แบงก์-นอนแบงก์
"กลุ่มทิสโก้"ประกาศความพร้อมลุยธุรกิจครึ่งปีหลัง เปิดแผนขยายฐานลูกค้าทุกกลุ่ม โฟกัส"ทริกเกอร์ฟันด์-สินเชื่อรถยนต์"หัวหอกขับเคลื่อนธุรกิจสร้างรายได้


 

"กลุ่มทิสโก้"ใส่เกียร์ห้า เดินหน้าบุกตลาดรับเศรษฐกิจครึ่งปีหลังสดใส เปิดแผนธุรกิจขยายฐานลูกค้าทุกกลุ่ม พร้อมจับจังหวะออกทริกเกอร์ฟันด์สร้างรายได้ต่อเนื่อง และลุยสินเชื่อรถยนต์ คาดยอดจำหน่ายรถปีหน้าพุ่งแน่ มองการแข่งขันสินเชื่อรถยนต์เดือด อาจถึงขั้นเล่นสงครามราคา "อรนุช"ลั่นทิสโก้ไม่โดดเข้าไปเล่นด้วย เว้นบางตัวกระทบตลาด ต้องโดดป้อง เข้ม"ตัวไหนต้องชน-ก็ต้องชน"เพื่อไม่ให้เสียตลาด
 
       
 
 
 
นางอรนุช อภิศักดิ์ศิริกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มทิสโก้ เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยขณะนี้ค่อยๆปรับตัวดีขึ้น หลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามาดูแลและบริหารประเทศ แต่ยังไม่ได้ดีมาก เนื่องจากเงินยังไม่ได้หมุนมากนัก เพราะแม้ชาวนาจะได้รับเงินจำนำข้าว แต่ชาวนาก็มีภาระหนี้สินที่ต้องไปชดใช้ ทำให้มีเงินเหลือไม่มากที่จะจับจ่ายใช้สอยอุปโภคบริโภค ฉะนั้นการใช้จ่ายของประชาชนที่จะเป็นตัวที่หมุนเงินในระบบคงต้องรออีกสักระยะหนึ่ง แต่คาดว่าประมาณปลายปีนี้หรือปีหน้าการหมุนเวียนของเงินในระบบจะมีมากขึ้น ทั้งจากการจับจ่ายใช้สอยของภาคครัวเรือนเอง รวมทั้งการลงทุนของภาครัฐและเอกชน ที่ทางการพยายามเร่งการเบิกจ่ายงบประมาณ และเร่งโปรเจ็กต์การลงทุนต่างๆ ซึ่งจะส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจที่ขยายตัวดีขึ้นและมากขึ้น 
 
อย่างไรก็ตาม แม้ในช่วงครึ่งปีแรกเศรษฐกิจไทยจะอ่อนตัวทั้งด้านการบริโภค การลงทุน และการส่งออก จากความไม่แน่นอนทางด้านการเมืองในช่วงต้นปี ซึ่งกระทบต่อภาคสินเชื่อที่หดตัวลงบ้าง แต่กลุ่มทิสโก้ยังสามารถรักษาผลประกอบการได้ในระดับที่น่าพอใจ ซึ่งได้รับแรงสนับสนุนจากการเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดในทุกธุรกิจภายในกลุ่ม 
 
โดยกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในครึ่งปีหลังของกลุ่มทิสโก้ นางอรนุชกล่าวว่า จะยังมุ่งเน้นขยายฐานลูกค้าทุกกลุ่ม และพัฒนาโครงสร้างธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาว พร้อมยังคงรักษาระดับของรายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจ Bancassurance ที่ธนาคารทิสโก้มีการออกผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง 
 
