จากภาพรวมของตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมที่มีมูลค่าสูงถึง 17,346 ล้านบาท และยังคงมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะเติบโตเพียงตัวเลข 1 หลัก แต่ก็ก็ถือว่าเป็นอัตราการเติบโตที่น่าพอใจ เนื่องจากผู้ประกอบการในตลาดออกมาเปิดตัวสินค้าใหม่และทำกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมที่น่าจับตามองในปีนี้ คือ แชมพูขจัดรังแค เนื่องจากปีนี้มีอัตราการเติบโตสูงถึง 7%
ก่อนหน้านี้ตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมที่น่าจับตามองจะเป็นกลุ่มเพื่อความงาม เนื่องจากผู้บริโภคชาวไทยยังคงมีความคุ้มเคยกับการใช้ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มดังกล่าว ส่งผลให้ผู้ประกอบการในตลาด ยังคงเน้นการเปิดตัวสินค้าสูตรใหม่กลุ่มดังกล่าวเข้ามาทำตลาดมากกว่ากลุ่มอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ซันซิล โดฟ แพนทีน และ รีจอยส์
แต่จากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป คือ หันมาใช้สินค้าที่ตรงกับความต้องการที่แท้จริงมากขึ้น จึงทำให้ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมกลุ่มขจัดรังแค กลับมามีอัตราการเติบโตโดดเด่นมากกว่ากลุ่มอื่นๆ และปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ เคลียร์ ของบริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทยเทรดดิ้ง ได้รับอานิสงส์ไปเต็มๆ เห็นได้จากส่วนแบ่งการตลาดที่ขยับเพิ่มเป็น 9.5% สูงสุดในรอบ 10 ปี
น.ส.สุทิพา ปัญญามหาทรัพย์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาการตลาดผลิตภัณฑ์เส้นผมและทันตผลิตภัณฑ์ บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด กล่าวว่า กลุ่มผลิตภัณฑ์แชมพูขจัดรังแค ถือเป็นตลาดที่มีการเติบโตต่อเนื่องเฉลี่ยที่ 7% ต่อปี ส่งผลให้ปัจจุบันกลุ่มสินค้าแชมพูขจัดรังแคมีสัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 30% เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มให้ความสำคัญต่อการดูแลสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะเพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ “เคลียร์” ของบริษัทประสบความสำเร็จตามไปด้วย ด้วยการมีส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดในรอบ 10 ปี อยู่ที่ประมาณ 9.5%
ปัจจุบันตลาดผลิตภัณฑ์แฮร์แคร์ หรือผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม มีมูลค่ากว่า 1.7 หมื่นล้านบาท ในมูลค่าดังกล่าวมีสินค้าเข้าทำตลาดจำนวน 3 กลุ่ม คือ แชมพูดูแลเส้นผม แชมพูขจัดรังแค และแชมพูเพื่อความสวยงาม โดยในส่วนของปีนี้คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 2% ต่อปี โดยในส่วนของบริษัท ยูนิลีเวอร์ มีผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้เข้าทำตลาด 7 แบรนด์ หนึ่งในนั้น คือ “ซันซิล” ปัจจุบันครองตำแหน่งผู้นำตลาด ตามด้วย “เคลียร์” ส่วนอันดับ 3 “แพนทีน” อันดับ 4 “โดฟ” อันดับ 5 “รีจอยส์” และอันดับ 6 “เทรเซเม่”
