"เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์" หนีไม่พ้นพิษการเมือง /แรงงานหาย กระทบยอดขายร่วงเหลือ 500 ล้านบาท ครึ่งปีหลังเร่งดันยอดขาย พร้อมเปิดโครงการใหม่ 3-4 โครงการ คาดยอดรับรู้รายได้กว่า 7,000 ล้านบาท
นางสาว เพชรลดา พูลวรลักษณ์ กรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับลดแผนการเปิดโครงการใหม่ปีนี้เหลือ 3-4 โครงการ มูลค่า 4,000 ล้านบาท จากเดิมที่จะเปิด 6-7 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 7,000 ล้านบาท เนื่องจากในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมือง ทำให้เปิดตัวได้เพียงโครงการเดียว นอกจากนี้ยังได้รับผลกระทบจากปัญหาแรงงานด้วย ซึ่งช่วงที่ผ่านมา แรงงานหายไปกว่า 50% จากกรณีแรงงานต่างชาติกลับบ้าน จึงต้องเลื่อนโครงการที่เหลือไปเปิดช่วงปลายปีนี้ และหากปลายปีมีสถานการณ์ไม่สงบเกิดขึ้น ก็จะเลื่อนออกไปเปิดตัวช่วงต้นปีหน้าแทน
ล่าสุด บริษัทได้เปิดตัว โครงการคอนโดมิเนียมไฮไรส์ เอ็ม จตุจักร มูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 2 อาคาร บนพื้นที่ 4 ไร่ จำนวน 800 ยูนิต ราคายูนิตละ 3.5 -5 ล้านบาท หรือตารางเมตรละ 125,000 บาท แบ่งออกเป็น 6 ประเภทได้แก่ ประเภท 1 ห้องนอนสวีท ,1 ห้องนอน, 2 ห้องนอน, 3 ห้องนอน, 1 ห้องนอน ดูเพล็กซ์, 2 ห้องนอน ดูเพล็กซ์ ขนาดพื้นที่ใช้สอยเริ่มต้นที่ 28-118 ตารางเมตร มีเฟอร์นิเจอร์แบบ Multi-Function คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างปลายปีนี้ กำหนดแล้วเสร็จในเดือนสิงหาคม 2561
"ขณะนี้สถานการณ์ต่าง ๆ เริ่มนิ่ง ทำให้บรรยากาศการซื้อขายดีขึ้น ประชาชนกล้าที่จะตัดสินใจมากขึ้น ซึ่งโครงการดังกล่าวนี้จะเปิดให้จองซื้อ 25-30 กรกฎาคมนี้ ขณะนี้มีผู้สนใจจองมากกว่า 60% ทำให้มั่นใจว่า ภายในปลายปีนี้หรือไตรมาสแรกปีหน้าจะขายได้หมดทั้งโครงการ"นางสาวเพชรลดา กล่าว
โครงการดังกล่าวจะรองรับการขยายตัวของเมืองใหม่ย่านจตุจักรถึงวิภาวดี ซึ่งจะเป็นศูนย์กลางเขตธุรกิจแห่งใหม่ (NEW CBD) ถือเป็นเขตการค้าการลงทุนที่มีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก ด้วยความได้เปรียบในด้านของทำเลที่ตั้ง การคมนาคมขนส่งที่สะดวก เชื่อมต่อกรุงเทพฯฝั่งเหนือ และจากนโยบายการสนับสนุนของภาครัฐในด้านต่างๆ ส่งเสริมให้พื้นที่ในย่านจตุจักรเป็นเขตเศรษฐกิจที่กำลังเป็นที่จับตามอง ทั้งโครงการส่วนต่อขยายของรถไฟฟ้ามหานครในอนาคต อาคารสูงต่างๆ ยังสามารถเติบโตในอนาคตได้อีกมาก ดังนั้นเพื่อรองรับเขตเศรษฐกิจการค้าการลงทุน ที่อยู่อาศัยจึงเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่มีโอกาสเติบโตไปพร้อมกัน
ปีนี้บริษัทคาดว่าจะพลิกมาเป็นกำไรสุทธิได้ จากที่สิ้นปีก่อนที่ขาดทุน 166.87 ล้านบาท โดยคาดว่าปีนี้จะมียอดขายทั้งหมด 3,000 ล้านบาท จากครึ่งปีแรกทำได้ 500 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมาย จากการรับรู้รายได้งานในมือที่ค้างอยู่ (แบล็ก ล็อค) 13,000 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้รายได้ในปีนี้กว่า 7,000 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน ยังมีแผนที่จะนำอาคารสำนักงานให้เช่าที่ซอยทองหล่อ สุขุมวิท มูลค่า 1,000 ล้านบาท และโรงแรมที่พัทยามูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท เข้าจัดกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ช่วงไตรมาส 3 ปีหน้า ซึ่งปัจจุบันกำลังก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จกลางปีหน้า ซึ่งจะทำให้บริษัทมีรายได้ดีกว่าเป้าหมายที่วางไว้ได้
ข่าวเด่น