สำหรับในส่วนธุรกิจจัดการกองทุน ที่ผ่านมา บลจ. ทิสโก้ ก็สามารถสร้างความแตกต่างจนเป็นผู้นำตลาดในการออกผลิตภัณฑ์กองทุนต่างประเทศ โดยจับจังหวะในการออกกองทุนกำหนดเป้าหมายผลตอบแทน (ทริกเกอร์ฟันด์) ซึ่งประสบความสำเร็จหลายกองด้วยกัน ขณะที่ บล.ทิสโก้ เมื่อเร็วๆ นี้ได้เปิดบริการซื้อขายหุ้นต่างประเทศ อีกทั้งยังได้พัฒนาบริการแอพพลิเคชั่นต่างๆ เพื่อเข้าถึงลูกค้ามากยิ่งขึ้น โดยเน้นจุดแข็งด้านบทวิเคราะห์ของทิสโก้ในการแนะนำโอกาสการลงทุนในช่วงจังหวะต่างๆ
 
“การปรับกลยุทธ์ ทิสโก้คงยังไม่ปรับ  เราต้องรอดูจังหวะของการขยายตัวทางเศรษฐกิจ รวมถึงดูผลตอบแทนทางธุรกิจ พร้อมกับดูความเสี่ยงควบคู่ไปด้วยเพื่อรักษาคุณภาพสินเชื่อให้อยู่ในระดับที่ดี แต่เราก็มีเป้าหมายที่จะขยายสินเชื่อรายย่อยต่อไป รวมทั้งขยายฐานลูกค้าต่อไป ซึ่งการหดตัวของภาวะเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาเรามองว่าเป็นแค่ภาวะการชะงักงันชั่วคราวเท่านั้น เราจึงไม่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ เพราะเท่ากับว่าจะทำให้เราเสียโอกาส”นางอรนุชกล่าว
 
 
 
 
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มทิสโก้กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ กลุ่มทิสโก้จะคงมุ่งพัฒนาวางโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน ขยายช่องทางการให้บริการเพื่อให้เข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น การพัฒนาระบบและฐานข้อมูลเพื่อการตัดสินใจทางธุรกิจ การพัฒนาบุคคลากรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน ตลอดจนการประสานความร่วมมือกันภายในกลุ่ม และการสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ กับพันธมิตร ซึ่งทั้งหมดจะทำอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคต
          
“เราเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยภายหลังการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองจะปรับตัวดีขึ้น นโยบายภาครัฐก็มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ปัจจัยดังกล่าวจะช่วยเกื้อหนุนให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งเราก็จะยังคงมุ่งเน้นการขยายบริการทางการเงินแก่ลูกค้าทุกกลุ่ม ทั้งกลุ่มลูกค้ารายย่อย ลูกค้าบรรษัท และลูกค้าธนบดีและจัดการกองทุน สอดคล้องไปกับวิสัยทัศน์ “สรรค์สร้างโอกาสชาญฉลาดเพื่อคุณ” และเน้นย้ำการกำกับดูแลกิจการที่ดี การบริหารความเสี่ยงที่รอบคอบ และการรักษาคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีเพื่อการเติบโตอย่างมีคุณภาพ ซึ่งในเรื่องความถี่ในการออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินและการลงทุนของทิสโก้ในระยะต่อไปที่ภาวะเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น เราคงดูจังหวะและจับจังหวะการออกผลิตภัณฑ์มากกว่า อะไรที่ออกไปแล้วจะขายดี เราก็ออก อาทิเช่น ทริกเกอร์ฟันด์ เพราะเราเชื่อว่าการพัฒนาโปรดักส์จะต้องดีสำหรับลูกค้าจริงๆ ออกแล้วได้รับการตอบรับที่ดี”นางอรนุชกล่าว
 
นางอรนุชกล่าวต่อไปว่า สำหรับการมุ่งเน้นด้านสินเชื่อ ทิสโก้ก็มองตัวที่เรามีความถนัด เช่น ธนาคารทิสโก้ถนัดเรื่องสินเชื่อรถยนต์ เราก็จะมุ่งเน้นไปทางด้านนี้ ประกอบกับเราดูเรื่องวงจรตลาดรถยนต์ด้วย  ซึ่งปีหน้าคาดว่าอุตสาหกรรมรถยนต์จะกลับมาดีขึ้นยอดขายรถยนต์จะสูงขึ้น และด้วยความที่ทิสโก้มีความลึกซึ้งกับดีลเลอร์รถยนต์ที่เป็นพันธมิตรก็เชื่อว่าสินเชื่อในส่วนนี้จะเติบโตดีขึ้นด้วย
 