จากแนวโน้มการเติบโตที่ดีของผลิตภัณฑ์แชมพูขจัดรังแค ส่งผลให้บริษัท ยูนิลีเวอร์ ต้องออกมาประกาศใช้งบประมาณ 500 ล้านบาท ในการทำตลาดผลิตภัณฑ์เส้นผมในกลุ่มแชมพูขจัดรังแค พร้อมกับออกมาเปิดตัวผลิตภัณฑ์ขจัดรังแค “เคลียร์ โฉมใหม่ สูตรใหม่” เป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี เพื่อต่อยอดความสำเร็จจากการนำนวัตกรรมเทคโนโลยี “นูเทรียม 10” มาใช้ในผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ปี 2554
นอกจากนี้ บริษัท ยูนิลีเวอร์ ยังจะเน้นทำการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ภายใต้กลยุทธ์ “Let’s Wear Black” และการทำกิจกรรม “Clear Connections” เพื่อให้แฟนเพจลุ้นรับของรางวัลมากมาย พร้อมส่งทีมผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมและหนังศีรษะออกให้บริการตรวจเช็กสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะแก่ผู้บริโภคในห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศ
น.ส.สุทิพา กล่าวว่า บริษัทจะให้ความสำคัญในเรื่องการสร้างความแข็งแกร่งของแบรนด์เป็นหลัก ควบคู่ไปกับสร้างความสัมพันธ์กับผู้บริโภค จึงทำให้ยังคงสามารถรักษาความเป็นผู้นำตลาดรวมแฮร์แคร์ได้ด้วยส่วนแบ่งกว่า 50% โดยจากนี้ไปจะเริ่มให้ความสำคัญในการทำตลาดแชมพูขจัดรังแคสำหรับผู้ชายมากขึ้นด้วยการแนะนำผลิตภัณฑ์ เคลียร์ เมน เพราะเห็นว่าตลาดมีการเติบโตอย่างรวดเร็วแม้จะยังมีขนาดไม่มากนักก็ตาม แต่หากสามารถเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคของผู้ชายให้หันมาเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ชายมากขึ้นก็จะส่งผลให้ตลาดรวมดีตามไปด้วย
นายธนภัทร บารมีแสงเพชร ผู้จัดการแผนกพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ส่วนบุคคล บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด กล่าวว่า จากผลการวิจัยด้านหนังศีรษะระดับโลกในการประชุม WCHR (World Congress for Hair Research) ที่เกาะฮ่องกงเมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมาพบว่ามีประชากรทั่วโลกถึง 1 ใน 3 หรือคิดเป็นจำนวนประชากรโลก 2,000 ล้านคนที่ต้องประสบปัญหารังแค ซึ่งในฐานะผู้นำตลาดขจัดรังแคของโลก เคลียร์ จึงได้มุ่งมั่นค้นคว้าและพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ "เคลียร์ สูตรใหม่" ให้มีคุณภาพและประสิทธิภาพที่ดีขึ้นกว่าผลิตภัณฑ์ขจัดรังแคที่เคยมีมา เพื่อสร้างความพึงพอใจและยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้บริโภคทั่วโลก
นอกจากจะให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมในกลุ่มขจัดรังแคแล้ว บริษัท ยูนิลีเวอร์ ก็ยังคงให้ความสำคัญกับกลุ่มสินค้าแชมพูเพื่อความงามไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ซัลซิล หรือโดฟ ซึ่งตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมายังคงมีการเปิดตัวสินค้านวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค หนึ่งในนั้น คือ ซันซิล เฮลธีเออร์ แอนด์ ลอง และเพื่อสร้างการรับรู้ในสูตรสินค้าใหม่ บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด ได้เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาใหม่ชุด “ผมยาวสวย” เพื่อสื่อสารกับผู้บริโภคว่า ซันซิล เฮลธีเออร์ แอนด์ ลอง สูตรใหม่ เป็นสูตรเพื่อผมสุขภาพดีไว้ผมได้ยาว
