หลังจากเคยประกาศว่าจะจับมือร่วมกับพันธมิตรค้าปลีกจากต่างประเทศ เพื่อทำกิจกรรมการตลาดร่วมกัน วันนี้ "บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด" เจ้าของสยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ และพาราไดซ์ พาร์ค พร้อมแล้วที่จะจับมือ 5 พันธมิตรค้าปลีกยักษ์ใหญ่ในประเทศท่องเที่ยวระดับโลก เพื่อมอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้าที่ถือบัตรสมาชิกระดับแพลทินัม และบัตรสมาชิดของพันธมิตรที่เข้าร่วมแคมเปญ
พันธมิตรทั้ง 5 ราย ที่ บริษัท สยามพิวรรธน์ ได้จับมือร่วมกันในครั้งนี้ ประกอบด้วย ห้างสรรพสินค้า ลอตเต้ ประเทศเกาหลีใต้, ฮ่องกง ไทมสแควร์ ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน, ห้างสรรพสินค้า โรบินสัน ประเทศสิงคโปร์, ห้างสรรพสินค้า ซัปโปโรปาร์คโก้ ประเทศญี่ปุ่น และ ห้างสรรพสินค้า แกเลอรี ลาฟาแยต ประเทศฝรั่งเศส
สำหรับกิจกรรมการตลาดที่จะทำร่วมกันในครั้งนี้จะอยู่ภายใต้ชื่อ แคมเปญ "Global Privilege Partnership" หรือสุดยอดแคมเปญแห่งประสบการณ์การช้อปปิ้งและสิทธิประโยชน์ที่เหนือระดับ สำหรับนักช้อปชาวไทยและชาวต่างประเทศ ซึ่งถือเป็นการสร้างปรากฏการณ์ครั้งแรกของวงการค้าปลีกไทย และตอกย้ำความเป็นผู้นำในการสร้างประสบการณ์แตกต่างที่ตรงใจให้กับผู้บริโภค
นางมยุรี ชัยพรหมประสิทธิ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่อาวุโสฝ่ายส่งเสริมธุรกิจ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า เพื่อตอกย้ำการเป็นผู้นำการสร้างประสบการณ์ระดับโลก บริการที่เหนือระดับ และสร้างความประทับใจให้กับผู้มาใช้บริการภายในศูนย์การค้าในเครือของบริษัท จึงได้จับมือกับพันธมิตรค้าปลีกต่างชาติ เพื่อมอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้าคนไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เข้ามาเยี่ยมเยือนและใช้บริการภายในศูนย์การค้าในเครือสยามพิวรรธน์
กลุ่มลูกค้าที่จะได้รับสิทธิพิเศษจากการจับมือร่วมกันกับ 5 พันธมิตรค้าปลีกชั้นนำระดับโลกในครั้งนี้ ได้แก่ Platinum M Card (แพลตตินั่ม เอ็ม การ์ด) และบัตร VIZ Card (วิซ การ์ด) โดย บัตร Platinum M Card (แพลตตินั่ม เอ็ม การ์ด) สำหรับมอบสิทธิประโยชน์ให้กับผู้ใช้บริการของศูนย์การค้าสยามพารากอน และบัตร VIZ Card (วิซ การ์ค) สำหรับมอบสิทธิประโยชน์ให้กับผู้ใช้บริการของสยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ และพาราไดซ์ พาร์ค
ปัจจุบัน บัตรสมาชิก บัตรแพลทินั่ม เอ็ม การ์ด และบัตร วิซ การ์ด ของศูนย์การค้าสยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ และพาราไดซ์พาร์ค รวมไปถึงบัตรสมาชิกของพันธมิตรศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้า 5 ราย มีฐานสมาชิกรวมกันประมาณ 2 ล้านราย ในจำนวนดังกล่าวเป็นฐานสมาชิกของบัตรแพลทินั่ม เอ็ม การ์ด และบัตร วิซ การ์ด กว่า 1.2 แสนราย ซึ่งในจำนวนดังกล่าวเป็นบัตรสการ์เลตต์ 533 ราย บัตรเอ็ม แพลทินั่ม 10,000-20,000 ราย ที่เหลืออีกประมาณ 1 แสนรายราย แบ่งเป็นสมาชิกบัตรวิซ การ์ด แบล็ค 10% บัตรวิซ การ์ด ไทเทเนียม 40% และบัตรวิซ การ์ด ไวท์ 50%
นางมยุรี กล่าวว่า การจับมือร่วมกันครั้งนี้ถือเป็นการร่วมมือแบบ Partnership และ Collaboration เพื่อพัฒนาและสร้างกลไกการกระตุ้นยอดใช้จ่ายจากต่างประเทศสู่ไทยให้มากยิ่งขึ้น ปัจจุบันกลุ่มลูกค้าที่มาใช้บริการในศูนย์การค้าของสยามพิวรรธน์ เป็นลูกค้าในระดับ B ขึ้นไป มีกำลังการซื้อสูง มีไลฟ์สไตล์ที่ชอบการเดินทาง มีการใช้ชีวิตที่ทันสมัย ชื่นชอบนวัตกรรมแบบล้ำสมัย และคาดหวังในบริการเหนือระดับ ซึ่งตรงกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้าที่ร่วมเป็นพันธมิตรในครั้งนี้
