ในที่สุด คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงงาน (กบง.) ที่มี พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ ในฐานะรองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ เป็นประธานการประชุม มีมติเห็นชอบปรับอัตราเงินจัดส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงทุกชนิดใหม่ ตามนโยบายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เรื่องมาตรการเร่งด่วนในการปรับโครงสร้างราคาน้ำมันและก๊าซ
โดยที่ประชุม คสช.เมื่อ 26 ส.ค.57 ที่ผ่านมา มีมติให้ปรับอัตราการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต ภาษีเทศบาล และกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันสำเร็จรูปทุกชนิดใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับมติ คสช. ที่ประชุม กบง.จึงพิจารณาอัตราจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ใหม่ ส่งผลให้ราคาน้ำมันขายปลีกในกลุ่มเบนซิน และน้ำมันแก๊สโซฮอล์เกือบทุกชนิดลดลง
โดยน้ำมันเบนซินราคาขายปลีก ลดลง 3 บาท 89 สตางค์ต่อลิตร / แก๊สโซฮอล์ 95 ลดลง 2 บาท 13 สตางค์ต่อลิตร /แก๊สโซฮอล์ 91 ลดลง 1 บาท 70 สตางค์ต่อลิตร / E 20 ลดลง 1 บาทต่อลิตร และ E 85 ราคาคงเดิม ส่วนน้ำมันดีเซลราคาปรับขึ้น 14 สตางค์ต่อลิตร แต่ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลยังคงไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร เพื่อไม่ให้กระทบต่อค่าครองชีพของประชาชน
ประเภท ราคาที่ลด(บาท/ลิตร)
เบนซิน 3.89
แก๊สโซฮอล์ 95 2.13
แก๊สโซฮอล์ 91 1.70
E 20 1.00
E 85 ราคาคงเดิม
ดีเซล ราคาปรับขึ้น 14 สตางค์ต่อลิตร
หลัง กบง.มีมติดังกล่าวผู้ค้าน้ำมันทั้งบริษัท ปตท.และ บางจาก ปิโตรเลียม ก็ประกาศปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ทุกชนิด ยกเว้น น้ำมันแก็สโซฮฮล์อี 85 ส่งผลให้ราคาน้ำมันในสถานีบริการของปตท.และบางจากในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ลดลง โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 29 ส.ค. 57 เป็นต้นไป ซึ่งราคาขายปลีกน้ำมันใหม่เป็นดังนี้
ประเภท ราคา(บาท/ลิตร)
เบนซิน 95 44.86
แก๊สโซฮอล์ 95 37.80
แก๊สโซฮอล์ 91 35.78
E20 33.98
E85 คงเดิมที่ 24.28
ดีเซล 29.99
ขณะเดียวกัน กรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ก็มีมติ ให้คงค่าเอฟทีงวดเดือนกันยายน-ธันวาคม 2557 ไว้ที่ 69 สตางค์ต่อหน่วย เท่ากับค่า Ft ในงวดก่อน (พ.ค.-ส.ค. 57) และให้ กฟผ.รับภาระในส่วนที่เหลือเป็นการชั่วคราวไปก่อน จำนวน 2.66 สตางค์ต่อหน่วย หรือคิดเป็นเงิน 1,426 ล้านบาท เพื่อไม่ให้เป็นภาระกับประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้ามากเกินไป ทำให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยผู้ใช้ไฟฟ้าทุกประเภทอยู่ที่ 3.96 บาทต่อหน่วย
สำหรับนโยบายลดการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อลดราคาน้ำมันขายปลีกในครั้งนี้ ผู้บริหารธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เชื่อว่า จะส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อทั่วไปบ้างเล็กน้อย แต่ไม่ส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน และไม่ได้มีนัยสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจมากนัก เพราะเป็นสินค้าที่มีความจำเป็นต้องใช้อยู่แล้ว แต่ก็อาจจะส่งผลในแง่ของการเพิ่มกำลังซื้อให้กับประชาชนเพิ่มขึ้น
หลังการปรับลดราคาน้ำมันและการตรึงค่าไฟฟ้าในครั้งนี้แล้ว คงต้องติดตามว่า มาตรการดังกล่าวจะเพิ่มกำลังซื้อและลดภาระค่าครองชีพให้ประชาชนได้มากน้อยแค่ไหน เพราะต้องยอมรับว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้ยังมีแนวโน้มที่จะขยายตัวได้ไม่มากนัก ซึ่งเป็นผลจากปัจจัยปัญหาหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้นมากในช่วงที่ผ่านมา จนกระทบต่อกำลังซื้อของประชาชน
ข่าวเด่น