หุ้นทอง
วิกฤต LTF ประโยชน์ที่ไร้ประสิทธิภาพ


 

 

 

ไม้บรรทัดที่ยังตีไม่ตรงกับช่องโหว่มาตรการประหยัดผ่านกองทุนรวม LTF –RMF  เพราะให้ประโยชน์เฉพาะคนรวยมากเกินไป จึงไม่ใช่เครื่องมือที่จำเป็น ตามนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ แต่ก็ยังไม่ใช่เครื่องที่แก้ไขไม่ได้

 


 
 
 
ช่องโหว่ของความเหลื่อมล้ำผู้ที่มีรายได้สูงและผู้ที่มีรายได้น้อยที่สะท้อนนโยบายการลดหย่อนภาษี ผ่านกองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือ LTF โดยการคิดอัตราลดหย่อนแบบก้าวหน้า ทำให้ผู้ที่มีรายได้สูงอยู่แล้ว ยังได้สิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษีเพิ่มเติมขึ้นไปอีก จึงถือว่าเป็นประโยชน์ที่สรรพากรจ่ายเงินคืนกลับมาให้กับประชาชนคนเสียภาษีที่ยังไม่มีประสิทธิภาพนัก เนื่องจากอัตราการจ่ายคืนเงินยังกระจุกตัวกับกลุ่มคนกลุ่มน้อยที่มีรายได้สูงเท่านั้น 

หากเทียบกับกลุ่มผู้ที่มีรายได้น้อย แต่ยังโดนหักภาษีแถมโอกาสในการลดหย่อนภาษียังไม่มาก ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้คือกลุ่มที่มีความต้องการในการจับจ่ายและควรปลูกฝังเรื่องการออมอย่างยิ่งยวด แต่กลับได้โอกาสในการคืนเงินจากสรรพากรที่น้อยเกินไป จึงสะท้อนได้ว่ากองทุนประหยัดภาษีทั้ง LTF-RMF ยังไม่ใช่เครื่องที่มีประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อเทียบกับเม็ดเงินคืนทั้งก้อนผ่านการลดหย่อนภาษีกองทุน LTF –RMF ซึ่งที่ผ่านมาทางสรรพากรจึงยังไม่พิจารณาต่ออายุกองทุน LTFที่กำลังจะหมดลงอีก 2 ปี หรือปี 2559
 

 
 
 
 โดยสะท้อนจาก นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ได้เปิดเผยหลังเข้าหารือกับทางกรมสรรพากรเกี่ยวกับเรื่องสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีของกองทุนรวมหุ้นระยะยาว  (LTF) ที่จะหมดลงในปี 59 นั้นว่า ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปว่าจะต่ออายุการใช้มาตรการภาษีของ LTF ออกไปหรือไม่ แต่เบื้องต้นจะคงใช้กฎเกณฑ์เดิมไปจนกว่าจะครบกำหนดในปี 59 อย่างไรก็ตาม ในช่วงก่อนสิ้นสุดระยะของมาตรการดังกล่าวอาจจะหยิบยกขึ้นมาพิจารณาอีกครั้ง

พร้อมกันนี้ นายไพบูลย์ยังกล่าวอีกว่า การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีกองทุน LTF และ  RMF ไม่ได้เป็นการเอื้อประโยชน์ให้คนรวยอย่างที่หลายๆฝ่ายเข้าใจ ซึ่งทางสมาคมฯ เห็นว่าการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีกรณีการลงทุนในกองทุนทั้งสองประเภทไม่ควรมีการกำหนดกรอบเวลา แต่ควรกำหนดเป็นลักษณะอื่นแทน อาทิ มูลค่าเงินลงทุน หรือจำนวนคนที่เข้ามาลงทุนในกองทุน เพราะเห็นว่าการใช้กรอบเวลาเป็นตัวกำหนดจะไม่ช่วยให้เกิดการออมและการลงทุน เพราะอาจจะไม่มีมูลค่าหรือผู้เข้าร่วมลงทุนเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้

ขณะที่แหล่งข่าววงการตลาดทุนรายหนึ่งกล่าวให้ความเห็นว่า กองทุน LTF ถึงขั้นวิกฤตแล้วจะต้องเร่งควรปรับแก้ไขโดยด่วน แนวทางหนึ่งคือการปรับแนวทางลดหย่อนภาษีจากอัตราก้าวหน้าเป็นอัตราถอยหลังจะเป็นสถานการณ์ที่เหมาะสมที่สุด ทั้งนี้ก็เพื่อประโยชน์ที่แท้จริง หากไม่เร่งรื้อโครงสร้างการให้สิทธิประโยชน์ภาษีผ่านกองทุน LTF ก็เชื่อมั่นว่าสุดท้ายโอกาสของผู้ที่มีรายได้น้อยจะหันมาใส่ใจกับการออมผ่านกองทุน LTF ก็คงจะหมดไปด้วยเช่นกัน และสะท้อนถึงโอกาสของภาคตลาดทุนที่ต้องการฐานนักลงทุนใหม่ๆ ก็จะมีอุปสรรคด้วย

