"ตราเพชร"ลุยขยายตัวแทนจำหน่าย ชูตลาด AEC หัวหอก ปั้นยอดขายต่างประเทศเพิ่มเป็น 15% ขณะที่ตลาดในประเทศรับสัญญาณบวก ความเชื่อมั่นฟื้นตัว คาดสิ้นปีรักษาอัตราการเติบโตได้ตามเป้า
นายสาธิต สุดบรรทัด รองกรรมการผู้จัดการสายการขายและการตลาด บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ระบบหลังคา ไม้สังเคราะห์ อิฐมวลเบา และบริการหลังการขาย ภายใต้แบรนด์ ‘ตราเพชร’ เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทจะให้ความสำคัญในการขยายตลาดวัสดุก่อสร้างในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน ที่มีพรมแดนติดประเทศไทย โดยเฉพาะประเทศกัมพูชา ลาวและพม่า ที่ถือเป็นประเทศที่มีศักยภาพการเติบโตในด้านความต้องการวัสดุก่อสร้างเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนจะขยายตัวแทนจำหน่ายในต่างประเทศเพิ่มขึ้น เนื่องจากปัจจุบันมีคู่ค้าให้ความสนใจติดต่อขอเป็นตัวแทนจำหน่ายด้วยการนำสินค้าตราเพชรเข้าไปวางจำหน่ายเพิ่มขึ้นทั้งในกัมพูชา ลาว และพม่า เพื่อรองรับความต้องการที่มีอัตราขยายตัวเพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกัน บริษัทก็ให้ความสำคัญกับการนำเสนอนวัตกรรมสินค้าในงานนิทรรศการแสดงสินค้าอุตสาหกรรมก่อสร้างและสินค้าตกแต่งในต่างประเทศด้วย ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่สะท้อนให้เห็นถึงจุดเด่นผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ โดยคาดว่าจะช่วยให้ยอดขายจากการส่งออกเพิ่มขึ้นเป็น 15% จากเดิมที่มีสัดส่วน 10% ของยอดขายรวมเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งปีแรก ตลาดส่งออกก็มีอัตราการเติบโตดี มียอดขายเพิ่มขึ้นทุกตลาด โดยมีตลาดส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ กัมพูชา และ ลาว ที่มีสัดส่วนยอดขายคิดเป็น 50% จากการส่งออกทั้งหมด และในประเทศเมียนมาร์ ซึ่งมียอดขายแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่อง จึงมั่นใจว่าปีนี้ยอดขายจากตลาดส่งออกจะเติบโตตามเป้าหมาย
สำหรับแนวทางทำตลาดในประเทศนั้น บริษัทจะเน้นสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ร้านค้าตัวแทนจำหน่าย โดยจะเข้าไปช่วยพัฒนาช่องทางขายผ่านร้านวัสดุก่อสร้างแบบดั้งเดิม ให้มีพื้นที่จำหน่ายและสามารถนำเสนอสินค้าวัสดุก่อสร้างที่มีความหลากหลายรองรับความต้องการซื้อสินค้าของลูกค้าได้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันให้แก่ร้านค้าวัสดุก่อสร้างแบบดั้งเดิมได้มากขึ้น
ขณะเดียวกันจะรุกขยายช่องทางขายผ่านกลุ่มลูกค้าโครงการ เพื่อรองรับตลาดอสังหาริมทรัพย์ในครึ่งปีหลังที่ผู้ประกอบการพัฒนาที่อยู่อาศัยได้กลับมาเร่งลงทุนพัฒนาโครงการเพิ่มขึ้น หลังภาครัฐมีความชัดเจนต่อนโยบายการลงทุนในระบบสาธารณูปโภค โดยจะชูความพร้อมสินค้าและบริการรองรับความต้องการของลูกค้าโครงการ ซึ่งคาดว่าในปีนี้จะสามารถผลักดันสัดส่วนยอดขายจากลูกค้าโครงการจาก 7-8% เพิ่มเป็น 10-12% ของยอดขายทั้งหมด
"ในครึ่งปีหลัง เรามองสัญญาณเชิงบวกต่อการฟื้นตัวที่ดีของเศรษฐกิจ ที่จะส่งผลดีต่อการลงทุนของภาคเอกชนในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกำลังซื้อจะเพิ่มขึ้น ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้ความต้องการสินค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้างสูงขึ้น และเป็นโอกาสที่ตราเพชรจะเร่งยอดขายเพื่อรักษาอัตราการเติบโตให้เป็นไปตามเป้าที่วางไว้" นายสาธิตกล่าว
ข่าวเด่น