นับวันการแข่งขันในธุรกิจอาหารพร้อมทาน หรือ เรดดี้มีล จะมีการแข่งขันกันรุนแรง เพราะจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงใช้ชีวิตด้วยความเร่งรีบมากขึ้น ส่งผลให้กลุ่มสินค้าที่มีความสะดวกเริ่มเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของผู้บริโภค และหนึ่งในสินค้าที่ได้รับอานิสงส์ดังกล่าว คือ กลุ่มอาหารพร้อมทาน
เห็นได้จากจำนวนผู้เล่นในตลาดที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วง 4 ปีที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตต่อเนื่องที่ประมาณ 15-20% ทำให้ปัจจุบันตลาดรวมอาหารพร้อมทานที่จำหน่ายผ่านช่องทางห้างค้าปลีกสมัยใหม่ หรือ โมเดิร์นเทรด และ คอนวีเนียนสโตร์ มีมูลค่าทะลุ 10,000 ล้านบาทไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
จากจำนวนคู่แข่งที่เพิ่มขึ้นและเมนูอาหารที่มากขึ้น ส่งผลให้กลุ่มสินค้าดังกล่าวได้รับความสนใจจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี จนทำให้มีการคาดการณ์ว่าในช่วง 5 ปีนับจากนี้ ตลาดรวมอาหารพร้อมทานจะยังมีอัตราการเติบโตต่อเนื่องที่ 15-20% ส่วนใครจะเป็นผู้นำตลาด ณ ตอนนี้ ยังไม่มีใครกล้าเคลม เพราะแต่ละผู้ประกอบการที่โดดเข้ามาทำธุรกิจอาหารพร้อมทาน ล้วนแต่เป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ทั้งสิ้น
นายวิทวัส ตันติเวสส รองกรรมการผู้จัดการบริหาร ด้านการตลาด บริษัท เจริญโภคภัณฑ์ อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ กล่าวว่า ทุกวันนี้ผู้บริโภคพยายามมองหาสินค้าที่ทำให้ชีวิตมีความสะดวกขึ้น จึงทำให้ตลาดอาหารพร้อมทานในประเทศไทยมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี และจากการที่ตลาดอาหารพร้อมทานในไทยอยู่ในช่วงเริ่มต้น จึงทำให้ยังมีโอกาสอีกมาก ซึ่งในส่วนของบริษัทจะเน้นไปที่กลยุทธ์ความคุ้มค่า คุ้มราคา และเข้าถึงได้ง่าย
ล่าสุด ซีพีเอฟ ได้ออกมาเปิดตัวสินค้าใหม่เข้าทำตลาด ประกอบด้วย ข้าวผัดทวิสต์ 3 รสชาติ ได้แก่ ข้าวผัดต้มยำไก่,ข้าวผัดกระเทียมไก่พริกไทยดำ และข้าวผัดกะเพราไก่คลุก ถือเป็นการนำเมนูอาหารไทยขึ้นชื่อมาประยุกต์ ด้วยการนำเสนอในรูปแบบที่น่าสนใจ โดยยังยึดแบบฉบับรสชาติต้นตำรับไทย ที่ปรุงได้ง่ายๆ มาประยุกต์ และนำเสนอในรูปแบบที่น่าสนใจตามแบบฉบับตำรับอาหารไทย และจำหน่ายในราคาเพียงกล่องละ 39 บาท เน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายเริ่มทำงาน และนักศึกษามหาวิทยาลัย
นายทวี ปิยะพัฒนา ประธานกลุ่มบริษัท แปซิฟิคแปรรูปสัตว์น้ำ หรือ พีเอฟพี กล่าวว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังนี้ บริษัทมีแผนที่จะเปิดตัวสินค้าใหม่เข้ามาทำตลาด 5-6 รายการ เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภค ขณะเดียวกันบริษัทก็จะมีการทำกิจกรรมส่งเสริมการขายมากขึ้น เพราะจากปัจจัยลบทางด้านเศรษฐกิจและการเมืองที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ส่งผลให้ภาพรวมยอดขาย 4 เดือนแรกเติบโตเพียง 12% ซึ่งถือว่าต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ว่าทั้งปีจะเติบโตที่ 15%
