แบงก์-นอนแบงก์
ธอส.โชว์ผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรก สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ 103,399 ล้านบาท


ธอส. โชว์ผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 2557 สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ ได้ถึง 103,399 ล้านบาท จำนวน 114,841 บัญชี หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ  NPL ลดเหลือเพียง 5.99%  สินเชื่อคงค้างจำนวน 778,632 ล้านบาท อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) อยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 16.72% มั่นใจว่าสิ้นปีจะสามารถปล่อยสินเชื่อตามเป้าหมาย 134,000 ล้านบาทได้แน่นอน 

นางอังคณา ปิลันธน์โอวาท ไชยมนัส กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 3 /2557 ณ วันที่ 30 กันยายน 2557  เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนว่า ธนาคารยังสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง หลังจากสถานการณ์ทางการเมืองคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2557 ธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ทั้งสิ้น 103,399 ล้านบาท เพิ่มขึ้น  13.48% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาสที่ 3/2557 เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2556 ธนาคารมียอดสินเชื่อคงค้างรวมทั้งสิ้น 778,632 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.73% สินทรัพย์รวม 824,491 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.60% เงินฝากรวม 650,527 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.44% ทรัพย์สินรอการขาย (NPA) สุทธิคงเหลือจำนวน 1,604 ล้านบาท ลดลง 3.67% นอกจากนี้ ธนาคารยังสามารถบริหารจัดการหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ลดเหลือจำนวน 46,628 ล้านบาท คิดเป็น 5.99% ของยอดสินเชื่อรวม ซึ่งเป็นอัตราส่วน NPL ที่ลดลงจาก ณ สิ้นปี 2556 ที่มี NPL อยู่ที่ 6.12% ของสินเชื่อรวม และมีกำไรสุทธิ จำนวน 7,379 ล้านบาท ส่งผลให้อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) อยู่ในระดับแข็งแกร่งมากที่ 16.72%  ซึ่งสูงกว่าอัตราเงินกองทุนขั้นต่ำ 8.50% ที่กำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทย

สาเหตุสำคัญที่ทำให้สินเชื่อใหม่ของธนาคารเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นผลจากโครงการสินเชื่อคืนความสุขให้คนไทย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ไม่ว่าจะเป็นโครงการสินเชื่อบ้าน ธอส. เพิ่มสุข สำหรับลูกค้าเดิม ที่มีประวัติการผ่อนชำระดีรับสิทธิ์กู้เพิ่มอัตราดอกเบี้ย 3.99% นาน 3 ปี ยอดล่าสุด ณ วันที่ 13 ตุลาคม 2557 มีผู้ติดต่อขอยื่นกู้แล้วจำนวน 7,175 บัญชี รวมเงิน 1,675.36ล้านบาท และ สำหรับโครงการสินเชื่อ ธอส. มีบ้าน มีสุข  ซึ่งได้รับกระแสตอบรับอย่างดี อัตราดอกเบี้ย 3.50% ต่อปี นาน 2 ปีแรก   ยอดล่าสุด ณ วันที่ 13 ตุลาคม 2557  มีผู้ติดต่อขอยื่นกู้แล้วจำนวน 4,689 บัญชี วงเงินรวม 6,125.37 ล้านบาท
 
นอกจากนี้ประชาชนยังให้การตอบรับผลิตภัณฑ์ทางการเงินของ ธอส.ที่สามารถตอบสนองความต้องการลูกค้าได้ทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะสินเชื่อบ้านที่ช่วยสร้างโอกาสให้ผู้ที่มีรายได้น้อยถึงปานกลางได้เข้าถึงแหล่งเงินกู้ที่อยู่อาศัยได้ง่ายยิ่งขึ้นซึ่งเป็นไปตามพันธกิจหลักของธนาคาร ที่ผ่านมาธนาคารได้จัดทำโครงการสินเชื่อบ้านที่กำหนดวงเงินกู้ต่อรายไว้ไม่เกิน 1.5 ล้านบาท อาทิ โครงการบ้าน ธอส. สานรัก อัตราดอกเบี้ยปีแรก 3.50% ปีที่ 2 อัตราดอกเบี้ย 4.25% ต่อปี โครงการสินเชื่อบ้าน 61 ปี ธอส. อัตราดอกเบี้ย 1.61% ต่อปี นาน 6 เดือน ส่งผลให้ ณ ไตรมาสที่ 3 ธนาคารได้ปล่อยสินเชื่อรายละไม่เกิน 1.5 ล้านบาท ทั้งสิ้น 72,797 ราย วงเงิน 48,573 ล้านบาท ซึ่งเป็น 46.98% ของสินเชื่อปล่อยใหม่ใน 9 เดือนแรก

“นอกจากสินเชื่อบ้านสำหรับกลุ่มรายได้น้อยแล้วธนาคารยังได้จัดทำผลิตภัณฑ์ที่รองรับความต้องการของลูกค้า      ทุกกลุ่ม อาทิ โครงการบ้าน ธอส. – กบข.เพื่อที่อยู่อาศัยข้าราชการ ครั้งที่ 10  อัตราดอกเบี้ย 0% นาน 7 เดือนแรก สำหรับข้าราชการที่เป็นสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ หรือ กบข. และโครงการสินเชื่อ ธอส. มีบ้าน มีสุข 2 ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถเข้าถึงสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำคงที่ 3.50% นานถึง 2 ปี โดยไม่จำกัดวงเงินกู้ ต่อราย จึงมั่นใจว่าด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายของธนาคาร ประกอบกับแนวโน้มเศรษฐกิจที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น จะส่งผลให้ธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อตามเป้าหมาย 134,000 ล้านบาท ได้อย่างแน่นอน” นางอังคณา กล่าว   

