หลังจากเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กับวงการฟรีทีวีของไทย เมื่อสำนักงานกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) ออกมาประกาศเปลี่ยนแปลงระบบการออกอากาศฟรีทีวีของไทยจากระบบอนาล็อคเป็นระบบดิจิตอล ส่งผลให้ช่องฟรีทีวีไทยปรับเพิ่มขึ้นจาก 6 ช่องเป็น 24 ช่อง
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นดังกล่าว ส่งผลให้ผู้ประกอบการในธุรกิจทีวีดาวเทียม เคเบิ้ลทีวี และเพย์ทีวี ต้องหันมาปรับตัวครั้งใหญ่ เพื่อรับมือการแข่งขันที่มีความรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากคอนเทนต์ที่ผู้ประกอบการแห่ไปเข้าคิวซื้อจากต่างประเทศ ส่งผลให้ค่าคอนเทนต์พุ่งขึ้นมาถึง 5 เท่า เริ่มใกล้เคียงกับคอนเทนต์เพย์ทีวี
ด้วยเหตุนี้จึงเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวงการทีวี เมื่อ บริษัท จี เอ็มเอ็ม แกรมมี่ (GRAMMY) แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทในการประชุมเมื่อวันที่ 22 ก.ค.2557 ได้มีมติอนุมัติให้ บริษัท แซท เทรดดิ้ง จำกัด (Z Trading) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ลงทุนในหุ้นสามัญของ บมจ.ซีทีเอช (CTH) โดยจะชำระค่าซื้อหุ้นดังกล่าวเป็นหุ้นสามัญของบริษัทย่อยของบริษัท ให้กับบริษัทย่อยของ CTH โดยรายการซื้อขายหุ้นดังกล่าวจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในวันที่ 31 ก.ค.57
ปัจจุบันบริษัท แซท เทรดดิ้ง จำกัด (Z Trading) ประกอบธุรกิจทีวีดาวเทียมประเภทบอกรับสมาชิก หรือ เพย์ทีวี ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทฯ ถือหุ้นอยู่ร้อยละ 99.98 ลงนามในบันทึกข้อตกลงในการเข้าซื้อหุ้นสามัญของ CTH จำนวนทั้งสิ้น 30,000,000 หุ้น มูลค่ารวมทั้งสิ้น 1,030,000,000 บาท คิดเป็นราคา 34.33 บาทต่อหุ้น โดยบริษัทจะชำระราคาค่าซื้อหุ้นดังกล่าวเป็นหุ้นสามัญของ บริษัท จีเอ็มเอ็ม บี จำกัด (GMM B) ให้แก่บริษัทย่อยของ CTH คือ บริษัท ซีทีเอช แอลซีโอ จากัด (CTH LCO) เป็นจำนวนทั้งสิ้น 38,659,700 หุ้น คิดเป็นราคา 26.64 บาทต่อหุ้น ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 100 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วของ GMM B
ส่วนสินทรัพย์ที่ได้มา คือ หุ้นสามัญของ CTH จำนวน 30,000,000 หุ้น โดยทุนจดทะเบียนที่ได้จัดสรรและชำระแล้วของ CTH ณ ปัจจุบันเท่ากับ 1,925,882,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 192,588,200 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท ส่วนสินทรัพย์ที่จำหน่ายไป คือ หุ้นสามัญของ GMM B จานวน 38,659,700 หุ้น (หลังจากการเพิ่มทุน)
