ปริมาณการซื้อขาย DW โดยรวม: ยังคงคึกคัก โดยคิดเป็นร้อยละ 2.0 ของปริมาณการซื้อขายรวม
|
ในช่วงเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา นักลงทุนยังให้ความสนใจเข้ามาเก็งกำไรใน DW อย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ายึดอำนาจการปกครองในช่วงเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งเราจะเห็นได้จากปริมาณการซื้อขาย DW เฉลี่ยต่อวันในเดือน ส.ค. ที่ปรับตัวสูงขึ้นจากเดือน พ.ค. ถึง 37.7% มาอยู่ที่ 921 ล้านบาทหรือคิดเป็น 2.0% ของมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ทั้งระบบ นอกจากนี้ เรายังพบว่านักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหลักทรัพย์ โดยเห็นได้จาก สัดส่วนการซื้อขาย DW ส่วนใหญ่มาจาก DW ประเภท Call เป็นหลักถึง 79.4% ซึ่งสอดคล้องกับ SET Index ที่ปรับตัวสูงขึ้นจนทำจุดสูงสุดของปีที่ระดับ 1,561 จุด จากปัจจัยสนับสนุนในเรื่อง 1) ความมั่นใจในการจัดตั้งรัฐบาลในประเทศที่มีมากขึ้นภายหลังการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี 2) ความคาดหวังถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของธนาคารกลางยุโรป 3) ปัญหาความไม่สงบในต่างประเทศที่เริ่มคลี่คลาย
|
หลักทรัพย์อ้างอิงที่เป็นที่นิยม: นักลงทุนเก็งกำไร DW บนหุ้น TRUE, CK , JAS ที่มีความผันผวน โดยดัชนี SET50 ก็เป็นที่นิยมในอันดับ 2
|
สำหรับ DW ในหุ้นรายตัวที่ได้รับความนิยมสูงสุดในเดือน ส.ค. ยังคงเป็น DW ที่อ้างอิงกับหุ้น TRUE ซึ่งมีสัดส่วนการซื้อขายสูงถึง 25.8% เนื่องจากโดยปกติหุ้น TRUE มีความผันผวนของราคาระหว่างวันค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับหุ้นอ้างอิงอื่นๆ ที่ซื้อขายในดัชนี SET50 ทำให้นักลงทุนเข้ามาจับจังหวะทำกำไรใน DW ทั้งประเภท Call และ Put เป็นจำนวนมาก
อันดับ 2 เป็น DW ที่อ้างอิงกับหุ้น CK โดยมีสัดส่วนการซื้อขายสูงถึง 8.4% โดยนักลงทุนให้ความสนใจลงทุนใน DW ประเภท Call ค่อนข้างมากเนื่องจากหุ้น CK ได้รับปัจจัยบวกจากการที่บริษัทมีงานในมือที่มีมูลค่ามากกว่า 1 แสนล้านบาท และ งานอื่นๆ ที่รอการเซ็นสัญญาอีกราว 2.5 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้บริษัทยังมีความคืบหน้าของโครงการก่อสร้างต่างๆ เป็นไปตามแผนที่วางไว้
อันดับ 3 เป็น DW ที่อ้างอิงกับหุ้น JAS โดยมีสัดส่วนการซื้อขายสูงถึง 8.2% โดยนักลงทุนให้ความสนใจลงทุนใน DW ประเภท Put ค่อนข้างมากเนื่องจากหุ้น JAS ได้รับปัจจัยลบจากคดีฟ้องร้องจากเจ้าหนี้สถาบันการเงินในต่างประเทศ และ บริษัททีทีแอนด์ที ในช่วงที่ผ่านมา
|
จำนวน DW และหุ้นอ้างอิงที่มีการเสนอขาย: มีการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีหุ้นใหม่คือ BIGC, EARTH, TISCO
|
สำหรับ จำนวน DW ที่มีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ณ.สิ้นเดือน ส.ค. 57 มีทั้งสิ้น 737 รุ่น แบ่งเป็น Call DW 574 รุ่นและ Put DW 163 รุ่น ครอบคลุมทั้งสิ้น 85 หลักทรัพย์อ้างอิง ในขณะที่ จำนวน DW ที่มีการซื้อขาย ณ.สิ้นเดือน ก.ค. 57 มีเพียง 667 รุ่น แบ่งเป็น Call DW 523 ตัวและ Put DW 144 รุ่น ครอบคลุมทั้งสิ้น 82 หลักทรัพย์อ้างอิง โดย หลักทรัพย์อ้างอิงที่เพิ่มเข้ามาในเดือน ส.ค. ได้แก่ หุ้นสามัญของ บมจ. บิ๊กซี ซุปเปอร์เซนเตอร์ (BIGC), หุ้นสามัญของ บมจ. เอ็นเนอร์ยี่ เอริ์ธ (EARTH) และ หุ้นสามัญของ บมจ. ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO)
|
ผู้ออก DW: หลักทรัพย์บัวหลวงเป็นผู้ออกที่มีทั้งจำนวน DW และหุ้นอ้างอิงสูงสุด
|
