ภารไดย ธีระธาดา  หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหาร  สื่อสารและภาพลักษณ์องค์กร ทีเอ็มบี กล่าวว่า  “หลังจาก    สังคมออนไลน์ www.makeTHEdifference.org ได้เปิดตัวมากว่า 3 ปี เพื่อให้เป็นพื้นที่ส่วนรวมของคนในสังคมไทย ที่ต้องการจะเปลี่ยนโลกให้ดีขึ้น วันนี้เราได้เห็นความตั้งใจจริงของคอมมูนิตี้ www.makeTHEdifference.org ว่าเป็นศูนย์กลางของคนที่ไม่ยอมจำนนกับความเคยชิน ไม่หยุดถามเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง กับแคมเปญ  “อินวิซิเบิล ไทยแลนด์”  โดยจะต้องเริ่มต้นจากตัวเรา  ลงพื้นที่ เห็นปัญหาจริงๆ  คิดนอกกรอบด้วยการเสนอแนะวิธีการแก้ไข  และลงมือทำ  เพียงแค่นี้  จะเปลี่ยน เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น”   

 

วิสูตร แสงอรุณเลิศ   นักเขียน นักแต่งเพลง  และสมาชิกสังคมออนไลน์  www.makeTHEdifference.org  ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในฐานะนักสร้างแรงบันดาลใจ เผยว่า “แคมเปญอินวิซิเบิล ไทยแลนด์ (Invisible Thailand) เป็นศูนย์กลางที่รวมการแชร์ภาพปัญหาของแต่ละคน ผ่านอินสตาแกรม #InvisibleTH  วันนี้เราได้ลงพื้นที่  ได้เห็นถึงปัญหาจริงๆ  เหมือนกับคำพูดที่ว่า เรามักจะมองเห็นแต่สิ่งที่เรามองหาเท่านั้น  เมื่อก่อนเราเดินผ่าน ไม่ได้ตั้งใจจะมอง วันนี้มาเปิดหูเปิดตาให้กว้างขึ้น กับสิ่งที่เราควรจะช่วยกันเปลี่ยนแปลง จริงๆ แล้วทุกคนมีความปรารถนาดี ที่จะแก้ไขปัญหา แต่ยังไม่มีการรวมกลุ่มกัน และ Invisible Thailand นี้จะเป็นศูนย์กลางรวบรวมปัญหาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทางเท้า สิ่งกีดขวางต่างๆ เป็นการจุดกระแสให้สังคมได้เห็นถึงปัญหา และตระหนักดีว่า เราทุกคนช่วยกันเปลี่ยนได้ ด้วยโซเชียลมีเดียในมือคุณ  จากนี้ไม่ว่าจะเจอปัญหาอะไร ขอให้นึกถึง #invisibleTH #makeTHEdifference   ส่วนความคาดหวังกับแคมเปญนี้ คำตอบจะขึ้นอยู่กับพวกเราทุกๆ คนมากกว่า”

 

โดยภารกิจ Invisible Thailand  มีคุณหมอสาวผู้ร่วมอุดมการณ์อย่าง เจี๊ยบ-ลลนา ก้องธรนินทร์  แพทย์หญิงใจบุญและนางสาวไทยประจำปี 2549  เผยว่า “การลงพื้นที่จริงของอินวิซิเบิล ไทยแลนด์ครั้งนี้  ทำให้เราได้เห็นปัญหา ได้สัมผัสกับความเป็นจริง ทำให้เกิดแรงบันดาลใจ  เหมือนตอนที่เราไปเห็นภาพของคนไข้จำนวนมากนั่งรอคุณหมออยู่ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง จนเป็นแรงผลักให้ก้าวเข้าสู่อาชีพแพทย์ เพราะอยากจะช่วยให้คนในสังคมรู้สึกดีขึ้น  เมื่อสัมผัสจริง เห็นปัญหาจริง  ความเป็นคนไทย จริงแล้วก็ค่อนข้างมีน้ำใจอยู่แล้ว  และเมื่อไรก็ตามที่ตาเราเห็น ใจเรารู้จัก เราก็อยากจะช่วยให้ดีขึ้น ถ้าทุกคน เห็นภาพปัญหาจริงๆ ก็จะเป็นพลังผลักดัน ให้เราคิดที่จะเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้น  สำหรับภาพที่เราโพสต์วันนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับสุขลักษณะ กับพวกเศษขยะที่ทิ้งกันเกลื่อนกลาดถนน  อยากให้คนเรามีวินัยมากขึ้น  ให้มีการปรับปรุงที่เก็บขยะให้มีเพียงพอ ซึ่งเป็นเรื่องที่เราควรจะปลูกจิตสำนึกกันตั้งแต่เด็กๆ  ถ้าเราทิ้งขยะชิ้นหนึ่ง ไม่เพียงแต่จะทำให้สกปรก  แต่อาจจะก่อให้เกิดอันตรายกับคนที่เดินตามมา ถ้าเหยียบไป อาจจะลื่นล้มได้  เพียงเพราะเราไม่มองเรื่องเล็กๆ อย่างความมีระเบียบวินัย ให้เป็นเรื่องใหญ่  จึงทำให้เป็นปัญหาที่เรามองข้าม  คิดว่าควรจะปลูกฝังให้รู้ผิด รู้ถูก ตั้งแต่ยังเป็นเยาวชน”   

 

