ผู้ถือหุ้น SIRI ไฟเขียว ผ่านแผนเพิ่มทุนจดทะเบียนครั้งใหญ่ จากทุนจดทะเบียนเดิม 11,615 ล้านบาท เป็น 19,824 ล้านบาท พร้อมออก Warrant (SIRI – W2) หนุนแผนยุทธศาสตร์ใหญ่ “Engineer for Growth” ที่ต้องการสร้างศักยภาพการดำเนินธุรกิจให้แข็งแกร่งและเติบโตอย่างยั่งยืน เน้นการสร้างกำไรเพิ่มมากขึ้นนับจากนี้ คาดปี 58 มีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 10-11%
นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) (SIRI) เปิดเผยว่า ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ครั้งที่ 1/2557 ได้มีมติอนุมัติแผนการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทขึ้นอีกจำนวน 8,209,037,422.95 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 11,614,597,115.13 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่จำนวน 19,823,634,538.08 บาท โดยการออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน 3,614,411,191 หุ้น
พร้อมกันนี้บริษัทได้อนุมัติออกใบสำคัญแสดงสิทธิ์ที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท (SIRI-W2) จำนวนไม่เกิน 3,614,411,191 หน่วย ให้กับผู้ถือหุ้นทุกรายในอัตราส่วน 3 หุ้นเดิมต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ์ โดยกำหนดใช้สิทธิ์ ภายใน 7 ตุลาคมนี้
สำหรับผู้ที่ถือใบสำคัญแสดงสิทธิ์ที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทครั้งที่ 1 (SIRI-W1) สามารถทำการใช้สิทธิ์เพื่อแปลงเป็นหุ้นสามัญระหว่างวันที่ 23 – 29 กันยายน 2557 ในเวลา 09.00 – 16.00 น. ณ บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ (SCBS) สำนักงานใหญ่ เพื่อรับสิทธิ์จองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทและรับใบสำคัญแสดงสิทธิ์ซื้อหุ้นสามัญของบริษัทครั้งที่ 2 (SIRI-W2) ก่อนวันขึ้นเครื่องหมาย XR ในวันที่ 7 ตุลาคม 2554 โดยสามารถโทรสอบถามรายละเอียดได้ที่ 02-949-1999
“ในการประชุมครั้งนี้ ผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่เข้าใจถึงสถานการณ์การเพิ่มทุนของแสนสิริเป็นอย่างดี เนื่องจากเม็ดเงินใหม่ที่จะเข้ามาหลังจากการเพิ่มทุน ไปจนถึงเม็ดเงินที่จะได้รับหลังจากการใช้สิทธิ์ซื้อวอร์แรนท์นั้น จะทำให้บริษัทมีทุนจดทะเบียนสูงกว่า 19,800 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้แสนสิริสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างแข็งแกร่ง ทั้งด้านการขยายฐานการลงทุนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยทั่วประเทศได้อย่างครบวงจรมากยิ่งขึ้น ฐานะทางเงินที่ที่แข็งแกร่งจากการลดสัดส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุน (Gearing Ratio) ลงจากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 2.14 เหลือ 0.8 – 1 เท่าใน 3 ปีข้างหน้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำกำไรในอนาคต นอกจากนี้ผู้ถือหุ้นเชื่อมั่นว่าการปรับตัวของแสนสิริในครั้งนี้ จะเป็นการพัฒนาครั้งสำคัญที่ทำให้กลุ่มแสนสิริมีศักยภาพการเติบโตอย่างต่อเนื่องและมั่นคง โดยที่สุดแล้วทั้งผู้ถือหุ้นและลูกค้าของแสนสิริจะเป็นผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จากแผนการเพิ่มทุนครั้งนี้อย่างเต็มที่” นายเศรษฐา กล่าว
ขณะที่ภายหลังการเพิ่มทุนเสร็จสิ้น บริษัทจะเดินหน้าตามแผนธุรกิจ Engineer for Growth อย่างเต็มรูปแบบ หลังจากแผนบางส่วนที่ได้ดำเนินการไปแล้วได้เริ่มเห็นผลสำเร็จอย่างรวดเร็วและชัดเจนจากกำไรในช่วงไตรมาส 2 ที่เพิ่มสูงขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทเชื่อมั่นว่า แผนธุรกิจในระยะกลางและระยะยาว ซึ่งเป็นแผนงานในช่วงต่อจากนี้ไปจะทยอยส่งผลให้กำไรของบริษัทปรับเพิ่มดีขึ้นอีกอย่างต่อเนื่องและเป็นรูปธรรม โดยคาดว่าจะมีอัตรากำไรสุทธิที่ 10–11% ในปี 2558 หรือในอัตราส่วนที่เพิ่มขึ้นมากกว่านี้ได้อย่างแน่นอน
นอกจากนี้บริษัทจะเดินหน้าพัฒนาโครงการใหม่ตามแผนธุรกิจในช่วงไตรมาส 4 อาทิ การเปิดตัวคอนโดมิเนียมภายใต้แนวคิด Slow Living ในชื่อแบรนด์ “HASU HAUS” (ฮาสุ เฮาส์) และการรุกตลาดแนวราบด้วยไฮไลท์การเปิดตัวโครงการ “เศรษฐสิริ กรุงเทพกรีฑา” ภายใต้แนวคิดการออกแบบ “L-Shape”
ข่าวเด่น