หลังจากแอปเปิลเปิดตัว iPhone 6 ออกมาแล้วอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2557 ที่ผ่านมา บรรดาสาวกยังคงให้การต้อนรับเข้าคิวรอซื้อกันอย่างล้นหลาม แต่สำหรับผู้ที่ไม่ชอบใช้ของเหมือนใคร อาจจะสนใจ iPhone 6 รุ่นพิเศษ ที่แปลงร่างเป็นมือถือสุดหรูหรา น่าจับต้องและน่าเป็นเจ้าของก็เป็นได้ ซึ่งได้ถูกเผยโฉมออกมาแล้วส่งประกายแพรวพราว ด้วยเพชรน้ำดีที่ประดับประดาอยู่ด้านบน กลายเป็นน้องใหม่ในวงการมือถือหรูหราอีกรุ่น
ทั้งนี้ iPhone 6 ขายรอบแรกใน 9 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐฯ, แคนาดา, สหราชอาณาจักร, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, ออสเตรเลีย, ฮ่องกง, สิงคโปร์ และญี่ปุ่น โดยที่ตลาดยังให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นไม่เสื่อมคลาย มีสาวกอดทนเข้าคิวนั่งรอ ยืนรอซื้อกันยาวเหยียด
แต่สำหรับบางคน iPhone 6 แม้จะเป็นของใหม่ ทว่าอาจจะดูธรรมดาเกินไปก็เป็นได้ ล่าสุดมีทางเลือกใหม่แล้วสำหรับสาวกกระเป๋าหนัก เมื่อดีไซเนอร์ Alexander Amosu ผู้ผลิตเครื่องประดับและอัญมณีสุดหรูที่ใช้ชื่อตัวเองเป็นแบรนด์สินค้าได้ประกาศ เปิดตัว iPhone 6 รุ่นพิเศษออกมามีชื่อว่า “Amosu Call of Diamond iPhone 6” ที่หรูหราสุด ๆ ด้วยตัวเครื่องเป็นทอง 18 กะรัต ประดับประดาด้วยเพชรเม็ดเล็ก ๆ เป็นจำนวนมากถึง 6,127 เม็ด
ส่วนโลโก้ Apple ด้านหลัง เป็นเพชรเม็ดใหญ่ขนาด 51.29 กะรัต อีกหนึ่งเม็ด นับว่าแต่ละเครื่องต้องใช้เวลาผลิตอย่างพิถีพิถันกันนานถึง 2 เดือนเลยทีเดียว ทว่าก็ได้ผลงานออกมาสวยงามแก่ผู้ที่มีโอกาสได้เห็นและทำให้ iPhone 6 สุดหรูนี้มีสนนราคาที่ไม่ธรรมดาไปด้วย อยู่ที่ 1,700,000 ปอนด์ หรือประมาณ 88.7 ล้านบาท เลยทีเดียว
แต่หากราคานี้แพงไป ยังมีอีกรุ่นหนึ่งให้เลือกใช้ ได้แก่ “Amosu Gold iPhone 6” ที่มีตัวเครื่องทำจากทองคำอย่างเดียว ไม่ได้ประดับเพชร ราคาถูกลงมาหน่อยอยู่ที่ 2,400 ปอนด์ หรือประมาณ 125,000 บาท โดยมีให้เลือกเป็นทองคำปกติ หรือทองชมพู (Rose gold) สามารถสั่งซื้อได้แล้วจากทางบริษัท
iPhone6 สุดหรูทั้ง 2 รุ่น ถือเป็นน้องใหม่ของตลาดมือถือหรู ที่สวยหรูไม่แพ้ผลิตภัณฑ์ของค่ายอื่นๆ ซึ่งในรอบปีนี้มีมือถือหรู สวยงาม เปิดตัวไปแล้วหลายรุ่นด้วยกัน ยกตัวอย่างรุ่นที่เผยโฉมออกมาในเวลาไล่เลี่ยกันอย่าง "Porsche Design P'9983” ซึ่งเป็นผลงานความร่วมมือของ Porsche Design และ BlackBerry เป็นรุ่นสืบทอดต่อจาก Porsche Design P'9982 ที่เปิดตัวเมื่อปี 2013 และ Porsche Design P'9981 ในปี 2011
มือถือรุ่นนี้มาพร้อมหน้าจอสัมผัสขนาดกว้าง 3.1 นิ้ว ความละเอียด 720x720 พิกเซล, กล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซล, กล้องหน้าความละเอียด 2 ล้านพิกเซล, พื้นที่เก็บข้อมูลในเครื่อง 64GB, รองรับการเชื่อมต่อ 4G LTE,ตัวเครื่องทำจากสแตนเลส ,มีแป้นพิมพ์ใสแจ๋วเหมือนแก้วและฝาหลังทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ แต่สามารถซื้อฝาหลังหนังแท้แยกต่างหากได้โดยมีหลายสีให้เลือก