ด้านเงินฝากธนาคารมีนโยบายเสริมสร้างวินัยการออมภาคประชาชน สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงการคลังที่ต้องการเสริมสร้างความเข้มแข็งและบทบาทสถาบันการเงินเฉพาะกิจ และระบบการออม ล่าสุดธนาคารได้จัดทำ “ผลิตภัณฑ์เงินฝากออมทรัพย์ Happy Home” สำหรับลูกค้าสินเชื่อของธนาคาร เป็นเงินฝากประเภทออมทรัพย์รับอัตราดอกเบี้ยสูงถึง 2.75%ต่อปี สำหรับลูกค้าที่มียอดเงินฝากคงเหลือไม่เกิน 1,000,000 บาท (ลูกค้าที่มียอดเงินฝากคงเหลือมากกว่า 1,000,000 บาท จะได้รับอัตราดอกเบี้ยเท่ากับเงินฝากออมทรัพย์ ของยอดเงินฝากต่ำกว่า 100,000 บาท ที่ธนาคารประกาศ ณ ขณะนั้น)  เงื่อนไขฝากครั้งแรกขั้นต่ำ 500 บาทขึ้นไป รับฝาก 1 รายต่อ 1 บัญชี สามารถใช้หักบัญชีเงินฝากเพื่อชำระงวดเงินกู้และชำระค่าสาธารณูปโภค เช่น ค่าน้ำประปา ค่าโทรศัพท์ กรณีดอกเบี้ยรับไม่เกิน 20,000 บาท ต่อปี ไม่ต้องเสียภาษี นับเป็นผลิตภัณฑ์เงินฝากสุดคุ้มที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ตั้งใจจัดทำขึ้นสำหรับลูกค้าสินเชื่อของธนาคารที่ต้องการฝากเงินประเภทออมทรัพย์แต่ได้ดอกเบี้ยสูงเทียบเคียงเงินฝากประจำ เปิดบัญชีได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2557 – 31 พฤษภาคม 2558

นอกจากนี้ธนาคารยังได้พัฒนาคุณภาพการให้บริการเพื่อสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าทุกกลุ่มเป้าหมาย อาทิ การจัดโครงการ Peak Day ซึ่งผู้บริหารระดับสูงจะร่วมกับพนักงานให้บริการลูกค้าด้วยตัวเอง ทั้งการรับชำระหนี้เงินกู้ปิดบัญชี และให้คำปรึกษาด้านเงินกู้ รวมถึงการรับฟังเสียงของลูกค้า (Voice of Customers) และนำมาปรับปรุงการบริการให้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นส่งเสริมให้พนักงานปฏิบัติตนตามแบบอย่างที่ดีตามค่านิยมขององค์กร (G-I-V-E- Values) ซึ่งประกอบด้วย ยึดมั่นธรรมาภิบาล (G :Good Governance) สร้างสรรค์สิ่งใหม่ (I : Innovative Thoughts ) ร่วมใจทำงาน (V : Value Teamwork) และ บริการเป็นเลิศ (E : Excellent Services) อีกทั้งยังขยายพื้นที่การให้บริการแก่ลูกค้าประชาชน โดยการเปิดสาขาใหม่ในปี 2557 จำนวน 12 แห่ง และขยายพื้นที่การให้บริการของสาขาเดิมอีก  9 แห่งในปี 2557 โดยเฉพาะตามหัวเมืองใหญ่ในภูมิภาคต่างๆ ส่งผลให้ ณ สิ้นปี 2557 ธนาคารจะมีจำนวนสาขารวม  202 แห่ง ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการของ ธอส. ได้สะดวกยิ่งขึ้น

นางอังคณา กล่าวในตอนท้ายว่า นอกจากการดำเนินธุรกิจแล้ว ธอส. ยังคงให้ความสำคัญกับนโยบายการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม(CSR) โดยเฉพาะการจัดกิจกรรมภายใต้แนวคิด “บ-ว-ร” หรือ การพัฒนา “บ้าน-วัด-โรงเรียน” ซึ่งถือเป็น 3 เสาหลักระดับชุมชนที่มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม โดยดำเนินการไปแล้วในหลายพื้นที่ทั้งในกรุงเทพมหานคร และต่างจังหวัด อาทิ อยุธยา ฉะเชิงเทรา ประจวบคีรีขันธ์ น่าน ปทุมธานี นครราชสีมา ชลบุรี เชียงใหม่ สงขลา เชียงราย และพังงา โดยตั้งแต่ปี 2553 ธอส.สามารถช่วยเหลือ สร้าง-ซ่อมแซมบ้านให้ประชาชนผู้ด้อยโอกาสทั่วประเทศ รวมกว่า 1,700 หลัง 
 

บันทึกโดย : วันที่ : 21 ต.ค. 2557 เวลา : 14:35:25
26-12-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ December 26, 2024, 9:45 pm