ICHI รุกขยายฐานตลาดชาเขียวที่อินโดนีเซีย จัดตั้งบริษัทร่วมทุน 1,180 ล้านบาท กับ บริษัท AP พร้อมขยายโรงงานเฟส 2 ที่โรจนะอีก 750 ล้านบาท ด้านบล.ทิสโก้ประเมินเป็นผลดีในระยะยาว
นางอิง ภาสกรนที กรรมการ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ICHI แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการอนุมัติการเข้าร่วมลงทุนเพื่อจัดตั้งบริษัทใหม่ในประเทศอินโดนีเซีย ชื่อ “JV” ร่วมกับบริษัท PT Ati Pasifik หรือ AP ซึ่งเป็นบริษัทในประเทศอินโดนีเซียในสัดส่วน 50 % หรือประมาณ 200,000 ล้านรูปีอินโดนีเซีย(ประมาณ 590 ล้านบาท) ของทุนจดทะเบียน ซึ่งมีจำนวนทั้งสิ้นจำนวน 400,000 ล้านรูปี (1,180 ล้านบาท)
นอกจากนี้ยังอนุมัติเงินให้กูยืม แก่ JV ตามสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทจำนวน 141,250 ล้านรูปี หรือประมาณ 418 ล้านบาท จากประมาณการเงินให้กู้ยืมทั้งหมด 282,500 ล้านรูปี หรือประมาณ 836.2 ล้านบาท และอนุมัติเข้าลงทุนในระบบติดตั้งภายใน เครื่องจักรและอุปกรณ์ เพื่อขยายกำลังการผลิตของโรงงานเฟส 2 ที่สวนอุตสาหกรรมโรจนะ มูลค่าลงทุน 750 ล้านบาท
ขณะที่ ฝ่ายวิจัย บล.ทิสโก้ ประเมินว่า ICHI ขยายธุรกิจเครื่องดื่มชาพร้อมดื่มแบรนด์ "อิชิตัน" ไปยังประเทศอินโดนีเซีย โดยบริษัทเข้าร่วมจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับ บริษัท PT Atri Pasifik (AP) ซึ่งเป็นบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ในประเทศอินโดนีเซีย เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มชาพร้อมดื่มในประเทศอินโดนีเซีย โดย ICHI และ AP ถือหุ้นในสัดส่วนรายละร้อยละ 50 มูลค่าร่วมทุนส่วนทุนจดทะเบียนจำนวนรวม 400,000 ล้านรูเปียอินโดนีเซีย หรือประมาณ 1,184 ล้านบาท สำหรับมูลค่าโครงการทั้งสิ้น 682,500 ล้านรูเปียอินโดนีเซีย หรือประมาณ 2,020.2 ล้านบาท โดยจากสัดส่วนถือหุ้น 50% มูลค่าเงินลงทุน 1,010.1 ล้านบาท จะแบ่งเป็นเงินลงทุนจดทะเบียน 592 ล้านบาท และ ICHI จะให้เงินกู้ยืมในอนาคตแก่บริษัทร่วมทุน ประมาณ 418.1 ล้านบาท โดยจำนวนเงินให้กู้ยืมดังกล่าวแก่ JV จะเกิดขึ้นต่อเมื่อยอดขายสินค้าเป็นไปตามสัญญาที่ระบุ โดยบริษัทคาดจะจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทให้เสร็จในปลายปี 2557 นี้
ในมุมมองของทิสโก้ การลงทุนในครั้งนี้จะช่วยขยายฐานลูกค้าในอนาคตสร้างผลประโยชน์ในระยะยาวได้ จากการที่ประเทศอินโดนีเซียซึ่งมีประชากรมาก และมีมูลค่าการเติบโตของตลาดชาพร้อมดื่มเฉลี่ย 15% ต่อปี และในการร่วมทุนกับ AP ซึ่งมีเครือข่ายในช่องทางการจัดจำหน่าย Modern Trade ประเภทร้านสะดวกซื้อ (Convenient Store) ที่มีสาขาครอบคลุมทั่วประเทศอินโดนีเซียจะสามารถช่วยสร้างโอกาสทางการตลาดและการเติบโตได้อย่างรวดเร็วได้
อย่างไรก็ตาม ทิสโก้คาดว่าคงต้องใช้ระยะเวลา 1-2 ปีแรกในการสร้างแบรนด์ให้ติดตลาดจากภาวะการแข่งขันและเจ้าตลาดเดิมในประเทศอินโดนีเซีย จากความสามารถของผู้บริหารของคุณตันและทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจเครื่องดื่มชาเขียว ที่สามารถครองส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1 ในไทยได้ โดยใช้ระยะเวลาเพียง 2 ปีเท่านั้น สำหรับแผนดำเนินงานในอินโดนีเซีย บริษัทจะเริ่มทำการตลาดและดำเนินการผลิตในต้นปีหน้าโดยผ่านการว่าจ้างผู้ผลิตภายนอก (OEM) ในเบื้องต้นก่อน เพื่อสร้างแบรนด์ให้ติดตลาดในปีแรก หลังจากนั้นบริษัทมีแผนจะสร้างโรงงานการผลิตที่อินโดนีเซียในอนาคตต่อไป
ทิสโก้ยังคงประมาณการเดิมโดยยังไม่รวมการลงทุนใหม่ครั้งนี้ เนื่องจากการลงทุนในครั้งนี้จะอยู่ในช่วงเริ่มต้นและยังเป็นการสร้างแบรนด์การทำการตลาด และคาดว่าจะเป็นการเติบโตในระยะยาวในอนาคตได้ เราแนะนำ “ขาย” เนื่องจากราคาปัจจุบันเกินมูลค่าที่เหมาะสม และมี PE ที่สูงถึง 29 เท่า x ซึ่งราคาที่เหมาะสมอยู่ที่ 19.80 บาท เท่านั้น
ข่าวเด่น