“ที่ผ่านมาเราไม่ได้หายจากวงการตลาดรถยนต์ เพียงแต่ตลาดไม่เอื้ออำนวย แต่เราก็มีการวางกลยุทธ์เอาไว้แล้ว พร้อมกับจัดเตรียมเงินทุนไว้แล้วประกอบกับเรามีความลึกซึ้งกับพันธมิตรที่เป็นดีลเลอร์ เมื่อตลาดดี เราก็รุกได้เร็วกว่าคนอื่น แต่แม้ว่าปีหน้าการแข่งขันจะรุนแรง และอาจจะมีการเล่นสงครามด้านราคากัน แต่เราคงไม่เข้าไปเล่นจนเสียราคามากเกินไป เว้นแต่บ้างตัวที่มีผลต่อตลาดของเรา เราก็ต้องปกป้อง ต้องเข้าไปชน ตัวไหนต้องชนเราก็ชน”
 
นางอรนุชกล่าวว่า ด้วยทิศทางของอุตสาหกรรมรถยนต์ที่น่าจะปรับตัวดีขึ้น ทิสโก้คาดว่าปลายปีนี้ดีลเลอร์น่าจะมีการสต๊อกรถยนต์ไว้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้ทิสโก้ปล่อยสินเชื่อให้ดีลเลอร์ได้มากขึ้นด้วย จากช่วงที่ผ่านมายอดขายรถยนต์ตกหลังหมดมาตรการภาษีรถยนต์คันแรก ทำให้การสต๊อกรถยนต์ของดีลเลอร์น้อยลง การขอสินเชื่อจึงน้อยลงด้วย เพราะสต๊อกสินค้าจะแปรผันตามยอดขาย
 
 
 
 
นายสุทัศน์ เรืองมานะมงคล กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า สำหรับกลยุทธ์การดำเนินงานในครึ่งหลังของปี 2557 ของธนาคารทิสโก้จะยังคงเดินหน้าขยายเครือข่ายที่ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยมุ่งเน้นในธุรกิจหลัก อันได้แก่สินเชื่อทุกภาคส่วน รวมถึงธุรกิจอื่นๆ อาทิเช่น ธุรกิจนายหน้าประกันภัย โดยยึดหลัก Open platform หรือการเปิดกว้างสำหรับความร่วมมือใหม่ๆ รวมถึงการทำ Cross-selling ภายในกลุ่ม
          
“ในครึ่งปีหลัง เรายังคงมุ่งการขยายสินเชื่อทุกภาคส่วนอย่างต่อเนื่อง โดยเรามองว่าสินเชื่อรายย่อยจะเติบโตได้ดีกว่าในช่วงครึ่งปีแรก จากการฟื้นตัวของการบริโภค โดยเฉพาะยอดการขายรถยนต์ภายในประเทศ ทั้งนี้ สินเชื่อที่เกี่ยวกับรถยนต์จะยังเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของเรา โดยเราจะเน้นทำตลาดสินเชื่อรายย่อยระดับล่าง ภายใต้แบรนด์ “สมหวัง เงินสั่งได้” ที่กำลังเติบโตได้ดีและมีเครือข่ายครอบคลุมทุกภูมิภาค รวมถึงธุรกิจนายหน้าประกันภัย (Bancassurance) ที่เราได้ออกผลิตภัณฑ์ประกันที่สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดคือแผนคุ้มครองโรคมะเร็ง ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมาก และจะทำตลาดอย่างต่อเนื่องในปีนี้
         
