หุ้นไทยถึงเวลาพักฐานระยะสั้นๆแล้ว โดยโบรกเกอร์ประเมินโอกาสลงลึกถึง 1,470-1,472 จุด หลังติดเทอร์โบปรับขึ้นมาต่อเนื่อง แต่ปัจจัยบวกยังรอหุ้นไทยให้ดีดกลับได้ในระยะยาว คือ การเลือกตั้งในปี 2558

นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาดการณ์ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับลงได้ 3-5%  หรือลงลึกได้ถึง 1,480  จุดสำหรับช่วงไตรมาสที่ 3 นี้ เนื่องจากที่ผ่านมาดัชนีมีการปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง

หลังมีความชัดเจนจากปัจจัยการเมืองสามารถเดินหน้าได้ จากนั้นดัชนีฯจะเริ่มปรับตัวดีขึ้น ซึ่งสะท้อนว่าตลาดหุ้นไทยได้ผ่านจุดต่ำสุดของปีนี้ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อสิ้นสุดการพักฐาน ดัชนีตลาดหุ้นก็มีโอกาสปรับขึ้นไปได้ที่ระดับ 1,500 จุด หากอิงจากปัจจัยพื้นฐาน แต่สำหรับด้านนักลงทุนเริ่มมองโอกาสการลงทุนเพื่อรับดัชนีในปี 2558 กันแล้ว ซึ่งฝ่ายวิจัย บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) มองว่ามีโอกาสปรับขึ้นไปได้ถึง 1,500 - 1,576 จุด 
     
ส่วนด้านคำแนะการลงทุนในระยะ 3 - 6 เดือนข้างหน้า ควรลงทุนในหุ้นที่ได้อานิสงส์จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. อาทิ กลุ่มท่องเที่ยว, กลุ่มขนส่ง รวมไปถึงกลุ่มโรงแรม และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เป็นต้น

ด้านฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย เวลท์ ประเมินว่า สำหรับดัชนีตลาดหุ้นไทย หากอิงจากกลยุทธ์ทางการเทคนิคแล้วนั้น พบว่าจากนี้ไปตลาดหุ้นไทยจะเริ่มพักฐานอีกครั้ง หลักจากปรับขึ้นมาอย่างต่อเนื่องติดต่อกัน 4-5 เดือน โดยประเมินว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับลงไปลึกสุดถึง 1,422 จุด โดยมีแนวรับแรกที่ระดับ 1,469 จุดก่อน ดังนั้นคำแนะนำการลงทุนให้ลงทุนแบบเก็งกำไรระยะสั้นจากการปรับลงแรง ซึ่งประเมินแนวต้านในกรอบ 1,509-1,533 จุด

ขณะที่ นายประกิต  สิริวัฒนเกตุ นักวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส ประเมินว่า การพักฐานของตลาดหุ้นไทยครั้งนี้ถือเป็นเรื่องปกติ หลังจากที่ปรับขึ้นแบบไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยกว่าเดือนครึ่ง ซึ่งหากประเมินจากกราฟเทคนิคแล้ว จะเห็นสัญญาณชัดเจนถึงโอกาสการพักฐานของดัชนี ซึ่งกรอบที่มีโอกาสปรับลงลึกสุดคือ 1,472 จุด โดยที่มีระดับราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น หรือ พีอี ที่ระดับ 15 เท่า ไม่ถือว่าแพงกว่าภูมิภาค อย่างไรก็ตาม หากดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับลงต่ำกว่า 1,500 จุด ก็มีโอกาสที่จะเด้งขึ้นอีกครั้งที่ระดับ 1,510 จุด 

ฝ่ายวิจัยบล.เอเซีย พลัส ยังประเมินอีกว่า จากนี้ไปดัชนีตลาดหุ้นไทยจะตอบสนองตามความคืบหน้าทางด้านนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ที่กำลังเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย ในระยะ 1 ปีนี้ หรือประมาณเดือนกันยายน 2558 ดังนั้นหากตั้งรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งจะยิ่งส่งสัญญาณที่ดีต่อตลาดหุ้นไทย

คำแนะนำกลยุทธ์การลงทุนจึงเน้นการลงทุนในหุ้นที่สามารถรับแรงกระแทกการปรับฐานของหุ้นได้ดี ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง อาทิ ASK ,BECL, INTUCH, PYLON