อเมริกันฟุตบอล หรือ กีฬาคนชนคน เป็นตัวอย่างที่ดีของวลี "สมบัติผลัดกันชม"
กีฬาอเมริกัน ไม่ว่าจะเป็นเบสบอล บาสเกตบอล หรือ อเมริกันฟุตบอล มีระบบที่ทำให้ทีมอ่อน เล่นไม่เก่งเมื่อปีที่แล้ว
สามารถพัฒนาทีมขึ้นมาได้ ขณะที่ทีมเก่งระดับแชมป์ก็ยากที่จะผูกขาดตำแหน่งของตัวเองเอาไว้
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนก็คือ "ซีแอตเติล ซีฮอว์กส์" ทีมแชมป์เมื่อฤดูกาลที่แล้ว ต้องพบกับความพ่ายแพ้อย่างรวดเร็วตั้งแต่นัดที่ 2 ของฤดูกาลนี้ โดยพ่ายต่อ "ซานดีเอโก ชาร์จเจอร์ส" ทีมซึ่งมีฝีมือระดับกลางๆ เมื่อฤดูกาลที่แล้ว แต่ปีนี้ทำท่าจะเก่งขึ้น
ด้วยระบบการคัดตัวผู้เล่นจากมหาวิทยาลัย ที่ให้สิทธิ์ทีมอ่อนเลือกตัวก่อน ทีมแชมป์ได้เลือกเป็นทีมสุดท้าย ทำให้ทีมอ่อนมีโอกาสเลือกผู้เล่นที่ต้องการไปเสริมความแข็งแกร่งของทีมได้ถูกจุด ทีมจึงแข็งแกร่งขึ้น นอกจากนี้ ยังมีกฎที่เคร่งครัดเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนผู้เล่น หรือการจ้างผู้เล่นว่างงาน โดยมีการกำหนดเพดานค่าจ้างโดยรวมทั้งทีม คือห้ามแต่ละทีมใช้เงินเกินกำหนด มิฉะนั้นจะต้องโดนปรับอย่างรุนแรง ผู้เล่นเก่งๆ ที่ค่าจ้างแพง มีโอกาสโดนปล่อยตัวออกจากทีม แล้วทีมที่มีเงินพอจะคว้าตัวไปก็จะได้คนเก่งไปทำงานให้
เมื่อเป็นเช่นนี้ แต่ละทีมจึงมักจะมีช่วงเก่งประมาณ 3-4 ปี แล้วก็จะตกต่ำเริ่มสร้างทีมใหม่ มีบ่อยครั้งที่ทีมแชมป์เก่าต้องตกรอบแรก ขณะที่ทีมบ๊วยเมื่อฤดูกาลที่แล้วสามารถผ่านเข้ารอบเพลย์ออฟ มีบ้างเหมือนกันที่บางทีมสามารถรักษาความเก่งกาจไว้ได้ยาวนาน ซึ่งต้องยกย่องฝ่ายบริหารที่จัดการเรื่องตัวผู้เล่นได้อย่างชาญฉลาด
ด้วยการจำกัดจำนวนทีมแข่งขันเพียง 32 ทีม ทำให้ฝ่ายบริหารของ NFL สามารถจัดการเกี่ยวกับกฎเกณฑ์ต่างๆ ได้ง่ายกว่า
ในขณะที่วงการฟุตบอลยุโรป ยังล้มลุกคลุกคลานอยู่กับกฎความเป็นธรรมทางการเงิน (Financial Fair Play) ซึ่งดูแล้วยังไม่เป็นรูปธรรม และไม่สามารถใช้บังคับกับบรรดาทีมเงินถุงเงินถังได้มีประสิทธิผล แต่กีฬาอเมริกันทำเรื่องดังกล่าวมานาน และทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ความยุติธรรมในการแข่งขันจึงมีมากกว่า ไม่ใช่ทีมเศรษฐีไม่กี่ทีมใช้เงินดูดผู้เล่นไปเข้าสังกัดแล้วก็ผูกขาดการลุ้นแชมป์ หรือครองแชมป์ ชั่วนาตาปี
ข่าวเด่น