นายเชิดศักดิ์ กู้เกียรตินันท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซีทีเอช จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การจับมือร่วมกันดังกล่าว ส่งผลให้โครงสร้างผู้ถือหุ้นของบริษัท ซีทีเอช ในปัจจุบันมีบริษัท แซท เทรดดิ้ง บริษัทลูกในเครือแกรมมี่ถือหุ้น 10% ที่เหลืออีก 35% เป็นการถือหุ้นของยิ่งลักษณ์ วัชรพล อีก 35% เป็นของนายวิชัย ทองแตง และอีกประมาณ 20% เป็นของกลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อย
สำหรับสัดส่วนหุ้น 20% ที่เป็นของผู้ถือหุ้นรายย่อย ขณะนี้บริษัท ซีทีเอช อยู่ระหว่างการเจรจาร่วมกับพันธมิตรจากต่างประเทศอีกประมาณ 3-4 ราย เพื่อเข้ามาถือหุ้นในจำนวนดังกล่าว คาดว่าอีกประมาณ 3 เดือนน่าจะได้ข้อสรุปของผู้ที่จะเข้ามาถือหุ้นในส่วนที่เหลืออีกประมาณ 20% ซึ่งบริษัทที่กำลังเจรจาส่วนใหญ่ขณะนี้ ล้วนแต่เป็นบริษัทที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจเดียวกัน
นายเชิดศักดิ์ กล่าวว่า ความร่วมมือดังกล่าวที่เกิดขึ้นดังกล่าว จะช่วยให้ทั้ง 2 บริษัท ลดต้นทุนในด้านของการบริหารงาน และความซ้ำซ้อนต้นทุนการซื้อลิขสิทธิ์รายการจากต่างประเทศ ซึ่งจากศักยภาพของทั้ง 2 บริษัทที่มีไม่ว่าจะเป็นในด้านการตลาด รายการ เครือข่ายการจัดจำหน่าย หรือฐานลูกค้า เชื่อว่าจะทำให้การทำธุรกิจเพย์ทีวีของทั้ง 2 บริษัทมีศักยภาพมากขึ้น โดยในส่วนของการดำเนินธุรกิจ ซีทีเอชและจีเอ็มเอ็ม แซท ยังคงแยกกันกันบริหารงานเหมือนที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี จุดแข็งที่ทำให้หลายคนเริ่มมาจับตามอง ซีทีเอช และ จีเอ็มเอ็ม แซท นับจากนี้ คือ คอนเทนต์ เพราะจากความร่วมมือกันดังกล่าว ส่งผลให้ทั้ง 2 บริษัท มีความแข็งแกร่งในด้านของคอนเทนต์เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในด้านของกีฬาหรือบันเทิง ที่เป็นไฮไลท์ก็น่าจะหนีไม่พ้นพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ,ฟุตบอลยูโร 2016 รอบคัดเลือก ที่จะเริ่มในปี 2015 ฟุตบอลยูโร รอบ 24 ทีมในปี 2016,มวยปล้ำ WWE ช่องรายการบันเทิงต่างประเทศ และช่องรายการบันเทิงของแกรมมี่
นอกจากนี้ ยังมีความพร้อมทรานสปอนเดอร์ส่งสัญญาณดาวเทียมขนาดใหญ่ ซึ่งเช่าจากไทยคม 5 ไทยคม 6 ดาวเทียม Vinasat1 เวียดนาม ทั้งระบบซีแบนด์และเคยูแบนด์ รวม 16 ทรานสปอนเดอร์ ซึ่งสามารถให้บริการช่องรายการทั้งระบบปกติและเอชดี เนื่องจากแกรมมี่มีความแข็งแกร่งด้านช่องทางจัดจำหน่ายกล่องดาวเทียมทุกช่องทางมากกว่า 10,000 จุด
