยจะขยายไปในต่างจังหวัดที่มีกำลังซื้อ และมีขนาดตลาดที่ค่อนข้างใหญ่
ปัจจุบัน บริษัทมียอดขายรอโอน (แบล็ค ล็อค) 38,000 ล้านบาท จะรับรู้รายได้ในปีนี้ 14,000 ล้านบาท ที่เหลือจะรับรู้อีกไป 3 ปี ซึ่งการรับรู้ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในช่วงไตรมาส 3 และ 4 นี้ เนื่องจากมีการโอนกรรมสิทธิ์อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม 2-3 โครงการ
ข่าวเด่น