กรุงศรีฯ ส่องเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง เปิดฉากโตได้ 3-4.5% หวังพึ่งกำลังซื้อในประเทศฟื้น นักท่องเที่ยวกลับมา โครงการก่อสร้างเดิมถูกปลดล็อค ยันไม่หวังมากกับส่งออก เหตุไร้สัญญาณบวก
นายรุ่งศักดิ์ สาธุธรรม ผู้จัดการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายวิจัย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดผยว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังภายใต้การขับเคลื่อนหลังมีคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามาบริหารนั้น เชื่อว่าน่าจะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ปลดล็อคเงื่อนไขต่างๆ ที่เคยติดขัดมาหลายเดือนก่อนหน้านี้ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งประเมินว่าน่าจะส่งผลให้เศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังน่าจะเติบโตได้ 3-4.5% และทำให้ทั้งปีนี้เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวในกรอบ 1.8-2.3%
สำหรับปัจจัยสำคัญที่จะผลักดันให้เศรษฐกิจเป็นไปตามคาดการณ์นั้น นายรุ่งศักดิ์มองว่า น่าจะมาจากกำลังซื้อในประเทศที่เคยชะลอตัวมาก่อนหน้านี้ เนื่องจากความเชื่อมั่นต่อทิศทางเศรษฐกิจ และถือเป็นปัจจัยที่มีน้ำหนักมากต่อภาวะเศรษฐกิจโดยรวม แม้จะมีปัญหาหนี้ครัวเรือนเป็นตัวกดดันอยู่ แต่เชื่อว่าแม้กำลังซื้อดีขึ้นเพียงเล็กน้อยก็น่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้พอสมควร
นอกจากนี้ ภาคการท่องเที่ยวก็เป็นปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญ หากสามารถฟื้นความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ กลับมาได้เร็ว โดยเฉพาะตลาดเอเชียที่ถือเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักและค่อนข้างเข้าใจสถานการณ์ในไทยได้ดี ก็น่าจะเป็นปัจจัยเสริมที่สำคัญต่อครึ่งปีหลัง
"เรามองว่าดีมานด์ต่างๆ ที่คั่งค้างอยู่ ทั้งเรื่องกำลังซื้อที่ชะลอไปก่อนหน้านี้ การท่องเที่ยวที่ถูกกระทบไปหลายเดือน รวมถึงโครงการลงทุนต่างๆ ที่เป็นลักษณะโครงการต่อเนื่อง ก่อนหน้านี้ติดๆ ขัดๆ มาก่อน ตอนนี้มีคนซึ่งมีอำนาจเต็มมาทำหน้าที่แล้ว ก็น่าจะเดินต่อได้"
ส่วนปัจจัยด้านการส่งออก นายรุ่งศักดิ์เห็นว่า ไม่น่าจะมีแรงส่งได้มากนักในปีนี้ ซึ่งประเมินว่ากรอบการขยายตัวของภาคส่งออกปีนี้น่าจะอยู่ในระดับ 1-3% โดยเฉพาะกรอบบนที่ 3% นั้นถือว่าเป็นไปได้ยากมาก เพราะอยู่บนเงื่อนไขว่าครึ่งปีหลังภาคส่งออกต้องขยายตัวถึง 6% หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท/เดือน จึงจะผลักดันให้เศรษฐกิจเติบโตกว่าที่ประเมินไว้ได้
"จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่เห็นสัญญาณจากภาคนำเข้าว่าจะเติบโตอย่างมีนัย ซึ่งปกติสัญญาณจะมาจากภาคนำเข้าก่อน เช่นสินค้าทุน วัตถุดิบต่างๆ ก่อนจะผลิตและส่งออก ตอนนี้ยังไม่เห็นสัญญาณนั้น จึงมองว่าภาคส่งออกปีนี้คงไม่ได้ร้อนแรงมากพอจะมาผลักดันเศรษฐกิจได้มากนัก"
ขณะที่โครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่เป็นโครงการใหม่นั้น ทั้งโครงการบริหารน้ำ และโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานคมนาคม นายรุ่งศักดิ์มองว่า โครงการเหล่านี้น่าจะมีผลต่อเศรษฐกิจในปีนี้ค่อนข้างน้อย ไม่น่าจะเริ่มต้นได้เร็ว แต่จะค่อยๆ มีน้ำหนักต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปี 2558 และจะไปมากขึ้นในปี 2559 เป็นต้นไป หากสามารถผลักดันโครงการลงทุนเหล่านี้ออกมาได้จริง
ทั้งนี้ ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2558 น่าจะขยายตัวได้ 4-5% โดยมองว่าพื้นฐานของเศรษฐกิจไทยน่าจะขยายตัวได้ประมาณปีละ 4% ซึ่งอาจมีแรงส่งจากปัจจัยอื่นๆ ที่เข้ามาเสริมได้
ข่าวเด่น