พร้อมกันนี้ ยังได้ดึงดาราสาวสวย " มิ้นต์"ชาลิดา วิจิตรวงศ์ทอง มารับหน้าที่พรีเซ็นเตอร์คนใหม่ล่าสุดของซันซิล ถ่ายทอดประสบการณ์ผมยาวสวย สุขภาพดี ด้วยผลิตภัณฑ์เพื่อสาวผมยาวโดยเฉพาะจากซันซิล เพราะผมยาวสลวยเป็นที่ปรารถนาของหญิงสาวแทบทุกคน ด้วยเหตุนี้บริษัท ยูนิลีเวอร์ จึงได้เปิดตัวสินค้านวัตกรรมใหม่ เพื่อตอบโจทย์สาว ๆ ให้ไว้ผมยาวสลวยอย่างมั่นใจและสนุกกับการปรับเปลี่ยนสไตล์ทรงผมได้ทุกวัน
ขณะที่ บริษัท ยูนิลีเวอร์ เ ปิดเกมรุกด้วยการเปิดตัวสินค้านวัตกรรมใหม่เข้ามาทำตลาด เพื่อประกาศความสำเร็จของแชมพูขจัดรังแค ภายใต้แบรนด์เคลียร์ ในส่วนของบริษัท พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัดหรือ พีแอนด์จี ยังคงซุ่มเงียบและทำกิจกรรมการตลาดแบบค่อยเป็นค่อยไป
แม้ว่าจะไม่ออกมาประกาศแผนรุกตลาดอย่างจริงจังเหมือนกับบริษัท ยูนิลีเวอร์ แต่พีแอนด์จี ก็เดินหน้าทำตลาดสไตล์พีแอนด์จี ด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ขจัดรังแคและดูแลเส้นผม เฮดแอนด์โชว์เดอร์ สูตรใหม่ เฮดแอนด์โชว์เดอร์ กลิ่นเลมอนเฟรช เข้าทำตลาด ด้วยการชูเทคโนโลยีเฟรชเบิร์สต์ นวัตกรรมกลิ่นหอมใหม่ล่าสุด ที่รังสรรค์กลิ่นหอมสุด พิเศษขณะสระผม พร้อมกลิ่นหอมสดชื่นของเลมอนเป็นเอกลักษณ์มอบความหอมให้แก่เส้นผมยา นานตลอดวัน และยังคงประสิทธิภาพการขจัดรังแคที่มองเห็นได้สูงถึง 99% ด้วยเทคโนโลยีไบโอแอคทีเวท ที่มีสารซิงค์ไพริไทโอน (ZPT) ช่วยขจัดรังแคได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายวรศิษย์ ตุรงค์สมบูรณ์ ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ ประจำประเทศไทย บริษัท พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทยังคงมุ่งขยายส่วนแบ่งการตลาดแฮร์แคร์อย่างต่อเนื่อง ด้วยการออกมาจัดกิจกรรมทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนอกจากจะให้ความสำคัญกับกลุ่มสินค้าขจัดรังแคแล้ว บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับกลุ่มแชมพูเพื่อความงามควบคู่กันไป
สำหรับกลยุทธ์ที่ พีแอนด์จี เลือกหยิบมาใช้ เพื่อกระตุ้นตลาดผลิตภัณฑ์แชมพูเพื่อความงามภายใต้แบรนด์แพนทีน คือ การจัดกิจกรรมเวิร์คช้อปภายใต้แคมเปญ “Fun, Fabulous and Freedom with Pantene Aqua Pure” ขณะเดียวกันยังเปิดตัวสินค้าสูตรใหม่ “แพนทีน โปร-วี อะควา เพียว (Pantene Pro-V Aqua Pure)” สูตรปราศจากสารซิลิโคน ช่วยบำรุงผมมากถึง 99%
จากแนวทางการดำเนินธุรกิจดังกล่าว เชื่อว่าสิ้นปีนี้ภาพรวมตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมน่าจะมีการขยายตัวมากกว่า 2% อย่างแน่นอน ถ้าหาก 4 เดือนสุดท้ายที่เหลือผู้ประกอบการในธุรกิจยังคงออกมาเปิดตัวสินค้าใหม่ และทำกิจกรรมส่งเสริมการขายในรูปแบบต่างๆ .
ข่าวเด่น