หลังจากประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีกับการทำตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าภายใต้แบรนด์ "เบคโก้" โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศยุโรป "เบคโก้" แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าชื่อดังสัญชาติตุรกีก็มีแผนที่จะเข้ามาเปิดเกมรุกขยายธุรกิจในภูมิภาคอาเซียน ด้วยการใช้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของการทำตลาด เนื่องจากมีความพร้อมในด้านต่างๆ มากมายไม่ว่าจะเป็นภูมิประเทศ เศรษฐกิจ กำลังซื้อประชากร หรือสภาพสังคม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2558 ภูมิภาคอาเซียนจะมีการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC จึงเป็นอีกปัจจัยหนุนที่ทำให้ "คอช กรุ๊ป" เจ้าของแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าเบกโก้ มีความมั่นใจกับการเข้ามาขยายธุรกิจในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียนมากขึ้น เพราะจากการรวมตัวกันดังกล่าวจะทำให้ภูมิภาคนี้เกิดการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจที่ดีโดยมีประชากรรวมกันกว่า 600 ล้านคน
นายเลแวนต์ ชาคึโอลู ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เซลิก เอเอส จำกัด บริษัทในเครือคอช กรุ๊ป ผู้ดำเนินธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้า ภายใต้แบรนด์ เบคโก้ กล่าวว่า หลังจากบริษัทได้เข้ามาศึกษาศักยภาพในประเทศไทยเป็นระยะเวลา 3 ปี พบว่าไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพ จึงได้ตัดสินใจนำเข้ากลุ่มสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าจากโรงงานในยุโรปเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย ประกอบด้วย เครื่องซักผ้า เครื่องอบผ้า เครื่องล้างจาน เครื่องดูดฝุ่น และตู้เย็น
หลังจากเริ่มนำสินค้าดังกล่าวเข้าทำตลาดผ่านร้านตัวแทนจำหน่ายรวม 30 แห่งทั่วประเทศในช่วงเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ประกอบด้วย เพาเวอร์มอลล์ เพาเวอร์บาย โฮมโปร และร้านจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน พบว่า ได้ผลการตอบรับเป็นที่น่าพอใจ เนื่องจากราคาสินค้าที่วางไว้มีความใกล้เคียงกับคู่แข่งในตลาด แต่หากมองในด้านของคุณภาพ เบกโก้มั่นใจว่ามีคุณภาพและเทคโนโลยีที่เหนือกว่า
จากความสำเร็จดังกล่าวในปี 2558 จึงมีแผนที่จะขยายร้านตัวแทนจำหน่ายเพิ่มขึ้นเป็น 100 แห่ง ควบคู่ไปกับการเพิ่มศูนย์บริการหลังการขาย ซึ่งในส่วนของการรับประกันสินค้ายังคงชูจุดเด่นในเรื่องของการรับประกันยาวนานถึง 12 ปี สำหรับมอเตอร์และคอมเพรสเซอร์ ในทุกผลิตภัณฑ์ รวมตู้เย็น เครื่องอบผ้า เครื่องล้างจาน และเครื่องใช้ไฟฟ้าชุดครัว รวมถึงหลายผลิตภัณฑ์ประเภทเครื่องซักผ้า
ขณะเดียวกันยังได้เพิ่มทีมช่างและวิศวกรภาคสนามผู้เชี่ยวชาญ ตลอดจนศูนย์บริการและคอลเซ็นเตอร์ เพื่อเป็นหลักประกันว่าลูกค้าจะได้รับบริการหลังการขายที่ดี ซึ่งสิ่งดังกล่าวถือเป็นกลยุทธ์หลักที่ทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าเบกโก้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี
หลังจากศึกษาประเทศไทยว่าเป็นประเทศที่มีศักยภาพ บริษัท อาร์เซลิก เอเอส มีแผนที่จะใช้งบประมาณ 3,200 ล้านบาท สร้างโรงงานผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าในประเทศไทย เพื่อเป็นฐานการส่งออกไปในภูมิภาคอาเซียน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษานิคมอุตสาหกรรมที่มีความเหมาะสม คาดว่าภายปลายปีนี้น่าจะได้ข้อสรุป พร้อมดำเนินงานก่อสร้างโรงงานผลิตตู้เย็น เครื่องซักผ้า และเครื่องปรับอากาศ
นายเลแวนต์ กล่าวว่า เมื่อบริษัทดำเนินการสร้างโรงงานประเทศไทยแล้วเสร็จ บริษัทจะใช้โรงงานแห่งดังกล่าวเป็นฐานการผลิตสำหรับประเทศใน AEC ซึ่งบริษัทคาดหวังจะทำตลาดให้การดำเนินธุรกิจในภูมิภาคอาเซียนประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ไม่แพ้ความสำเร็จในทวีปยุโรป ซึ่งถือเป็นตลาดที่สินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านมีการแข่งขันสูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
