การตลาด
สกู๊ป "เซ็นทรัลฟู้ด รีเทล" เปิด "ท็อปส์ ซูเปอร์สโตร์" อุดช่องโหว่ลูกค้า


 


จากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และชอบอะไรที่มีความคุ้มค่าคุ้มราคา ส่งผลให้ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด เล็งเห็นโอกาสในการเปิดตัวซูเปอร์มาร์เก็ตฟอร์แมตใหม่เข้ามาทำตลาด  แม้ว่าปัจจุบันจะมีจะจำนวนร้านซูเปอร์มาร์เก็ตให้ผู้บริโภคใช้บริการมากถึง 7 ฟอร์แมตแล้วก็ตาม ประกอบด้วย อีทไทย ,เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์, ท็อปส์ มาร์เก็ต, ท็อปส์ ซูเปอร์, ท็อปส์ เดลี่, ท็อปส์ ซูเปอร์คุ้ม และท็อปส์ ซูเปอร์คุ้ม ขายส่ง

ใครต้องการสินค้าคุณภาพเกรดเอ ทั้งที่มีทั้งในประเทศและต่างประเทศแบบครบครันสามารถหาซื้อได้ในร้านเซ็นทรัลฟู้ด รีเทล และท็อปส์ มาร์เก็ต แต่ถ้าใครต้องการสินค้าคุ้มค่าคุ้มราคาก็สามารถเลือกเข้ามาใช้บริการได้ที่ร้านท็อปส์ ซูเปอร์คุ้ม  และท็อปส์ ซูเปอร์คุ้มขายส่ง  แต่ถ้าใครต้องการความสะดวกรวดเร็วซื้อสินค้าชิ้นเล็กก็สามารถเข้ามาใช้บริการได้ที่ท็อปส์ เดลี่ และจากช่องว่างที่ลูกค้าต้องการทั้งความคุ้มค่าคุ้มราคาควบคู่ไปกับสินค้าคุณภาพทั้งในประเทศและต่างประเทศ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ดรีเทล จึงเล็งเห็นโอกาสด้วยการเปิดตัว "ท็อปส์ ซูเปอร์สโตร์"
เข้ามาทำตลาด

 
 
 
นายอลิสเตอร์ เทย์เลอร์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด กล่าวว่า  แนวทางการดำเนินธุรกิจนับจากนี้ บริษัทยังคงมุ่งเน้นการพัฒนาสินค้าคุณภาพคุ้มค่าคุ้มราคาเข้าทำตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่แตกต่างกัน ซึ่งจากแนวทางธุรกิจดังกล่าว บริษัทจึงเกิดแนวคิดที่จะพัฒนาร้านค้ารูปแบบใหม่ ภายใต้ชื่อ “ท็อปส์ ซูเปอร์สโตร์” เข้ามาทำตลาด เพื่อสร้างความแตกต่างและเติมเต็มความต้องการของผู้บริโภค

ร้านท็อปส์ ซูเปอร์สโตร์ จะเป็นร้านที่สร้างประสบการณ์ใหม่ในการช้อปปิ้งในแบบครบวงจร one stop shopping มาที่นี่แห่งเดียวได้สินค้าครบทุกอย่างตามต้องการ โดยได้คัดสรรสินค้าชั้นนำ คุณภาพดี และหลากหลายหมวดหมู่สินค้าแบบครบวงจรที่คุ้มค่า คุ้มราคา มารวมไว้ในที่เดียว ในรูปแบบซูเปอร์สโตร์ ที่เน้นการออกแบบร้านอย่างทันสมัย แตกต่างจากแบบเดิมๆ เช่น  ความสะดวกสบายในการช้อปปิ้ง ที่จะมีพนักงานคอยให้คำแนะนำและให้ข้อมูลผลิตภัณฑ์ ในบรรยากาศที่เป็นกันเอง

นอกจากนี้ ยังเป็นครั้งแรกที่ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ดรีเทล ได้จับมือร่วมกับบริษัทในเครือเซ็นทรัล กรุ๊ป อย่าง เพาเวอร์บาย,ซูเปอร์สปอร์ต,ออฟฟิศเมท และ โฮมเวิร์ค นำสินค้าจากหน่วยธุรกิจดังกล่าวเข้ามาจำหน่ายภายในร้านท็อปส์ ซูเปอร์สโตร์ เพื่อเพิ่มประสบการณ์ใหม่ในการช้อปปิ้งอย่างสมบูรณ์  ด้วยการคัดสรรสินค้าคุณภาพกว่า 85,000 รายการมาจำหน่าย โดยแบ่งเป็นโซนซูเปอร์มาร์เก็ต ภายใต้ชื่อ My ประกอบด้วย  My Media ที่รวบรวมสินค้าอีเล็คโทรนิคส์จาก พาวเวอร์บาย, My Sport เครื่องกีฬาแบรนด์ดังจาก ซูเปอร์สปอร์ต, My Office ที่มีเครื่องใช้สำนักงานต่าง ๆ จาก ออฟฟิศเมท, และ My Home สินค้าเครื่องใช้ภายในบ้านจากโฮมเวิร์ค

