แม้ว่าช่วงต้นปีที่ผ่านมา หลายธุรกิจประสบกับปัญหายอดขาย แต่สำหรับ "อิเกีย บางนา" ซึ่งดำเนินธุรกิจร้านขายเครื่องเรือนและของใช้ภายในบ้านขนาดใหญ่จากประเทศประเทศสวีเดน กลับไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบด้านเศรษฐกิจและการเมืองที่เกิดขึ้น เนื่องจากตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา บริษัท อิคาโน่(ประเทศไทย) จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจอิเกีย บางนา ออกมาทำกิจกรรมส่งเสริมการขาย เช่น การทำโปรโมชั่นลดราคาสินค้าอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ การออกมาจัดกิจกรรม "อิเกีย ป๊อปอัพ สโตร์" หรือการจัดแสดงและจำหน่ายสินค้านอกสถานที่ ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ผลประกอบการของอิเกีย เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ เนื่องจากปีนี้มีการจัดกิจกรรมดังกล่าวถึง 4 ครั้ง 4 สถานที่ ประกอบด้วย ลานอเนกประสงค์ฮาร์ดร็อค คาเฟ่ สยามสแควร์,อเวนิว รัชโยธิน ,เมเจอร์ ปิ่นเกล้า และล่าสุดศูนย์การค้าเอสพลานาด รัชดา จัดขึ้นบนพื้นที่ 380 ตร.ม. เป็นระยะเวลา 14 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 18-31 ส.ค.นี้
จากผลการตอบรับที่ดีตลอดการจัดงาน 3 ครั้งที่ผ่านมา เห็นได้จากจำนวนลูกค้าที่เข้ามาชมสินค้าและซื้อสินค้าจำนวน 2.15 แสนคน ใน 3 สถานที่ที่ได้จัดงานอิเกีย ป๊อปอัพ สโตร์ ดังนั้นการจัดงานที่ศูนย์การค้าเอสพลานาด รัชดา ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายในปีนี้ อิเกียคาดการณ์ว่าตลอดระยะเวลา 2 สัปดาห์ที่ได้จัดงานดังกล่าว จะได้รับความสนใจจากลูกค้าไม่ต่ำกว่า 1 แสนคน
น.ส.ลาเซีย เชอร์ล็อก ผู้จัดการสโตร์อิเกีย ประจำประเทศไทย บริษัท อิคาโน่(ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การจัดงาน อิเกีย ป๊อปอัพ สโตร์ นอกจากจะสร้างแบรนด์อิเกียให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นแล้ว ยังช่วยทำให้มีลูกค้าเข้าไปใช้บริการใน อิเกีย บางนา เพิ่มขึ้นจากปกติถึง 6% จากปกติวันธรรมดาจะมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการอยู่ที่ 6,000 คน และวันหยุด 1.2 -1.3 หมื่นคน ซึ่งจากผลการตอบรับที่ดีดังกล่าว ส่งผลให้บริษัทมั่นใจว่าภาพรวมผลประกอบการรอบบัญชีปี 2556 (ก.ย. 2556-ส.ค.2557) ที่จะปิดรอบบัญชีในเดือน ส.ค.นี้ น่าจะมีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 13% สูงกว่าเป้าหมายเดิมที่วางไว้ว่าจะมีรายได้เติบโตที่ประมาณ 6%
ทั้งนี้ ประเทศไทยถือเป็นประเทศแรกที่ออกมาจัดกิจกรรมดังกล่าว เนื่องจากอิเกียมีจำนวนสาขาเปิดให้บริการเพียงสาขาเดียว ทางบริษัท อิคาโน่(ประเทศไทย) เลยมีแนวคิดที่จะขยายฐานลูกค้า ด้วยการออกมาจัดกิจกรรม อิเกีย ป๊อปอัพ สโตร์ เพื่อดึงความสนใจลูกค้า ด้วยการชูจุดเด่นของการจัดงานภายใต้แนวคิด การทำธุรกิจที่เน้นการจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้านที่มีความหลากหลาย ดีไซน์สวยงาม พร้อมประโยชน์ใช้สอยคุ้มค่า ในราคาที่ทุกคนเป็นเจ้าของได้ ซึ่งจากแนวคิดในการทำธุรกิจดังกล่าว ส่งผลให้ปัจจุบัน บริษัท อิคาโน่ สามารถขยายสาขาได้มากกว่า 340 สาขา ใน 40 ประเทศทั่วโลก