สิทธิประโยชน์ที่สมาชิกบัตร Platinum M Card และ VIZ card (black และ Titanium) พร้อมทั้งสมาชิกผู้ถือบัตรของพันธมิตรค้าปลีกทั้ง 5 รายที่เข้าร่วมโครงการนี้ จะได้รับคือ ส่วนลดตั้งแต่ 5% - 50% จากร้านค้ากว่า 2,000 ร้านค้าในประเทศท่องเที่ยวยอดนิยมระดับโลก พร้อมบริการที่สุดพิเศษซึ่งอำนวยความสะดวกสบายสูงสุด ได้แก่บริการผู้ช่วยส่วนบุคคลที่จะคอยแนะนำบริการต่างๆ ภายในศูนย์การค้า เวลคัมกิ๊ฟสุดเอ็กซ์คูลซีฟมูลค่ากว่า 3,000 บาท และการใช้บริการ Exclusive Lounge
นอกจากนี้ เพื่อให้บริการมีประสิทธิภาพมากขึ้น บริษัท สยามพิวรรธน์ ได้เตรียมจัดทำเวปไซต์สำหรับบริการนักท่องเที่ยวจากชาติถึง 6 ภาษา ได้แก่ ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ภาษารัสเซีย ภาษาญี่ปุ่น ภาษาเกาหลี และภาษาไทย เพื่ออำนวยความสะดวกในการติดต่อสื่อสารกับนักท่องเที่ยว ขณะเดียวกันยังร่วมเป็นพันธมิตรกับโรงแรมชั้นนำกว่า 60 โรงแรมทั่วประเทศในการมอบส่วนลดสุดพิเศษ เช่น การมอบส่วนลดใช้บริการสปา 50% เป็นต้น
หลังจากออกมาทำกิจกรรมการตลาดดังกล่าว บริษัท สยามพิวรรธน์ มั่นใจว่าสิ้นปีนี้จะสามารถกระตุ้นการใช้จ่ายของฐานสมาชิกระดับพรีเมียมให้มีอัตราการเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 10% จากปีก่อนที่มีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 5,100 ล้านบาท และในปี 2558 คาดว่าจะมียอดการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นที่ 15% เนื่องจากบริษัท สยามพิวรรธน์ มีแผนที่จับมือกับพันธมิตรค้าปลีกระดับโลกเพิ่มขึ้น เพื่อมอบสิทธิพิเศษให้กับสมาชิกดังกล่าว
นางมยุรี กล่าวอีกว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรค้าปลีกต่างชาติ โดยภายในปี 2558 คาดว่าจะได้ข้อสรุปของการเจรจากับศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้าชื่อดังในประเทศอเมริกา รัสเซีย จีน อินโดนีเซีย และมาเลเซีย เพื่อทำกิจกรรมการตลาดร่วมกันเหมือนกับห้างสรรพสินค้า ลอตเต้ ประเทศเกาหลีใต้ ฮ่องกงไทม์สแควร์ ประเทศจีน ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ประเทศสิงคโปร์ ห้างสรรพสินค้าซัปโปโรปาร์คโก ประเทศญี่ปุ่น และห้างสรรพสินค้าแกลอร ลาฟาแยต ประเทศฝรั่งเศส
การออกมาประกาศกลยุทธ์ขยายฐานลูกค้าในรูปแบบดังกล่าว บริษัท สยามพิวรรธน์ คาดว่าสิ้นปีนี้จะสามารถเพิ่มสัดส่วนกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวต่างชาติให้เข้ามาใช้บริการศูนย์การค้าในเครือเพิ่มขึ้นอีกไม่ต่ำกว่า 20% โดยเฉพาะภายในศูนย์การค้าสยามพารากอน เนื่องจากเป็นศูนย์การค้าที่มีลูกค้าต่างชาติเข้ามาใช้บริการมากที่สุดเฉลี่ยที่ประมาณ 40% จากยอดลูกค้า 2 แสนคนต่อวัน
ออกมาประกาศแผนเชิงรุกอย่างต่อเนื่องขนาดนี้ บริษัท สยามพิวรรธน์ น่าจะขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็นไปตามเป้าหมายได้ไม่ยาก เพราะทั้งโปรโมชั่นและบริการที่ประกาศออกมา ขาช้อปชาวไทยและต่างชาติน่าจะอมยิ้ม แต่จะเพิ่มยอดขายได้เท่าไหร่นั้น เรื่องนี้คงต้องอยู่ที่ความน่าสนใจของสินค้า
แม้ว่าขณะนี้จะยังไม่เห็นภาพดังกล่าว แต่จากการเริ่มต้นด้วยการจับมือกับห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้าระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า ลอตเต้ ประเทศเกาหลีใต้ ฮ่องกงไทม์สแควร์ ประเทศจีน ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ประเทศสิงคโปร์ ห้างสรรพสินค้าซัปโปโรปาร์คโก ประเทศญี่ปุ่น และห้างสรรพสินค้าแกลอร ลาฟาแยต ประเทศฝรั่งเศส ศูนย์การค้าไทยได้ประกาศศักดาความยิ่งใหญ่และสร้างแบรนด์ศูนย์การค้าไทยให้ต่างชาติได้รู้จักไปเป็นที่เรียบร้อย.
ข่าวเด่น