จากความพร้อมที่เกิดขึ้นดังกล่าว ส่งผลให้ แกรมมี่ และ ซีทีเอช มั่นใจว่าสิ้นปีนี้จะสามารถขยายฐานสมาชิกเพย์ทีวีทะลุ 4.5 ล้านราย ได้อย่างแน่นอน จากปัจจุบันซีทีเอช มีฐานสมาชิก 5 แสนราย จะเพิ่มเป็น 3 ล้านรายในสิ้นปีนี้ ขณะที่ จีเอ็มเอ็ม แซท มีฐานสมาชิกอยู่ที่ 3 แสนราย และจ ากการที่กล่องจีเอ็มเอ็ม แซท ที่มีระบบซีเอ รองรับสัญญาณเพย์ทีวีได้ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 1.5 ล้านราย จึงทำให้ทั้ง 2 บริษัทมั่นใจว่าจะมีฐานสมาชิกเป็นไปตามเป้าหมายแน่นอน เช่นเดียวกับเป้าหมายรายได้สิ้นปีนี้ที่ ซีทีเอช คาดว่าจะมีรายได้คุ้มทุนที่ 6,000-7,000 ล้านบาท ขณะที่จีเอ็มเอ็มบี มีรายได้ประมาณ 1,000 ล้านบาทในปีนี้ หรือเพิ่มขึ้น 10 เท่าจากปีก่อน
ด้าน นายอรรถพล ณ บางช้าง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายรายการ บริษัท ทรูวิชั่นส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากการแข่งขันที่เปลี่ยนแปลงไป ส่งผลให้ผู้ประกอบการเพย์ทีวี ต้องหันมาปรับตัวในการดำเนินธุรกิจมากขึ้น เพราะการทำตลาดจะไม่ง่ายเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งจุดขายที่ผู้ประกอบการเพย์ทีวีควรดึงออกมา คือ คอนเทนต์ที่มีคุณภาพและมีความแตกต่างไปจากฟรีทีวี เพื่อให้ผู้บริโภครู้สึกว่าจ่ายเงินสมัครสมาชิกชมคอนเทนต์พิเศษไปแล้วคุ้มค่า หรือเป็นส่วนเติมเต็มของฟรีทีวี
ทั้งนี้ จุดแข็งที่ทรูวิชั่นส์พยายามชูขึ้นมาเป็นจุดขายเพื่อรักษาฐานลูกค้าเดิม คือ การนำเสนอคอนเทนต์ที่มีความหลากหลายและครอบคลุมความต้องการของผู้ชม ซึ่งหลังจากพลาดการบริหารสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีคไปเมื่อปี 2556 ทรูวิชั่นส์ก็พยายามเสาะหาคอนเทนต์ที่แปลกใหม่และมีความเฉพาะมากขึ้น
ขณะเดียวกันก็ปรับกลยุทธ์ในด้านของราคาแพ็คเกจให้จับต้องได้ง่ายขึ้น และเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการเข้าไปทำตลาด โดยเฉพาะกลุ่มมิดเทียร์ หรือกลุ่มเป้าหมายระดับกลาง-ล่าง ขณะที่กลุ่มเป้าหมายระดับบน ก็พยายามหาคอนเทนต์ดังจากต่างประเทศทั้งบันเทิง กีฬา และความรู้ มาใส่ เพื่อรักษาฐานลูกค้าเดิมให้ยังคงอยู่ควบคู่ไปกับการขยายฐานลูกค้าใหม่
ล่าสุด ได้จับมือกับ RTL CBS Aia Entertainment Network สื่อยักษ์ใหญ่จากยุโรปและอเมริกา นำคอนเทนต์รายการ RTL CBS Extreme HD เช่น มายากล กีฬาเอ็กซ์ตรีม เรียลลิตี้แบบเอ็กซ์ตรีม และ ซีรีย์แอ็คชั่น มาใส่ไว้ในทรูวิชั่น 338 เพื่อขยายฐานลูกค้าแพ็คเกจโกลด์ และแพลทินั่ม
นอกจากนี้ ทรูวิชั่นส์ ยังมีแผนที่จะเปิดตัวคอนเทนต์ใหม่ๆ และช่องรายการในรูปแบบเอชดีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องอีกประมาณ 3 ช่อง เป็นอย่างต่ำในช่วงครึ่งปีหลังนี้ จากปัจจุบันมีช่องเอชดีอยู่ที่ประมาณ 50 ช่อง จากแนวทางดังกล่าว ทรูวิชั่นมั่นใจว่าสิ้นปีนี้จะสามารถเพิ่มฐานสมาชิกเพิ่มขึ้นอีกไม่ต่ำกว่า 30% จากปัจจุบันมีฐานสมาชิกอยู่ที่ประมาณ 2.7 ล้านราย ในจำนวนดังกล่าวเป็นลูกค้าที่สมัครสมาชิกแพ็ตเกจเพย์ทีวี 6.7 แสนราย แบ่งเป็นสมาชิกแพ็คเกจโกลด์ และ แพลทินั่ม (ระดับบน) 2 แสนราย และระดับโนวเลจ (กลางล่าง) 4-5 แสนราย
ข่าวเด่น