หากพิจารณาจำนวน DW แยกตามรายผู้ออกจะพบว่า หลักทรัพย์บัวหลวงมีจำนวน DW สูงสุดในระบบคิดเป็น 19.2% ของจำนวน DW ที่มีการซื้อขายทั้งหมดในตลาดหลักทรัพย์ และจำนวนหลักทรัพย์อ้างอิงให้เลือกสูงสุดในระบบคิดเป็น 74.1% ของจำนวนหลักทรัพย์อ้างอิงที่มีการซื้อขายทั้งหมดในตลาดหลักทรัพย์
Issuer
|
No of Call
|
No of Put
|
Total DW
|
Total UL
|
ASP
|
47
|
7
|
54
|
43
|
BLS
|
75
|
67
|
142
|
63
|
CGS
|
2
|
0
|
2
|
2
|
CIMBS
|
4
|
0
|
4
|
4
|
KGI
|
65
|
18
|
83
|
43
|
KS
|
72
|
21
|
93
|
45
|
KTZ
|
17
|
0
|
17
|
17
|
MBKET
|
48
|
0
|
48
|
46
|
MSTL
|
77
|
19
|
96
|
40
|
PTSEC
|
60
|
19
|
79
|
54
|
RHBOSK
|
33
|
0
|
33
|
33
|
SCBS
|
45
|
12
|
57
|
45
|
TNS
|
29
|
0
|
29
|
29
|
Total
|
574
|
163
|
737
|
85
|
*ข้อมูล ณ.วันที่ 31 ส.ค. 57
|
ส่วนแบ่งตลาด: DW01 ที่หลักทรัพย์บัวหลวงเป็นผู้ออกที่มีปริมาณการซื้อขายสูงสุดและมียอดคงค้างในระบบสูงสุดเช่นกัน
|
หลักทรัพย์บัวหลวงมีส่วนแบ่งการตลาดเมื่อคิดจากมูลค่าการซื้อขายสะสมในเดือน ส.ค. เป็นอันดับ 1 อยู่ที่ 53.8% และหากพิจารณาจากยอดการถือครอง DW โดยนักลงทุน ณ.สิ้นเดือน ส.ค. หลักทรัพย์บัวหลวงก็เป็นผู้ออกที่มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 เช่นกัน
|
Highlights of the Month: DW01 ไม่คิด Time Decay ช่วงวันหยุด
|
ในช่วงเดือนที่ผ่านมาที่มีวันหยุดยาวติดต่อกันถึง 4 วัน คือวันที่ 9-12 ส.ค. ทำให้ลูกค้าที่ลงทุนใน DW01 หลายรายเกิดความไม่สบายใจว่า DW ที่ตนถือครองอยู่จะถูกตัดค่าเสื่อมเวลาตามระยะเวลาในช่วงวันหยุดดังกล่าว เลยอาจชิงเทขายก่อนข้ามวันหยุดยาว
หลักทรัพย์บัวหลวงจึงขอเรียนชี้แจงว่า DW01 ทุกรุ่น ใช้วิธีการตัดค่าเสื่อมเวลาตามวันทำการที่ตลาดหลักทรัพย์เปิดทำการซื้อขายโดยไม่รวมวันหยุดสุดสัปดาห์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศไว้ตั้งแต่ต้นปี ดังนั้นราคาของ DW01 จะไม่ได้รับผลกระทบจากการจากการมีวันหยุดทั้งปกติและวันหยุดยาวแต่อย่างใด จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรีบขาย DW ที่ถืออยู่หากมีความกังวลจากปัจจัยดังกล่าว
นอกจากนี้ นักลงทุนหลายท่านมีความเข้าใจผิดว่า วันครบกำหนดอายุของ DW (Maturity Day) คือ วันที่นักลงทุนสามารถซื้อขาย DW ได้เป็นวันสุดท้าย แต่แท้จริงแล้ว วันที่นักลงทุนสามารถซื้อขาย DW ได้เป็นวันสุดท้าย คือวันซื้อขายวันสุดท้ายของ DW (Last trading day) บริษัทจึงขอแนะนำให้นักลงทุนขายคืน DW ที่ตนถือครองอยู่ภายในวันซื้อขายวันสุดท้าย เนื่องจากเงินที่ได้จากการขาย DW ในตลาดหลักทรัพย์ไม่ต้องนำมาเสียภาษีเงินได้ แต่หากนักลงทุนถือ DW ผ่านวันซื้อขายวันสุดท้ายไปแล้ว นักลงทุนจะได้รับเงินสดส่วนต่างจากการใช้สิทธิผ่านเข้ามาในบัญชีธนาคาร ซึ่งจะถือว่าเป็นรายได้ที่เกิดขึ้นนอกตลาดและต้องนำไปเสียภาษีเงินได้ต่อไป
หลักทรัพย์บัวหลวงมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรผลิตภัณฑ์ เพื่อให้นักลงทุนมีทางเลือกในการลงทุนที่หลากหลาย ตลอดจนการดูแลสภาพคล่องที่สม่ำเสมอเพื่อสร้างความเชื่อมั่นกับนักลงทุน นอกจากนี้ บริษัทยังได้ให้ความสำคัญในการให้ความรู้ความใจแก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่องโดยครั้งต่อไปในวันพฤหัสบดีที่ 11 กันยายน 2557 เวลา 18.00-20.30 น. ณ ห้องประชุม 1101 ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในหัวข้อการสัมมนา “DW กับ Technical Analysis ชัวร์หรือมั่วนิ่ม” โดยผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนที่ www.set.or.th
|
ข่าวเด่น