นายอนุรัตน์ โค้วคาสัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรานทะเล มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงภาพรวมธุรกิจในปี 2557 ว่า ยังเผชิญปัญหาการทำตลาด เห็นการจับจ่ายของผู้บริโภคในช่องทางห้างค้าปลีกและร้านค้าทั่วไปที่ปรับตัวลดลง ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องออกมาทำกิจกรรมส่งเสริมการขาย ด้วยการ ลด แลก แจก แถม สินค้ามากขึ้น เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อ ซึ่งในส่วนของบริษัทเองได้มีการปรับลดงบการตลาดเหลือ 20 ล้านบาท จากปีก่อนใช้ไปประมาณ 50 ล้านบาท
แม้ว่าจะปรับลดงบการตลาด แต่ในด้านของการพัฒนาสินค้าใหม่ๆ เข้าทำตลาด พรานทะเลยังคงเดินหน้าเปิดตัวสินค้าใหม่เข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในช่วงครึ่งปีหลังนี้มีแผนที่จะเปิดตัวสินค้าใหม่เข้ามาทำตลาดอย่างต่ำอีก 10 รายการ ขณะเดียวกันก็เดินหน้าขยายช่องทางการทำตลาดใหม่ๆ เพิ่มขึ้น หลังจากช่วงเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา พรานทะเลได้เข้าไปบริหารจุดจำหน่ายสินค้าในห้างค้าปลีกสมัยใหม่ ทั้ง ห้างบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ และเทสโก้ โลตัส เพิ่ม 300 จุด ซึ่งเดิมเป็นจุดจำหน่ายซูชิแบรนด์พีเอฟพี ด้วยการนำสินค้าใกล้เคียงกันไปจำหน่าย เช่น ซูชิสไตล์คามาโบโกะ อาหารทอด และอาหารแช่เย็น โดยสิ้นปีคาดว่าจะมีรายได้เป็นไปตามเป้าหมายที่ 2,800 ล้านบาท เติบโตจากปีที่ผ่านมา 20% อย่างแน่นอน
นายวิศักดิ์ คุณาสกุลเลิศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายการตลาด บริษัท เบทาโกร ฟู้ดส์ จำกัด กล่าวว่า แนวทางการขยายธุรกิจอาหารพร้อมทานนับจากนี้ บริษัทจะเน้นไปที่การพัฒนาสินค้านวัตกรรมใหม่ๆ เข้าทำตลาด ภายหลังจากทดลองนำสินค้าเข้าทำตลาดในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา พบว่า ลูกค้าให้การตอบรับเป็นอย่างดี ด้วยเหตุนี้สิ้นปีจึงมีแผนที่จะพัฒนาสินค้าใหม่ๆ เข้ามาทำตลาด เพิ่มเป็น 200-220 เมนู จากปัจจุบันมีสินค้าเข้าทำตลาดประมาณ 150 เมนู
นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะขยายช่องทางจำหน่ายเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันสามารถนำสินค้าเข้าไปจำหน่ายได้แล้วในร้านแฟมิลี่มาร์ท ,ซูเปอร์มาร์เก็ตในเครือท็อปส์ และห้างเทสโก้โลตัส รวมไปถึงเบทาโกรช็อป ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนสาขาเปิดให้บริการอยู่ที่ 120 สาขา หลังจากเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องสิ้นปี เบทาโกรมั่นใจว่าจะมีรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 40-50%
ด้าน นายกฤษฎา เตชะมนตรีกุล ผู้จัดการฝ่ายการพาณิชย์ ส่วนอาหารพร้อมทาน บริษัท เอก-ชัย ดีลทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด ผู้บริหารห้างเทสโก้ โลตัส กล่าวว่า จากไลฟ์สไตล์ของคนไทยที่เปลี่ยนไป คือ มีการใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบมากขึ้น และมีขนาดครอบครัวที่เล็กลง ทำให้ไม่นิยมปรุงอาหารทานเอง นิยมรับประทานอาหารที่ทานได้สะดวกเพิ่มมากขึ้น ด้วยเหตุปัจจัยดังกล่าว ทำให้สินค้ากลุ่มอาหารพร้อมทานมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง
