หลังจาก Apple ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ของโลกประสบความสำเร็จทำสถิติจากยอดขายสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ได้ถึง 10 ล้านเครื่องภายใน 3 วัน ล่าสุดทีมผู้บริหาร นำโดย ทิม คุ๊ก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารหรือซีอีโอของ Apple ได้เปิดตัว iPad Air2 และผลิตภัณฑ์อีกหลายรุ่น เมื่อวันพฤหัสบดี(16 ต.ค.2557) ณ สำนักงานใหญ่ในเมืองคูเปอร์ติโน มลรัฐแคลิฟอร์เนีย ของสหรัฐ ซึ่ง iPad Air2 ถือเป็น “แทบเล็ตบางที่สุดในโลก” ในปัจจุบัน
มาดูสเปคเครื่อง iPad Air 2 ที่เป็น iPad รุ่นใหม่กัน
-iPad Air 2 ยังคงมีหน้าจอขนาด 9.7 นิ้ว แต่มาพร้อม ant-reflective coating ที่จะช่วยลดการสะท้อนแสงของหน้าจอได้ถึง 56% ทำให้เล่นได้อย่างสบายตา เพลิน
-ขณะที่ตัวเครื่องบางเฉียบเพียง 6.1 มิลลิเมตร จึงทำให้ iPad Air 2 เป็นแทบเล็ตบางที่สุดในโลกไป พร้อมน้ำหนักเบาหวิว โดยรุ่น Wifi Only หนักเพียงประมาณ 437 กรัมเท่านั้น ส่วนรุ่นอื่น ๆ หนักเพิ่มอีกเล็กน้อย ช่วยให้พกพาไปใช้งานได้สะดวกตลอดทั้งวัน
-มาพร้อมระบบปฏิบัติการ iOS8 โดยมีโปรเซสเซอร์ M8 โมชั่น ทำงานร่วมกับชิพ A8X ที่ Apple สร้างสรรค์มาเพื่อ iPad โดยเฉพาะ มีความเร็วมากกว่าชิพ A7 ของ iPhone 5s ถึง 40%
-มีกล้องหลังความละเอียดขนาด 8 ล้านพิกเซล มากกว่ารุ่นก่อนที่มีความละเอียดเพียง 5 ล้านพิกเซล สามารถถ่ายวีดีโอได้แบบ Full HD 1080p หรือจะถ่ายวีดีโอแบบ slow-mo ได้ 120fps
-ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 1.2 ล้านพิกเซล ใช้ถ่ายวีดีโอแบบ HD ได้ เหมาะสำหรับคนที่ชอบเล่น FaceTime ซึ่งเป็นฟังก์ชั่นที่ให้คุยวิดีโอคอลผ่าน Wi-Fi จากเครื่องของเราไปยังเครื่องของคนอื่นได้ และยังมีเซ็นเซอร์ใหม่ที่ช่วยให้ถ่ายวีดีโอในที่มีแสงน้อยในโหมด HDR ได้ดีขึ้น
- ด้าน Wi-Fi ได้ถูกปรับปรุงให้เร็วขึ้นเช่นกัน รองรับมาตรฐาน 802.11ac มีเสารับสัญญาณแบบ MIMO ด้วยความเร็ว 866Mbps
-มีแบตเตอรี่ใช้งานได้ต่อเนื่อง 10 ชั่วโมงเหมือนรุ่นที่แล้ว
-นอกจากนี้ ยังมีเทคโนโลยี Touch ID สำหรับใช้เป็นระบบล็อคเครื่องด้วยลายนิ้วมือ เหมือนกับ iPhone 5 รวมถึงรองรับการใช้งาน Apple Pay ที่ให้จ่ายเงินจากบัตรเครดิตผ่านมือถือด้วย
-พร้อมกันนี้ยังมาพร้อมแอพพลิเคชั่นที่ถูกออกแบบเพื่อให้รองรับiPad Air 2 มากกว่า 6.7 แสนแอพฯ ทำให้สะดวกสบายคล่องตัวในการใช้งาน
-มีให้เลือก 3 สี คือ สีเงิน, สีเทา, และสีทอง
-สนนราคาเริ่มต้นที่ 499 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 16,200 บาท) สำหรับ 16GB และไม่มีแบบความจุ 32GB เหมือน iPhone 6 แต่ข้ามไปที่ความจุ 64GB เลย ด้วยราคา 599 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 19,400 บาท) และขนาดความจุ 126GB ราคา 699 ดอลลาร์ (ประมาณ 22,600 บาท) เวอร์ชั่นที่รองรับ LTE ใส่ซิมได้ จะมีราคาเพิ่มอีกหน่อย 130 ดอลลาร์ (4,200 บาท)