หยวน- นิธิชัย  ยศอมรสุนทร หนุ่มฮอตนักแสดงผู้มีจิตสาธารณะทำงานเพื่อสังคมมากมาย เผยว่า “วันนี้ที่ได้มีโอกาสมาเวิร์คชอป นอกจากกองขยะแล้ว ยังพบปัญหาไฟจราจรที่มีแต่เสาไฟ แต่ไม่มีสัญญาณไฟ   ยิ่งเป็นย่านที่มีการจราจรติดขัด อาจก่อให้เกิดอันตราย อย่างอุบัติเหตุต่างๆ ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องของการบาดเจ็บ แต่อาจร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิต ต้องบอกว่าคนเดี๋ยวนี้ ชอบมองข้ามปัญหาเล็กๆน้อยๆ ถ้าปัญหายังไม่เกิดขึ้นกับตัวเอง ก็จะยังมองไม่เห็นความสำคัญ ยิ่งตอนนี้เรามีโอกาสในการแชร์ให้เห็นปัญหาผ่านเทคโนโลยีที่มีอยู่ในมือ ไม่ว่าจะเป็นเฟซบุ๊ค หรืออินสตาแกรม เมื่อมีคนเริ่มย่อมมีคนตาม เมื่อมีคนเสียสละรวมตัวกันมากขึ้น ก็จะเกิดเป็นพลังในการทำความดี ยิ่งมีแคมเปญดีๆ อย่าง“อินวิซิเบิล ไทยแลนด์” ยิ่งต้องช่วยกันทำให้เป็นแคมเปญที่แข็งแกร่งและยั่งยืน โดยการปลูกจิตสำนึกให้แก่เยาวชน คนรุ่นใหม่ เพื่อที่ในอนาคตเราจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นในสังคมไทยของเรากันครับ” 

 

นันท์ชวิชญ์ ชัยภาคย์โสภณ หนุ่มออฟฟิศด้านไอที และสมาชิกสังคมออนไลน์ www.makeTHEdifference.org เผยว่า “มองกันจนชินกับมอเตอร์ไซต์จอดบนทางเท้า  แม่ค้าขายของเต็มฟุตบาท ทำให้ผู้สัญจร อาจต้องลงไปเดินที่ถนนซึ่งมีรถต่างๆ กำลังวิ่งอยู่ ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ หลายๆ คนอาจมองว่าปัญหาที่เจอดูเหมือนเล็กน้อย แต่หากเราเป็นคนที่ต้องใช้ทางเท้านั้น จนต้องลงไปเดินที่ถนนและเกิดอุบัติเหตุขึ้น มันเป็นเรื่องที่สะท้อนให้เห็นว่า ปัญหาเล็กๆ ที่เรามองข้าม เราละเลย จนมันดูเป็นเรื่องปกติ แต่หากวันหนึ่งมันเกิดเป็นเรื่องของการสูญเสียขึ้นมา มันเป็นเรื่องที่ใหญ่  แคมเปญนี้จึงอยากให้  ทุกคนมาช่วยกันแชร์ปัญหาสังคมที่ควรได้รับการแก้ไข ผ่านเทคโนโลยีที่มีอยู่ในมืออย่างมือถือ เพื่อที่สังคมของเราจะได้น่าอยู่ขึ้นครับ” 

 

วิรัช หวังปิติพาณิชย์ ทนายความ นักเขียน และพิธีกรรายการโทรทัศน์  และสมาชิกสังคมออนไลน์ www.makeTHEdifference.org  เผยว่า “รูปที่ผมเลือกโพสต์ คือรูปตู้โทรศัพท์สาธารณะที่มันเก่า สกปรก และทรุดโทรม   แม้คนส่วนใหญ่จะมีโทรศัพท์มือถือส่วนตัวใช้กัน  แต่อีกหลายคนก็ยังมีความจำเป็นที่ต้องใช้โทรศัพท์สาธารณะ  ถ้าสกปรกเลอะเทอะมาก อาจเป็นสิ่งที่แพร่เชื้อโรค  ผมแนะนำว่าควรมีการแก้ไขโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรมีการมาตรวจดู แต่ละวันหรือสัปดาห์ว่ายังคงสามารถใช้งานได้หรือไม่ และทำความสะอาด อย่างในต่างประเทศ ก็จะมีเจ้าหน้าที่มาตรวจ มาทำความสะอาดดูแลอยู่เสมอ”

 

ท็อป - สุธาทร สุทธิสนธิ์  สมาชิกของสังคมออนไลน์  www.makeTHEdifference.org  เผยว่า “ปัญหาที่เห็นส่วนใหญ่เป็นเรื่องของความสะอาด ป้ายสาธารณะอย่างป้ายรถโดยสารถูกขีดเขียนจนเปรอะเปื้อน หรือแม้กระทั่งการขาดความระมัดระวังในเรื่องปลั๊กไฟสายไฟต่างๆ ที่พ่อค้าแม่ค้าต่อเพิ่มเติม ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้สัญจรไปมา ก็เป็นได้”  

 

เริ่มต้น “เปลี่ยน” กับแคมเปญ Invisible Thailand แก้ไขปัญหาที่เคยมองข้าม ด้วยขั้นตอนง่าย  ถ่ายภาพปัญหาที่พบเห็น   ปักหมุดสถานที่  ติดแฮชแท็ก #invisibleTH #makeTHEdifference  พร้อมเสนอแนะวิธีการแก้ปัญหา และ โพสต์ภาพบน Instagram หรือ Facebook   ปัญหาทั้งหมดจะถูกแชร์ให้ทุกคนและผู้ที่เกี่ยวข้องได้เห็น 

 

เชิญลงทะเบียนและติดตามปัญหาที่เคยมองข้าม ซึ่งทุกคนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมแก้ไขทั้งหมดได้ใน www.makeTHEdifference.org/invisibleTH   เพื่อลงมือปรับปรุงแก้ไขปัญหาในกิจกรรมใหญ่ ที่จะจัดให้มีขึ้นในวันที่ 27 กันยายนที่จะถึงนี้  ด้วยพลังของคุณเองและเพื่อนๆอย่างเป็นรูปธรรม