จากพระเอกในตอนแรก (ที่ไม่ใช่ของทุกคน) เริ่มกลายสภาพเป็นตัวร้ายไปแล้วสำหรับ "อาร์เยน ร็อบเบน" ที่ช่วยฮอลแลนด์ชนะเม็กซิโก 2-1 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ท่ามกลางเสียงวิพากษณ์วิจารณ์ว่าเป็น "จอมพุ่งล้ม" ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมรับว่าทำเช่นนั้นจริงในครึ่งแรก แต่ไม่ได้หมายถึงจังหวะที่ทำให้จุดโทษคว้าชัย
การรับสารภาพของ "ร็อบเบน" ส่งผลให้มีหลายเสียงพูดถึงกองหน้าเนเธอร์แลนด์ต่างๆ นานาว่าเป็น "คนซื่อ" หรือ "ไอ้ขี้โกง" กันแน่ แต่ดาวดังจาก บาเยิร์น มิวนิก ก็ไม่แยแส
"ผมคิดว่าทุกคนมีความเห็นของตัวเองได้อยู่แล้ว" ร็อบเบน เริ่มแสดงความเห็น "นี่คือสิ่งสวยงามของฟุตบอลที่มีแฟนอยู่ทั่วทุกมุมโลก แต่ละคนต่างพูดถึงความคิดเห็นของตัวเอง แต่สำหรับผมแล้วคุณต้องมองในแง่มุมที่เป็นจริง"
"ผมล้มในครึ่งแรก เพราะถูกดึง ส่วนจังหวะสุดท้าย ผมคิดว่าเขาจะพยายามดึงขากลับแล้ว แต่ก็ถูกผมล้มลงอยู่ดี เป็นเรื่องโง่มากๆ ที่จะเอาผิดผม การพูดตรงๆ บางครั้งก็เป็นเรื่องน่าอาย เพราะคุณอาจถูกลงโทษเพราะความซื่อสัตย์ของตัวเอง"
ความเห็นของ "ร็อบเบน" ย่อมแตกต่างกับ "ราฟาเอล มาร์เกซ" กองหลังเม็กซิโก คู่กรณี ซึ่งต้องเห็นชาติของตนตกรอบ 2 ในฟุตบอลโลกเป็นสมัยที่ 6 ติดต่อกัน เป็นอาถรรพ์ที่ยังทำลายไม่ได้
"ผมได้คุยกับเขาหลังเกม เขาบอกผมเองว่า ลูกนั้นไม่ใช่จุดโทษ เขาบอกว่าการฟาวล์ครั้งแรกต่างหากที่ใช่" มาร์เกซ ลองเล่าถึงความซื่อตรงที่ร็อบเบน อ้างบ้าง ซึ่งเจ้าตัวกลับจำไม่ได้ว่าได้คุยอะไรไว้บ้างกับกรณีนี้
อีกประเด็นที่น่าสนใจ ก็คือ เหตุใดฟีฟาจึงเลือก "เปโดร โปรเอนซา" ผู้ตัดสินจากโปรตุเกสมาทำหน้าที่ในเกมฮอลแลนด์-เม็กซิโก จนทำให้ทีมจากโซนคอนคาเคฟรู้สึกว่าไม่ได้รับความช่วยเหลือเหมือนกับคู่แข่งที่มาจากทวีปยุโรปเช่นเดียวกับกรรมการ
แต่หากดูจากการประกบคู่ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย นอกจากคู่ฮอลแลนด์-เม็กซิโกแล้ว ยังมีการวางตัวกรรมการมาจากทวีปเดียวกันกับทีมที่ลงแข่งขันอีกแมตช์ ก็คือ เกมอาร์เจนตินา-สวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งใช้ผู้ตัดสินจากสวีเดน
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าใครจะมอง "ร็อบเบน" เป็น "คนตรง" หรือ "คนขี้โกง" เป็น "พระเอก" หรือ "ตัวร้าย" แต่ในเกมรอบ 8 ทีมสุดท้าย ที่จะพบกับคอสตาริกา คืนวันเสาร์นี้ (5 ก.ค.) น่าจะส่งผลให้ผู้ตัดสินจะต้องให้ความใส่ใจเป็นพิเศษ
ข่าวเด่น