ขณะที่โซนสินค้าแผนกเสื้อผ้าสุภาพบุรุษ/สุภาพสตรี จะใช้ชื่อว่า My Fashion , แผนกเสื้อผ้าเด็กผู้ชาย/เด็กผู้หญิง My Kids, แผนกเสื้อผ้าเด็กแรกเกิด My Baby, แผนกของขวัญ  My Gift ,แผนกเครื่องครัว My Kitchen, แผนกเครื่องสำอาง My Beauty  และแผนกแมกกาซีน My Magazine 

นายอลิสเตอร์ กล่าวว่า  สินค้าที่คัดเลือกมานั้น ส่วนใหญ่จะเป็นแบรนด์ที่ไม่ซ้ำกันกับแบรนด์ที่อยู่ในห้างสรรพสินค้า เนื่องจากต้องการสร้างความแตกต่างและเป็นทางเลือกให้กับลูกค้า เพื่อให้เหมาะกับลูกค้าที่เป็นกลุ่มครอบครัวคนรุ่นใหม่ กลุ่มวัยทำงานและกลุ่มวัยรุ่น หรือนักศึกษามหาวิทยาลัยที่อยู่บริเวณนั้น  เนื่องจากสาขาแรกที่บริษัทเลือกเปิดให้บริการ ท็อปส์ซูเปอร์โสตร์ จะตั้งอยู่ภายในศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซ่า ศาลายา 

ปัจจัยที่ทำให้บริษัทเลือกเปิดที่สาขาศาลายาเป็นสาขาแรก เพราะเป็นทำเลที่มีประชากรอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกันกลุ่มเป้าหมายยังมีความหลากหลาย เนื่องจากเป็นย่านที่มีมหาวิทยาลัยจำนวนมาก นอกจากนี้ ยังเป็นย่านที่อยู่ใกล้โรงงานอุตสาหกรรม และอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ  ด้วยเหตุนี้ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ดรีเทล จึงได้เทงบ  120 ล้านบาท ในการก่อสร้างท็อปส์ ซูเปอร์สโตร์ สาขาแรก บนพื้นที่  4,500 ตร.ม. ของศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซ่า ศาลายา

นายอลิสเตอร์ กล่าวต่อว่า จากการศึกษาข้อมูลในบัตรสปอต รีวอร์ด การ์ด พบว่าลูกค้าที่อยู่ในเขตจังหวัดปริมณฑลเข้ามาซื้อสินค้าที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซ่าปิ่นเกล้า  คิดเป็นอัตราส่วน 32%  และ  26%  เป็นลูกค้าที่มาจากย่านพุทธมณฑล  บริษัทจึงเล็งเห็นโอกาสในการทำร้าน ท็อปส์ ซูเปอร์สโตร์  เข้ามาเปิดให้บริการภายในศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซ่า ศาลายา  เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าดังกล่าว ด้วยการวางตำแหน่งทางการตลาดอยู่ระหว่างซูเปอร์มาร์เก็ตและไฮเปอร์มาร์เก็ต เนื่องจากสินค้าที่จำหน่ายจะเน้นไปด้วยสินค้าคุณภาพทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งถือเป็นคอนเซ็ปต์การทำตลาดของซูเปอร์มาร์เก็ต  แต่ขณะเดียวกันก็เน้นการทำตลาดด้วยความคุ้มค่าคุ้มราคา ปัจจุบันบริษัทยังไม่มีคู่แข่งของร้านท็อปส์ ซูเปอร์สโตร์ โดยตรง

 
 
 
หลังจากเปิดสาขาแรกที่ศาลาในวันที่ 12 ส.ค.นี้ ปีหน้าบริษัท เซ็นทรัล ฟ็ดรีเทล มีแผนที่จะเปิดเพิ่มอีก 2-3 สาขา หนึ่งในจำนวนดังกล่าว คือ สาขาศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวสต์เกต ซึ่งในส่วนของสาขาเวสต์เกต จะเป็นสาขาที่มีขนาดใหญ่กว่าสาขาศาลายา เนื่องจากศูนย์การค้าที่เข้าไปเปิดให้บริการมีขนาดใหญ่ 

