กองทุนรวม
บลจ.ไทยพาณิชย์ปันผล 3 กอง LTF กว่า 650 ล้าน ชี้ทิศทางลงทุนครึ่งปีหลังสดใสจากปัจจัยบวกเศรษฐกิจ


 

บลจ.ไทยพาณิชย์ปันผล 3 กอง LTF กว่า 650 ล้าน ชี้ทิศทางลงทุนครึ่งปีหลังสดใสจากปัจจัยบวกทางเศรษฐกิจ

นายสมิทธ์ พนมยงค์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯเตรียมจ่ายเงินปันผลกองทุน  LTF สำหรับผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม 2556 - วันที่ 30 มิถุนายน 2557 พร้อมกัน 3 กองทุน ประกอบด้วย กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวปันผล 70/30 (SCBLT1) จ่ายปันผลในอัตรา 0.35 บาทต่อหน่วย กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวอินเตอร์ (SCBLT4) จ่ายปันผลในอัตรา 0.31 บาทต่อหน่วย และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวทาร์เก็ต (SCBLTT) จ่ายปันผลในอัตรา 0.26 บาทต่อหน่วย  รวมมูลค่าประมาณ 658    ล้านบาท   โดยจะจ่ายในวันที่ 22กรกฎาคมศกนี้

นายสมิทธ์กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของทั้ง 3 กองทุนดังกล่าวอยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดยกองทุน  SCBLT1 เน้นลงทุนหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่มีนโยบายหรือมีการจ่ายปันผลอยางสม่ำเสมอ เฉลี่ยในปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 และไม่เกินร้อยละ 70 ของมูลค่าทรัพย์สินของกองทุนรวม ซึ่ง ณ วันที่ 10 ก.ค.57 มีผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 13.97% ที่ผ่านมีการจ่ายเงินปันผลไปแล้ว 13 ครั้ง เป็นจำนวนเงินรวม  3.06 บาท  กองทุน SCBLT4 เน้น ลงทุนในหุ้นสามัญที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่มีพื้นฐานดี มั่นคง และมีแนวโน้มเจริญเติบโตสูง ไม่น้อยกว่าร้อยละ 65  ของมูลค่าทรัพย์สินของกองทุนรวม และมีนโยบายลงทุนในต่างประเทศ ไม่เกินกว่าร้อยละ 35 ของมูลค่าทรัพย์สินของกองทุนรวม มีผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 16.13% ซึ่งตั้งแต่จัดตั้งกองทุนในปี  2550 จนถึงปัจจุบัน ได้จ่ายปันผลไปแล้ว 6 ครั้ง รวมเป็นเงิน 1.34 บาท

ส่วนกองทุน SCBLTT เน้นลงทุนในหุ้นสามัญที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่มีพื้นฐานดี มั่นคง และมีแนวโน้มเจริญเติบโตสูง ไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินของกองทุนรวม มีผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 23.28 % โดยตั้งแต่จัดตั้งกองทุนในปี  2550 จ่ายเงินปันผลไปแล้ว 8 ครั้ง รวมเป็นเงิน 2.04 บาท

นายสมิทธ์ กล่าวว่า  ทิศทางการลงทุนเริ่มดีขึ้น    เนื่องจากแผนปฏิรูปเศรษฐกิจที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช)  ได้ดำเนินการเริ่มเห็นเป็นรูปธรรมแล้วหลายโครงการ นอกจากนี้ ยังได้จัดทำและผ่านงบประมาณในปี 2558 ซึ่งรวมถึงแผนการเกี่ยวกับโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 5-7 ปีด้วย    ปัจจัยเหล่านี้ ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นว่าในระยะสั้น-ระยะกลางเศรษฐกิจจะเริ่มเดินหน้าได้   ซึ่งจะส่งผลให้การลงทุนของบริษัทต่างๆ ที่เคยระงับไว้ก่อนจากความไร้ทิศทางของเศรษฐกิจเริ่มมีความมั่นใจและทยอยดำเนินการ   จนในที่สุดการบริโภคและการท่องเที่ยวจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ    ในขณะที่ในระยะยาว  เศรษฐกิจจะเติบโตได้อย่างเต็มศักยภาพ   

จากปัจจัยบวกดังกล่าว ส่งผลทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วและมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อไปได้ เนื่องจากการเดินหน้าของเศรษฐกิจจะทำให้มีการปรับประมาณการณ์ผลกำไรของบริษัท จดทะเบียนในครึ่งปีหลัง 2557 และปี2558 ขึ้นจากเดิม   ประกอบกับคาดว่าจะมีแรงซื้อกลับเข้ามาบ้างจากนักลงทุนต่างประเทศซึ่งขายหุ้นออกไปเป็นจำนวนมากถึง 240,000 ล้านบาท ตั้งแต่ปีก่อนหลังจากการมีรัฐบาลแต่งตั้งและคาดว่านักลงทุนต่างประเทศจะกลับเข้ามาเต็มที่เมื่อมีการเลือกตั้ง


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 15 ก.ค. 2557 เวลา : 13:12:36
24-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 24, 2024, 7:39 am