ส่วนสินเชื่อธุรกิจเชื่อว่าจะกลับมาขยายตัวได้ดี เรามุ่งเน้นการสร้างฐานธุรกิจให้แก่ลูกค้าบริษัทด้วยการตอบสนองความต้องการทางการเงินในเชิงรุกด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ โดยนอกจากจะเน้นกลุ่มธุรกิจที่เราชำนาญอยู่แล้ว เช่น ยานยนต์ อสังหาริมทรัพย์ และสาธารณูปโภค ก็จะมองหาอุตสาหกรรมที่หลากหลายมากขึ้นเช่นกัน ด้านเงินฝาก เราจะเน้นการขยายฐานลูกค้าเงินฝากในกลุ่มลูกค้าขนาดกลางและรายย่อยให้มากขึ้น โดยจะแข่งขันด้วยคุณภาพการบริการ และอัตราดอกเบี้ยที่จูงใจ”
          
นอกจากนี้ ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ธนาคารทิสโก้ยังมุ่งเน้นการขยายช่องทางการให้บริการ โดยได้ขยายสาขาใหม่เพิ่มขึ้นอีก 4 แห่ง ได้แก่ ธนาคารทิสโก้สาขาบางลำพู สาขาเมกาบางนา สาขาศูนย์การค้าสยามสแควร์วัน และสาขาหาดใหญ่ โดยปัจจุบันมีสาขาธนาคารและสาขาสํานักอํานวยสินเชื่อรวมทั้งสิ้น 142 สาขาทั่วประเทศ เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงบริการได้สะดวกยิ่งขึ้น
         
 
 
 
ด้าน นายชาตรี จันทรงาม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายควบคุมการเงินและบริหารความเสี่ยงกลุ่มทิสโก้ กล่าวถึงผลการดำเนินงานของกลุ่มทิสโก้ในไตรมาส 2 ของปี 2557 ว่า กลุ่มทิสโก้มีผลกำไรสุทธิจำนวน 991.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.1% เมื่อเทียบกับไตรมาส1 ปี 2557 ส่วนหนึ่งเป็นผลจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เพิ่มขึ้น 1.5% เนื่องจากต้นทุนการเงินลดลงเล็กน้อย ส่วนของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยจากธุรกิจหลัก เพิ่มขึ้น 2.1% ตามการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายหลักทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นจากการปรับตัวที่ดีขึ้นของภาวะตลาดทุน และรายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจจัดการกองทุนที่เพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ ประกอบกับการออกกองทุนที่ตอบรับกับความต้องการของตลาด
          
ด้านสินเชื่อรวมของกลุ่มทิสโก้ลดลง 1.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่อ่อนตัว และปัญหาความไม่แน่นอนทางการเมืองในช่วงต้นไตรมาส 2 โดยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ปรับลดลง 2.1% อันเป็นผลจากตลาดรถยนต์ที่ชะลอตัวลง โดยยอดขายรถยนต์ใหม่ภายในประเทศงวด 5 เดือนแรกของปีนี้ ลดลง 42.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว ในขณะที่สินเชื่อธุรกิจยังเพิ่มขึ้น 3.4% จากไตรมาสก่อนหน้า
          
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมการดำเนินงานของกลุ่มทิสโก้ในไตรมาส 2 ปี 2557 นับว่ายังคงมีประสิทธิภาพสูง โดยสามารถควบคุมอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้รวมให้ลดลงมาอยู่ที่ 35.5% ซึ่งอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม รวมถึงยังมีเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง โดยสัดส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) อยู่ที่ 15.39% ซึ่งสูงกว่าอัตราเงินกองทุนขั้นต่ำที่กำหนดไว้ที่ 8.5% และเงินกองทุนขั้นที่ 1 (Tier 1) ต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ 11.51% ซึ่งสูงกว่าอัตราเงินกองทุนขั้นต่ำที่กำหนดไว้ที่ 6% โดยปัจจุบันกลุ่มทิสโก้มีขนาดสินทรัพย์รวมอยู่ที่ 3.29 แสนล้านบาท มีพนักงานประมาณ 4,200 คน ซึ่งปีนี้อาจมีการเพิ่มขึ้นของพนักงานช้าลง
 

LastUpdate 22/07/2557 02:32:25 โดย : Admin
25-12-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ December 25, 2024, 1:23 pm