BCP รับไตรมาส 3/57 ขาดทุนสต็อก คาดภายในสิ้นปีนี้มีความชัดเจนซื้อแหล่งขุดเจาะและสำรวจน้ำมัน 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ พร้อมตั้งเป้าลงทุนปีละ 5,000 ล้านบาท
นายวิเชียร อุษณาโชติ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก ปิโตเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ BCP เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในปีนี้ของบางจาก ตนยังมั่นใจว่าอัตรากำไรขั้นต้นก่อนกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อม หรือ EBITDA จะเกิน 10,000 ล้านบาท ถ้าไม่นับการขาดทุนจากสินค้าคงคลัง หรือขาดทุนสต็อก ช่วงไตรมาส 3/2557 นี้ เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงมา
อย่างไรก็ตาม คาดว่าช่วงไตรมาส 4/2557 บริษัทอาจจะพลิกกลับมามีกำไรจากสินค้าคงคลัง เพราะความต้องการน้ำมันในช่วงไตรมาส 4/2557 จะเริ่มสูงขึ้นทุกๆปี ซึ่งน่าจะมีผลทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นได้
“ผลการดำเนินงานของบริษัทบางจากในไตรมาส 3 นี้ ถ้าไม่รวมขาดทุนสต็อก เรายังเติบโตได้อยู่ แต่ต้องยอมรับว่าในไตรมาส 3/57 นี้ บริษัทจะขาดทุนสต็อกแน่นอน เพราะราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงในช่วงนี้” นายวิเชียรกล่าว
อย่างไรก็ตาม นายวิเชียรกล่าวต่อว่า ภายในปี 2563 บริษัทตั้งเป้า EBITDA อยู่ที่ 25,000 ล้านบาท เติบโตประมาณ 1.5 เท่าจากปีนี้ ดังนั้นบริษัทยังจะต้องมีแผนขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยปีละไม่น้อยกว่า 5,000 ล้านบาท เพื่อผลักดันให้ EBITDA ไปถึงเป้าที่ตั้งไว้ โดยที่ปีหน้าบริษัทมีแผนจะลงทุนในธุรกิจใหม่ (E&P ไบโอแก๊ส ไบโอแม๊ส) ไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท และในธุรกิจเก่าประมาณ 4,000 ล้านบาท
ส่วนปีนี้บริษัทคาดว่าจะมีความชัดเจนในแผนการซื้อแหล่งขุดเจาะและสำรวจน้ำมันในกลุ่มประเทศอาเซียนจำนวน 1 แห่ง มูลค่าการลงทุนประมาณ 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยแหล่งเงินทุนที่บริษัทจะใช้นั้น จะมาจากกระแสเงินสดที่มีอยู่ในมือประมาณ 6,000 ล้านบาท ซึ่งได้มาจากการออกหุ้นกู้ในช่วงเดือนเมษายน 2557 ขณะที่ความคืบหน้าการซื้อกิจการของบริษัท Nido Petroleum Limited (Nido) ซึ่งมีแหล่งขุดเจาะและสำรวจน้ำมันในออสเตรเลีย ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนของการทำข้อเสนอซื้อหุ้นทั้งหมด (Trader Offer) ซึ่งล่าสุดได้หุ้นมาแล้วคิดเป็น 62 % ของจำนวนหุ้นที่รับซื้อทั้งหมด 100 % โดยมูลค่าการซื้อกิจการในครั้งนี้อยู่ที่ประมาณ 120 ล้านเหรียญออสเตรเลีย
นอกจากนี้บริษัทยังต้องการให้ภาครัฐหาทางเพิ่มแรงจูงใจ โดยการปรับปรุงราคาอุดหนุน หรือ แอดเดอร์ เพื่อให้ผู้ประกอบการสนใจลงทุนในส่วนของธุรกิจพลังงานทดแทน ประเภทไบโอแก๊สกับไบโอแม๊ส เพราะมองว่าปัจจุบันเป็นราคาที่ต่ำเกินไป เพื่อสร้างอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (ไออาร์อาร์) ในธุรกิจดังกล่าว อยู่ที่ 15 % บริษัทประเมินว่าน่าจะเป็นระดับที่เหมาะสม
ข่าวเด่น