ทาง Apple เริ่มเปิดให้จองล่วงหน้าแล้วนับแต่วันนี้เป็นต้นไป(17ต.ค.2557) ก่อนส่งสินค้าเพื่อวางจำหน่ายจริงได้อย่างเร็วในสัปดาห์หน้า สำหรับในตลาดสหรัฐฯ ,ออสเตรเลีย, ออสเตรีย, เบลเยี่ยม, บัลแกเรีย, แคนาดา, จีน (เฉพาะรุ่น Wi-Fi ), สาธารณรัฐเช็ก, เดนมาร์ก, ฟินแลนด์, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, ฮ่องกง, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, อิตาลี, ญี่ปุ่น, ราชรัฐลิกเตนสไตน์ ที่ตั้งอยู่ใจกลางทวีปยุโรป ขนาบข้างด้วยสองประเทศ คือ สวิตเซอร์แลนด์และออสเตรีย , ลักเซมเบิร์ก, มาเก๊า (เฉพาะรุ่น Wi-Fi) , เนเธอร์แลนด์, นิวซีแลนด์, นอร์เวย์, โปแลนด์, โปรตุเกส, โรมาเนีย, สิงคโปร์, สโลวาเกีย, สเปน, สวีเดน, สวิสเซอร์แลนด์และสหราชอาณาจักร
หลังจากนั้นตามด้วยตลาดโครเอเชีย ,กรีซ, เปอร์โตริโก, รัสเซีย, ตุรกี, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และอีกหลายที่ทั่วโลกต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นเดือนตุลาคม ก่อนจะสามารถวางขายได้ทั่วโลกภายในไม่กี่เดือน
ในโอกาสเดียวกัน Apple ยังเปิดตัว iPad Mini 3 ด้วย ซึ่งตัวเครื่องมีความยาว 7.9 นิ้ว ขณะที่ระบบการทำงานส่วนใหญ่ยังคงคล้ายกับ iPad Mini 2 มี 3 สี คือสีทอง สีเทา และสีเงินเหมือนกัน โดยเริ่มเปิดให้จองได้ในวันเดียวกัน ในสหรัฐอเมริกาและอีกหลายๆ ประเทศ ก่อนจะวางจำหน่ายจริงในอีกสัปดาห์ถัดไป ราคาเริ่มต้นที่ 399 ดอลลาร์สหรัฐ
นอกเหนือจากนี้ ยังเปิดตัว เครื่องคอมพิวเตอร์แม็คอินทอช รุ่นใหม่ หรือ iMac Retina Display หน้าจอขนาด 27 นิ้ว ถือเป็นคอมพิวเตอร์ที่มีหน้าจอความละเอียดสูงที่สุดในโลก ระดับ 5K เริ่มวางจำหน่ายแล้วทันที ราคาเริ่มต้นที่ 2,499 ดอลลาร์ โดยวางตลาดพร้อมรุ่นขนาดจอ 21.5 นิ้ว ที่มีราคาเริ่มต้นที่ 1,099 ดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับ Mac mini รุ่นใหม่ ซึ่งเป็นเครื่องที่เปรียบเสมือนคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปขนาดกะทัดรัด แต่มีประสิทธิภาพการใช้งานสูงใกล้เคียงกับเครื่อง Mac เลยทีเดียว โดยรุ่นใหม่ มีขนาด 7.7 ตารางนิ้ว รองรับการเชื่อมต่อกับจอภาพ, คีย์บอร์ด, เมาส์, Thunderbolt 2 และ HDTV มาพร้อมหน่วยประมวลผลรุ่นที่ 4 จากอินเทล Intel Core Processsors พร้อม Intel Iris และหน่วยประมวลผลภาพแบบ HD Graphics 5000 หน่วยความจำแบบ PCle- based flash storage ที่ทำงานได้รวดเร็ว รองรับไวไฟ 802.11 ac มีพอร์ต Thunderbolt 2 พอร์ต ช่วยประหยัดพลังงานมากที่สุดสำหรับการใช้งานแบบคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ ขายแล้วที่มีราคาเริ่มต้น 499 ดอลลาร์สหรัฐ
อย่างไรก็ดี ยังไม่มีข้อมูลว่า ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดนี้จะมาถึงไทยเมื่อใด แต่เชื่อว่า Apple คงจะให้รอกันไม่นาน
ข่าวเด่น