อย่างไรก็ตาม ทำเลที่จะเน้นการขยายร้านท็อปส์ ซูเปอร์สโตร์ เบื้องต้นจะเน้นการขยายควบคู่ไปกับศูนย์การค้าเซ็นทรัล เพื่อเป็นการทดลองผลการตอบรับของตลาด ซึ่งหากได้ผลการตอบรับที่ดีและมีทำเลที่มีความเหมาะสมอาจมีการขยายร้านไปในรูปแบบของสแตนอโลน โดยในส่วนของพื้นที่ที่จะนำมาเปิดร้านท็อปส์ ซูเปอร์สโตร์  จะต้องมีขนาดพื้นที่ประมาณ 4,500-6,000 ตร.ม.ต่อสาขา ส่วนงบลงทุนคาดว่าจะไม่ต่ำกว่าสาขาละ 100 ล้านบาท ขณะที่เป้าหมายรายได้จากการเปิดให้บริการร้านในฟอร์แมตดังกล่าว คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 100 ล้านบาทต่อเดือน 

นอกจากนี้จะให้ความสำคัญกับการขยายฟอร์แมต ท็อปส์ ซูเปอร์สโตร์แล้ว บริษัท เซ็นทรัลฟู้ด รีเทล ยังให้ความสำคัญกับการปรับปรุงฟอร์แมตท็อปส์ ซูเปอร์ ให้เป็นฟอร์แมตท็อปส์ มาร์เก็ต และท็อปส์ ซูเปอร์คุ้ม เนื่องจากกลยุทธ์การทำตลาดไม่ชัดเจน ภายหลังลูกค้ามีความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปและมีความหลากหลายมากขึ้น ด้วยเหตุนี้จึงต้องปรับฟอร์แมตท็อปส์ ซูเปอร์ จำนวน 9 สาขา เป็นร้านท็อปส์มาร์เก็ต เพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้าที่ต้องการสินค้าคุณภาพ และปรับร้านที่เหลืออีก 23 สาขา เป็นท็อปส์ ซูเปอร์คุ้ม เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ต้องการสินค้าที่คุ้มค่าคุ้มราคา

ปัจจุบัน บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ดรีเทล มีจำนวนร้านซูเปอร์มาร์เก็ตเปิดให้บริการทั้งหมด 136 สาขา ใน 6 ฟอร์แมต ประกอบด้วย  อีทไทย 1 สาขา ,เซ็นทรัล ฟู้ดฮอลล์  5 สาขา  ,ท็อปส์ มาร์เก็ต  63 สาขา  ,ท็อปส์ ซูเปอร์  18 สาขา ,ท็อปส์ เดลี่  22 สาขา ,ท็อปส์ซูเปอร์คุ้ม 20 สาขา  และท็อปส์ ซูเปอร์คุ้ม ขายส่ง  7 สาขา

หลังจากเดินหน้าขยายร้านใหม่อย่างต่อเนื่องจำนวน 30 สาขาในปีนี้ เพื่อให้สิ้นปีมีสาขาครบ 148 สาขาในสิ้นปีนี้ภายใต้งบ 700-800 ล้านบาท และปรับปรุงร้านเก่าให้มีความทันสมัยภายใต้งบ 200-300 ล้านบาท ควบคู่ไปกับการทำกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่อง บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล  มั่นใจว่าสิ้นปีจะมีรายได้เติบโตตามเป้าหมายที่ 10% 

แม้ว่าครึ่งปีแรกจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบเศรษฐกิจและการเมือง ส่งผลให้มีรายได้เติบโตเพียง 9% ต่ำกว่าเป้าหมายเดิมที่วางไว้ว่าจะต้องมีรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า  10% ซึ่งในส่วนของผลกระทบที่เกิดขึ้นดังกล่าว ไม่ใช่แค่บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ดรีเทล ได้รับผลกระทบเท่านั้น แต่อีกหลายๆ ธุรกิจก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน  
 
เวลาอีก 5 เดือนเศษจะกู้ยอดขายกลับมาได้หรือไม่ คงต้องมาลุ้นกันที่กำลังซื้อ

 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 11 ส.ค. 2557 เวลา : 01:33:32
25-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 25, 2024, 7:36 am