นอกจากนี้ยังเป็นการตอบโจทย์นโยบายของประเทศไทยยังมีความต้องการในการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของภาคประชาชน และยังไปพร้อมๆกับการวางแผนทางการเงินในระยะยาวของประชาชนผ่านกองทุน LTF-RMF  จึงควรอย่างยิ่งที่จะต้องนำมาปรับแก้ไขเพื่อให้ไม้บรรทัดตีตรงไม่ลำเอียงหรือให้ประโยชน์แก่กลุ่มบุคคลใดบุคลหนึ่งจนมากเกินไปโดยเฉพาะคนรวย และที่สำคัญเพื่อประโยชน์สูงสุดของภาพรวมของประเทศไทยด้วย

และยังสะท้อนให้เห็นชัดเจนจากนโยบายกระตุ้นยอดขายหน่วยลงทุนของบรรดาผู้จัดการกองทุนนำเสนอข้อมูลที่ผิดวัตถุประสงค์ของหน้าที่ผู้จัดการกองทุน จนทำให้ฝ่ายกำกับสมาชิก อย่างสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)ต้องออกหนังสือเตือนและเรียกบรรดาสมาชิกที่แตกแถวยุติการโฆษณาชวนเชื่อแบบผิดๆ 

 
 
 
 
โดยนายวสันต์  เทียนหอม รองเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) เคยกล่าวว่าก.ล.ต.กำหนดแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการโฆษณาการขายหน่วยลงทุนที่มีการจัดรายการของสมนาคุณของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) และผู้ขายหน่วยลงทุนทั้งบริษัทหลักทรัพย์และบริษัทที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจ LBDU เพื่อให้การโฆษณาดังกล่าวกระทำอย่างเหมาะสม และให้ความสำคัญต่อข้อมูลกองทุนที่จำเป็นต่อการตัดสินใจของผู้ลงทุน โดยมีผลบังคับใช้ 26 ตุลาคม 2555 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ในการโฆษณาขายหน่วยลงทุนที่มีการจัดรายการของสมนาคุณ บริษัทต้องให้ข้อมูลสำคัญของกองทุนรวมที่เป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจลงทุน เช่น ชื่อ อายุ ประเภทกองทุน นโยบายการลงทุน และความเสี่ยงที่สำคัญ รวมถึงข้อมูลผลการดำเนินงานของกองทุนรวม เป็นต้น และหากเป็นการโฆษณาของกลุ่มกองทุนรวมที่ไม่สามารถแสดงข้อมูลสำคัญรายกองทุนได้ครบถ้วน บริษัทจะต้องระบุข้อมูลรายกองทุนโดยสังเขปพร้อมคำเตือนเอาไว้ เพื่อให้ผู้ลงทุนศึกษาข้อมูลสำคัญของกองทุนรวมก่อนตัดสินใจลงทุน
 
ทั้งนี้ ข้อมูลสำคัญของกองทุนรวมจะต้องชัดเจน เพียงพอ และเหมาะสมกับรูปแบบการโฆษณาด้วย โดยข้อมูลเกี่ยวกับของสมนาคุณจะต้องไม่บดบังข้อมูลของกองทุน หรือมีขนาดใหญ่จนเกินไป


 
 
ตัวอย่างการโฆษณาของบรรดาบริษัทจัดการลงทุนที่สะท้อนถึงผู้ที่มีรายได้สูงยิ่งให้ประโยชน์ ซึ่งคือกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่แต่ละค่ายแข่งขันกันโดยที่ละเลยกลุ่มที่เสียภาษีน้อยได้ลดหย่อนน้อย 
 
 
 
 
อาทิ หากลงทุนผ่านกองทุนประหยัดภาษีทั้ง LTF-RMF จะช่วยประหยัดภาษีสูงสุดถึง 1 ล้านบาท นั่นเป็นการสะท้อนการประหยัดภาษีต่อคนรวยหรือก็คือผู้ที่มีรายได้สูงนั่นเอง
 
 
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 16 ก.ค. 2557 เวลา : 12:23:18
24-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 24, 2024, 1:17 am