พร้อมวางขายที่ร้านค้า Porsche Design และร้านค้าปลีกทั่วโลกในเดือนตุลาคม 2557 นี้เป็นต้นไป แต่ยังไม่มีการเปิดเผยเรื่องราคา คาดว่า ไม่น่าจะต่ำกว่า 60,000 บาทเหมือนรุ่นอื่น ๆ
มือถือหรูอีกรุ่นที่เลิศหรูไม่แพ้กัน ได้แก่ “VERTU Signature Touch” ซึ่ง บริษัท เอเวอร์เรส เวิลด์ จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายโทรศัพท์มือถือเวอร์ทูในไทยเพิ่งเปิดตัวไปในช่วงปลายเดือนสิงหาคม มาพร้อมกับ Android 4.4.2 KitKat ตัวเครื่องทำจาก Titanium Alloy เบากว่าสแตนเลส แต่แข็งแรงและทนทานกว่าถึง 2.5 เท่า เป็นชิ้นงานประณีตผลิตด้วยมือเหมือนเดิม หน้าจอเป็นกระจก Sapphire ที่แข็งแรงรองจากเพชร ทำงานด้วยพลังแกร่งของ CPU Quad-Core หน้าจอ Full HD, กล้อง 13 ล้านพิกเซล และหน่วยความจำภายใน 64 GB
ส่วนสนนราคาเป็นที่รับรู้กันในบรรดาสาวกเวอร์ทู ว่าไม่ธรรมดา โดย Signature Touch นี้มีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 420,000 บาท พร้อมบริการพิเศษ เลขาส่วนตัวแถมให้ตลอด 24 ชั่วโมง
สำหรับมือถือหรูรุ่นอื่น ๆ ที่เพิ่งปล่อยออกมาในปี 2557 นี้ ยังรวมถึง “Azimuth” จาก Gresso ซึ่งเป็นมือถือ 2 ซิม ตัวเครื่องทำจากโลหะไทเทเนียม มีแป้นพิมพ์เป็นโลหะและโลโก้ที่เลือกได้ว่าเป็นทองคำหรือทองคำขาวแท้ 18 กะรัต มาพร้อมกับหน่วยความจำภายใน 2 GB กล้องที่ 1.3 เมกะพิกเซล รองรับ WAP 2.0, Bluetooth 2.0 และมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 1,100 mAh ใช้ระบบปฏิบัติการ S40 ที่ปรับแต่งโดย Gresso
มือถือรุ่นนี้ผลิตเพียง 999 เครื่องทั่วโลก และผลิตด้วยมือทั้งหมด ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 60,000 บาท
ส่วน ค่าย Mobiado ผู้ผลิตมือถือหรูจากแคนาดา มีมือถือรุ่น “Professional 3 DC” ที่นำผลงานศิลปะของ Gustav Klimt ชื่อว่า “Portrait of Adele Bloch-Bauer I” มาเป็นแรงบันดาลใจในการผลิต หรูสวย แต่ยังไม่เปิดเผยเรื่องราคา
ปิดท้ายด้วยมือถือรุ่น “Tag Heuer Meridiist Infinite” มือถือสุดหรูพลังงานแสงอาทิตย์จากบริษัทแทค ฮอยเออร์ ที่เปิดตัวในช่วงเดือนเมษายนของปีนี้ มีการออกแบบสวยงาม หรูหราตามสไตล์แทค ฮอยเออร์ ด้วยตัวเครื่องทรงเหลี่ยม พร้อมปุ่มกดตัวเลขและหน้าจอ LCD ขนาดใหญ่หุ้มด้วยแซฟไฟร์อย่างดี ใช้วัสดุอย่างดีในการผลิตทั้งคาร์บอนไฟเบอร์ ไทเทเนียม และยางเพื่อผิวสัมผัสที่นุ่มนวล มีการผลิตออกมาเพียง 1,911 เครื่องเท่านั้น ราคาอยู่ที่ 7,000 ดอลลาร์สหรัฐ
ชอบแบบไหน สไตล์ไหน หรูแค่ไหน เชื่อว่า หลาย ๆ คนคงจะมีตัวเลือกไว้ในใจกันแล้ว...
ข่าวเด่น