สำหรับ จุดเด่นของการเปิด "อิเกีย ป๊อปอัพ สโตร์" จะเป็นการแสดงสินค้าผ่านตู้คอนเทนเนอร์สีฟ้าขนาดใหญ่ พร้อมกับโชว์ไอเดียการตกแต่งห้องต่างๆ ได้อย่างสวยงามและครบฟังก์ชั่น ไม่ว่าจะเป็นห้องนั่งเล่น ห้องนอนผู้ใหญ่ ห้องนอนเด็ก ตู้เสื้อผ้าแบบวอล์คอิน ห้องครัว และห้องรับประทานอาหาร นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมอินเตอร์แอคทีฟบนไอแพด และ อิเกีย ยัวร์ รูม ให้ลูกค้าออกแบบห้องได้ตามสไตล์ที่ชอบ
จากแนวคิดการดำเนินธุรกิจดังกล่าว จึงทำให้อิเกียประสบความสำเร็จและได้รับความนิยมจากผู้คนทั่วโลก ซึ่งจากผลการตอบรับที่ดีดังกล่าว ส่งผลให้ บริษัท อิคาโน่(ประเทศไทย) มีความมั่นใจมากขึ้นที่จะเดินหน้าขยายธุรกิจในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันสามารถจับจองที่ดินด้านทิศเหนือ และทิศตะวันตก เข้ามาอยู่ในมือได้เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งในปี 2558 คาดว่าจะพร้อมเปิดตัวโครงการด้านทิศตะวันตกได้อย่างเป็นทางการ
น.ส.ลาเซีย กล่าวว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจอีก 6-7 ปีนับจากนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจตามแผนเดิมที่วางไว้คือ เปิดอิเกียสาขาใหม่จำนวน 2 แห่ง โดยในส่วนของ ปี 2558 หรืออีกประมาณ 6 เดือนนับจากนี้ บริษัทมีแผนที่จะเปิดตัวสาขาใหม่ในย่านบางใหญ่จำนวน 1 สาขา บนพื้นที่ 250 ไร่ เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายในฝั่งทิศตะวันตก ส่วนงบที่จะใช้ในการลงทุนขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากอยู่ระหว่างการวางแผนงาน และเจรจาช้อปปิ้งเซ็นเตอร์เข้ามาร่วมเปิดให้บริการ
หลังจากบริษัทได้เปิดตัว อิเกีย บางใหญ่ ในต้นปี 2558 บริษัท อิคาโน่ (ประเทศไทย) จะเริ่มดำเนินการก่อสร้างโครงการ ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะใช้ระยะเวลาก่อสร้างประมาณ 2 ปี จึงจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการ และหลังจากนั้นก็จะดำเนินการเปิดตัวโครงการ อิเกีย รังสิต พร้อมเริ่มดำเนินการก่อสร้าง ซึ่งคาดว่าจะใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างประมาณ 2 ปีเช่นกัน จึงจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการ
นอกจากนี้ ในเดือน ก.ค.2558 บริษัท อิคาโน่(ประเทศไทย) ยังมีแผนที่จะเปิดให้บริการ "พิคอัพพ้อยท์" ซึ่งจะเป็นโชว์รูมจำหน่ายสินค้าของอิเกียใน จ.ภูเก็ต บนพื้นที่ประมาณ 1,000 ตร.ม. เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายในภาคใต้ เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายในภาคดังกล่าวอยู่ห่างจากกรุงเทพค่อนข้างมาก บริษัท อิคาโน่ (ประเทศไทย) จึงเล็งเห็นโอกาสด้วยการเข้าไปเปิดโชว์รูมจำหน่ายสินค้าในจังหวัดดังกล่าว ด้วยการนำสินค้ากว่า 900 รายการไปจำหน่าย