ปัจจัยที่ทำให้ บริษัท อาร์เซลิก เอเอส ตัดสินใจนำเครื่องใช้ไฟฟ้าเบคโก้เข้ามาทำตลาดในภูมิภาคอาเซียน เพราะผู้บริโภคมีความพิถีพิถันไม่แพ้ผู้บริโภคในยุโรป และจากการนำเสนอเครื่องใช้ไฟฟ้านวัตกรรมล้ำสมัยที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างตรงจุด จึงทำให้แบรนด์เบคโก้เติบโตอย่างรวดเร็วในตลาดยุโรป ทั้งที่เป็นตลาดที่เต็มไปด้วยสินค้าแบรนด์ระดับโลกที่อยู่มานาน
ปัจจุบันมีผู้ใช้สินค้าแบรนด์เบคโก้อยู่มากกว่า 440 ล้านคน ในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก และคาดว่าตลาดเมืองไทยและ AEC จะทำให้มีผู้ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าเบคโก้เพิ่มขึ้นอีก 8 ล้านคน และภายใน 3 ปีข้างหน้า จะมียอดขาย 16,000 ล้านบาทในตลาดอาเซียน ซึ่งมูลค่าดังกล่าวเป็นรายได้ที่มาจากประเทศไทย คิดเป็นอัตราส่วน10-12% โดยหลังจากนำสินค้าเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย ในอนาคตอันใกล้ก็เตรียมที่จะนำสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าเบคโก้เข้าไปทำตลาดในประเทศฟิลิปปินส์ เวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการวางแผนการทำตลาด
สำหรับราคาสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าที่นำเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย บริษัท อาร์เซลิก เอเอส วางตำแหน่งไว้เป็นราคาที่ใกล้เคียงกับคู่แข่งในตลาด โดยในส่วนของเครื่องซักผ้า ขนาด 7 กิโลกรัม 8 กิโลกรัม และ 9 กิโลกรัม จะมีราคาขายอยู่ที่ประมาณ 18,000 -39,000 บาท ขณะที่ตู้เย็นขนาด 15 คิว และ 26 คิว จะมีราคาอยู่ที่ประมาณ 49,000 -1.3 แสนบาท เป็นต้น
นายเลแวนต์ กล่าวต่อว่า นอกจากบริษัทจะให้ความสนใจนำสินค้ากลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียนแล้ว ขณะนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ เพื่อนำธุรกิจในเครือ เช่น ยานยนต์ พลังงาน และการบริการทางการเงิน เข้ามาขยายธุรกิจในไทยและประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอาเซียน
ปัจจุบัน คอชกรุ๊ป มีรายได้จากการดำเนินธุรกิจ 4 กลุ่มหลัก คือ กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคประเภทคงทนถาวร พลังงาน ยานยนต์ และบริการทางการเงิน อยู่ที่ประมาณ 1.1 ล้านล้านบาท ในมูลค่าดังกล่าวเป็นรายได้ในกลุ่มธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้า 1.81 แสนล้านบาท มีโรงงานอยู่ทั่วโลกจำนวน 14 แห่ง และมีศูนย์วิจัยและพัฒนาจำนวน 17 แห่งทั่วโลก
นายเลแวนต์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้บริษัทมีบุคลากรฝ่ายวิจัยและพัฒนาอยู่ประมาณ 1,000 คน จึงทำให้บริษัทมีข้อได้เปรียบในด้านของการแข่งขัน และทำให้บริษัทเป็นหนึ่งในบริษัทที่ถือสิทธิบัตรจำนวนมากที่สุดของโลก ด้วยความสามารถด้านการวิจัยและพัฒนาทำให้บริษัทสามารถออกแบบผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์อันทันสมัย และสร้างปรากฏการณ์ครั้งแรกของโลกในด้านต่างๆ มากมาย เช่น เครื่องซักผ้าที่เงียบที่สุดในโลก และตู้เย็นเครื่องแรกของโลกที่มีฟังก์ชั่นทำไอศครีมในเครื่อง
หลังจากศึกษาความต้องการของผู้บริโภคในกลุ่มประเทศอาเซียนและประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง เป็นเวลาเกือบ 3 ปีแล้ว ทำให้ บริษัท อาร์เซลิก เอเอส ทราบถึงความต้องการของผู้บริโภคและพยายามใส่นวัตกรรมและฟังก์ชั่นการทำงานที่เหมาะสมกับความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละประเทศอาเซียน เพื่อให้การทำตลาดสินค้าในแต่ละกลุ่มผลิตภัณฑ์ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคมากที่สุด
จุดเด่นที่เครื่องใช้ไฟฟ้าเบคโก้พยายามนำเสนอต่อผู้บริโภคคนไทยและผู้บริโภคในกลุ่มประเทศอาเซียน จะตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคหรือไม่ คงต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยแวดล้อมหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นฟังก์ชั่นการใช้งาน ราคาสินค้า การบริการหลังการขาย หรือการโฆษณาประชาสัมพันธ์ เพื่อให้ผู้บริโภครู้จักแบรนด์สินค้า เมื่อสินค้าใช้งานได้ดีก็จะเกิดการบอกต่อและนำมาซึ่งยอดขาย
การเข้ามาทำตลาดของเครื่องใช้ไฟฟ้าเบคโก้ครั้งนี้จะประสบความสำเร็จหรือไม่ คงต้องจับตาดูกันต่อไป เพราะที่ผ่านมา แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าจากยุโรป ม้วนเสื่อกลับบ้านไปแล้วหลายราย เนื่องจากโดนค่ายเกาหลีตีตลาด ขนาดค่ายญี่ปุ่นที่เคยเป็นยักษ์ใหญ่ในไทย ยังออกอาการสาหัส ต้องปรับแผนรุกครั้งใหญ่
ข่าวเด่น