จากเหตุผลดังกล่าว เทสโก้ โลตัส จึงเล็งเห็นโอกาส ด้วยการหันมาให้ความสำคัญกับสินค้ากลุ่มอาหารพร้อมทานมากขึ้น โดยการเพิ่มเมนูอาหารพร้อมทานในร้านเทสโก้ โลตัส เอ็กซ์เพรส ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘อร่อยสะดวก ที่เทสโก้ โลตัส เอ็กซ์เพรส’ จัดเมนูอร่อยมาให้ลูกค้าได้เลือกซื้อ ทั้งเฮ้าส์แบรนด์ของเทสโก้ โลตัส ภายใต้ชื่อ "อิ่มอิ่ม" และแบรนด์ของคู่ค้า เช่น พรานทะเล, ซีพี ,โออิชิ ,ซัน เมอร์รี่, เบทาโกร ,เอสแอนด์พี ซึ่งจะมีเมนูรวมกันถึง 100 เมนูภายในสิ้นปีนี้
จุดเด่นของเมนูอาหารพร้อมทานที่เทสโก้ โลตัส นำมาเป็นจุดขาย คือ ความอร่อย ความหลากหลาย คุณภาพวัตถุดิบ และดีต่อสุขภาพ เช่น เมนูข้าวปั้น ข้าวหน้าปลาซาบะย่าง โดยปลาซาบะนำเข้าจากประเทศนอร์เวย์ และเมนูรักสุขภาพที่มีแคลอรี่ต่ำเพียง 150-180 แคลอรี่ต่อจาน นอกจากนี้ อาหารพร้อมทานของเทสโก้ โลตัส เอ็กซ์เพรส ยังคงรักษาจุดเด่นในเรื่องราคา เพื่อช่วยผู้บริโภคลดค่าครองชีพ โดยเมนูส่วนใหญ่ของกลุ่มอาหารพร้อมทานจะมีราคาต่ำกว่า 30 บาท
นายกฤษฎา กล่าวต่อว่า บริษัทมั่นใจว่าการเพิ่มเมนูอาหารพร้อมทานในครั้งนี้ จะทำให้เทสโก้ โลตัส ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ครบถ้วนมากขึ้น จากปัจจุบันลูกค้าจะมาที่เทสโก้ โลตัส และ เทสโก้ โลตัส เอ็กซ์เพรส เพื่อซื้ออาหารสดจำนวนไม่มากหรือเครื่องปรุงที่ขาด เพื่อกลับไปปรุงง่ายๆ ที่บ้านเท่านั้น แต่หลังจากเพิ่มเมนูอาหารใหม่ๆ เข้าไป ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มอาหารอิ่มหนัก หรือ ฟูลมีล, อิ่มเบา หรือ ไรท์มีล และของหวาน หรือ ดีเสิร์ต คาดว่าจะได้ผลการตอบรับที่ดีจากลูกค้า
ปัจจุบันอาหารพร้อมทานแบรนด์อิ่มอิ่มของเทสโก้ โลตัส มีเมนูอาหารเข้าทำตลาดอยู่ที่ประมาณ 12 เมนู ซึ่งภายหลังจากนำสินค้าเข้าทำตลาดทั้งในสาขารูปแบบไฮเปอร์มาร์เก็ต และเอ็กซ์เพรสกว่า 1,400 สาขา พบว่าลูกค้าให้การตอบรับเป็นอย่างดี เทสโก้ โลตัส จึงมีแผนที่จะเดินหน้าขยายกลุ่มธุรกิจดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุดได้มีการจับมือร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อร่วมกันทำตลาดกลุ่มอาหารพร้อมทาน ซึ่งหลังจากจับมือกับพันธมิตรในครั้งนี้ เทสโก้ โลตัส คาดว่าอีก 3-5 ปีข้างหน้า จะทำให้เทสโก้ โลตัส มีส่วนแบ่งการตลาดในด้านของยอดขายกลุ่มสินค้าอาหารพร้อมทานไม่ต่ำกว่า 20% ได้อย่างแน่นอน
การออกมาเร่งเครื่องกระตุ้นยอดขายในช่วงครึ่งปีหลัง เพื่อกู้ยอดขายครึ่งปีแรกที่อาจสะดุดไปบ้าง หลังจากเกิดปัจจัยลบทางเศรษฐกิจและการเมือง จะทำให้แต่ละผู้ประกอบการมีรายได้สิ้นปีเป็นไปตามเป้าหมายหรือไม่ คงต้องรอลุ้นอีก 5 เดือน แต่หลังจากทุกอย่างคลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้นประกอบกับผู้บริโภคยังคงให้ความสนใจกลุ่มสินค้าดังกล่าว จึงทำให้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังคงมั่นใจว่าภาพรวมตลาดอาหารพร้อมทานสิ้นปีนี้ยังเติบโตได้ที่ 15-20% ได้แบบสบายๆ
ข่าวเด่น