น.ส.ลาเซีย กล่าวว่า ก่อนที่จะตัดสินใจเปิด พิคอัพพอยท์ ในจังหวัดภูเก็ต บริษัทได้ทำการศึกษาศักยภาพในจังหวัดเชียงใหม่ และอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ไปพร้อมกัน ซึ่งหลังจากทำการศึกษาพบว่า จังหวัดภูเก็ตมีศักยภาพมากที่สุด เนื่องจากเป็นจังหวัดที่อยู่ไกลกรุงเทพฯ และกลุ่มลูกค้ามีความต้องการสินค้าเฟอร์นิเจอร์ ขณะที่จังหวัดเชียงใหม่มีการแข่งขันที่รุนแรงเกินไป และอำเภอหัวหิน มีพื้นที่ภูมิศาสตร์ที่ใกล้กรุงเทพฯ ลูกค้าที่อยู่ในอำเภอหัวหิน สามารถเดินทางเข้ามาใช้บริการที่สาขาบางใหญ่ได้
ดังนั้น บริษัท อิคาโน่(ประเทศไทย) จึงตัดสินใจเลือกจังหวัดภูเก็ต เป็นสาขาทดลองตลาดสำหรับการทำตลาดแบรนด์ พิคอัพพ้อยท์ ส่วนงบประมาณที่จะใช้ลงทุนก่อสร้างเท่าไหร่นั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากยังอยู่ในช่วงของการวางแผนการทำตลาด และการจัดส่งสินค้า เพราะสินค้าทุกชิ้นที่ลูกค้าสั่งซื้อจะส่งตรงมาจากอิเกีย บางนา จึงยังไม่สามารถให้รายละเอียดได้ในตอนนี้
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าบริษัท อิคาโน่(ประเทศไทย) จะยังไม่ให้ความสนใจที่จะเข้าไปลงทุนในจังหวัดเชียงใหม่ แต่ในอนาคตก็มีความเป็นไปได้ที่จะเข้าไปเปิดสาขาพิคอัพพ้อยท์ เพราะจังหวัดเชียงใหม่ถือเป็นหนึ่งจังหวัดหัวเมืองที่มีศักยภาพ แต่หากนำมาเปรียบเทียบกับจังหวัดภูเก็ตแล้ว ตอนนี้จังหวัดภูเก็ตมีศักยภาพที่น่าลงทุนมากกว่า
น.ส.ลาเซีย กล่าวต่อว่า การแข่งขันของธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ในประเทศไทยยังมีความรุนแรงอย่างต่อเนื่องตามการขยายตัวของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ด้วยปัจจัยดังกล่าวบริษัทจึงออกมาทำกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็ต้องนำสินค้าใหม่ๆ มาให้บริการ และเพื่อขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น บริษัทจึงต้องขยายสาขาใหม่เพิ่มขึ้น
จากกลยุทธ์ที่ "อิเกีย" งัดออกมา เพื่อดึงความสนใจลูกค้า ส่งผลให้ปัจจุบัน อิเกีย บางนา มีจำนวนสมาชิกอยู่ที่ประมาณ 3.2 แสนคน ในจำนวนดังกล่าวเป็นลูกค้าที่แอคทีฟหรือซื้อสินค้าอย่างต่อเนื่องประมาณ 30-40% และแต่ละครั้งที่เข้ามาใช้บริการจะมียอดการซื้อต่อบิลอยู่ที่ประมาณ 4,000-4,500 บาท ซึ่งจากผลการตอบรับที่ดีดังกล่าว จึงทำให้ บริษัท อิคาโน่(ประเทศไทย) มั่นใจว่า รอบบัญชีปี 2556 ซึ่งจะปิดในสิ้นเดือน ส.ค.นี้ จะมีรายได้เติบโต 13% ได้อย่างแน่นอน และในรอบบัญชีปี 2557 ซึ่งจะปิดในเดือน ส.ค. 2558 คาดว่าจะมีรายได้เติบโตอยู่ที่ประมาณ 6% เท่ากับเป้าหมายที่วางไว้ในรอบบัญชีปี 2556
จากจุดแข็งของธุรกิจที่ บริษัท อิคาโน่(ประเทศไทย) ดึงออกมานำเสนอให้กับลูกค้า ประกอบกับพื้นที่ที่ตั้งอยู่รอบนอกของกรุงเทพฯ จึงทำให้ช่วงที่มีปัจจัยลบทางการเมือง ซึ่งส่วนใหญ่เกิดขึ้นใจกลางกรุงเทพฯ อิเกีย บางนา จึงไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยดังกล่าวที่เกิดขึ้น และจากสาขาใหม่ที่ประกาศออกมา ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนอยู่รอบนอกกรุงเทพฯ และอยู่ต่างจังหวัด ถือเป็นการวางแผนป้องกันความเสี่ยงได้เป็นอย่างดี แต่หลังจากทุกสาขาเปิดให้บริการครบในแต่ละปีจะมีรายได้เติบโตมากน้อยแค่ไหนนั้น คงต้องรองดูที่ผลการตอบรับของผู้บริโภคในแต่ละพื้นที่ที่เข้าไปเปิดให้บริการ
ข่าวเด่น