นางพิมลวรรณ มหัจฉริยวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย กล่าวว่า ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ปรับจีดีพีปีนี้ใหม่ คาดว่าจะโต 2.3% จากเดิมที่ตั้งไว้ที่ 1.8% เป็นผลมาจากนโยบายเศรษฐกิจภายใต้คณะรักษาความสงบแห่งชาติหรือคสช. จะช่วยผลักดันให้จีดีพีขยายตัว 1-1.5% ทั้งในเรื่องมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรด้วยการจ่ายเงินคืนรับจำนำข้าวให้กับชาวนาในวงเงิน92,000 ล้านบาท การช่วยเหลือเกษตรกรด้านปัจจัยการผลิตการเร่งอนุมัติโครงการขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนหรือบีโอไอที่ผ่านมา120,000 ล้านบาท จากโครงการทั้งหมด 700,000 ล้านบาท นอกจากนี้ยังเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณในปี 57 รวมถึงจัดทำงบประมาณรายจ่ายปี 58 ให้มีผลบังคับใช้ทันวันที่ 1 ต.ค.57
ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยมีโอกาสฟื้นตัวได้ชัดเจนในครึ่งปีหลัง โดยได้รับแรงหนุนจากมาตรการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและฟื้นฟูความเชื่อมั่น ภายหลัง คสช. เข้ามาบริหารประเทศ โดยคาดว่าช่วงครึ่งปีหลัง GDP จะเติบโตสูงถึง 4.3% จากครึ่งปีแรกที่เติบโตเพียง 0.2%
ขณะที่ภาคการส่งออกในปีนี้คาดว่าจะโตได้ 3%จากเดิมที่คาดไว้ที่ 5% เพราะในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา การฟื้นตัวของส่งออกยังไม่ชัดเจน เนื่องจากสินค้าเกษตรไทยส่งออกลดลง เช่น ยางพาราปริมาณผลผลิตและสต็อกสินค้าของคู่ค้าอยู่ในระดับสูงทำให้ลดการนำเข้า ส่วนกุ้งของไทยเจอปัญหาโรคตายด่วน และการที่สหรัฐอเมริกาประกาศลดอันดับการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ของไทยไปอยู่ระดับ3 ซึ่งเป็นระดับจับตาสูงสุด จะมีผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าไทยทางอ้อม โดยต้องจับตาใกล้ชิด เนื่องจากเป็นการซ้ำเติมธุรกิจส่งออกของไทยโดยเฉพาะกุ้ง ประมง และอาหารไทย รวมทั้งปัญหาที่ไทยจะถูกตัดสิทธิพิเศษภาษีศุลกากรในปีหน้าขณะที่ข้าวถูกตัดราคาจากคู่แข่งทั้งอินเดียและเวียดนาม
ในปีนี้ยังต้องติดตามภาวะเศรษฐกิจต่างประเทศที่จะมีผลกระทบต่อการส่งออกของไทย รวมทั้งสถานการณ์ในอิรักที่จะมีผลต่อราคาน้ำมัน เป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และเพิ่มแรงกดดันอัตราเงินเฟ้อในประเทศ
แม้ในปีนี้จะเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย แต่จะพบว่าการบริโภคและการลงทุนยังคงต่ำกว่าระดับในปี 55 และถือว่าเศรษฐกิจโดยรวมยังคงเติบโตในอัตราที่ชะลอลงต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 หลังจากที่เติบโตสูงถึง 6.5% ในปี 55
ข่าวเด่น