"ธุรกิจหนังสือ" ถือเป็นหนึ่งในธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบทางด้านเศรษฐกิจและการเมืองที่เกิดขึ้นเนื่องจากหนังสือเป็นสินค้าที่ไม่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิตในปัจจุบัน ขณะเดียวกันการตัดสินใจซื้อหนังสือในแต่ละเล่มต้องมีองค์ประกอบในด้านของอารมณ์เข้ามาช่วยสนับสนุน เมื่อมีปัจจัยลบภายนอกมากจึงส่งผลกระทบ ความถี่ในการซื้อหนังสือปรับตัวลดลงตามลำดับ
จากผลกระทบที่เกิดขึ้นดังกล่าว ส่งผลให้ผู้ประกอบการในธุรกิจหนังสือต้องปรับแผนการดำเนินธุรกิจ ด้วยการหาธุรกิจที่ต่อเนื่องเข้ามาช่วยเสริมความแข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจออนไลน์ การจัดงานแฟร์ การจัดงานสัมมนา หรือการเปิดโรงเรียนกวดวิชา เพื่อให้ธุรกิจสามารถเดินหน้าต่อไปได้ เพราะจากจำนวนผู้อ่านและจำนวนผู้ซื้อที่ปรับลดลงในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ส่งผลให้ผู้ประกอบการในธุรกิจต้องปรับลดการเปิดตัวหนังสือใหม่เข้าสู่ท้องตลาด
อย่างไรก็ตาม จากแนวโน้มเศรษฐกิจของไทยที่เริ่มปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น ภายหลังจากก้าวเข้าสู่ไตรมาส 3 ต่อเนื่องถึงไตรมาส 4 ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องหันมาเปิดตัวหนังสือปกใหม่เข้ามาทำตลาดมากขึ้น เพื่อรองรับการจัดงานมหกรรมหนังสือระดับชาติครั้งที่ 19 ซึ่งได้จัดขึ้นในช่วงกลางเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา แม้ว่าจะรับทราบถึงสถานการณ์ดีว่าปริมาณการซื้อต่อคนจะปรับตัวลดลง แต่ก็ยังดีกว่าไม่ออกมาทำการตลาดอะไรเลย
ด้วยเหตุปัจจัยดังกล่าว ส่งผลให้ บริษัท นานมีบุ๊ค จำกัด ต้องออกมาปรับแผนการดำเนินธุรกิจครั้งใหญ่ ด้วยการเปิดตัวธุรกิจโรงเรียนกวดวิชา ภายใต้ชื่อ "โก จีเนียส" เพื่อต่อยอดธุรกิจหนังสือ หลังจากทดลองเปิดร้านแว่นแก้วมาระยะหนึ่งแล้ว ค้นพบว่า กลุ่มเป้าหมายที่ต้องการเข้าไปทำตลาดจริงๆแล้วควรเป็นกลุ่มเป้าหมายไหน
น.ส. คิม จงสถิตย์วัฒนา รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท นานมีบุ๊ค จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจสำนักพิมพ์นานมีบุ๊ค ร้านหนังสือนานมีบุ๊ค และร้านแว่นแก้ว กล่าว่า หลังจากบริษัทได้เปิดให้บริการโรงเรียนกวดวิชาภายใต้ชื่อ "โก จีเนียส" เข้าทดลองทำตลาดที่ศูนย์การค้าพาราไดซ์ พาร์ค เมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา พบว่าได้ผลการตอบรับที่ดีจากลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ซึ่งจะเป็นเด็กอายุระหว่าง 3-12 ปี เนื่องจากรูปแบบการสอนของโรงเรียนกวดวิชาโก จีเนียส จะมีความแตกต่างไปจากโรงเรียนกวดวิชาทั่วไป เนื่องจากจะมีการนำสื่อการสอนจากต่างประเทศเข้ามาผสมผสานกับการสอนภายในโรงเรียนด้วย
สำหรับวิชาที่โรงเรียนกวดวิชา โก จีเนียส ได้จัดหลักสูตรการสอนมีอยู่ด้วยกัน 3 วิชา ประกอบด้วย 1.วิชาคิดตี้ จีเนียส จะเป็นวิชาเกี่ยวกับการเสริมสร้างพัฒนาการทางกล้าม การขยับร่างกาย ราคาเฉลี่ยต่อคอร์สอยู่ที่ประมาณ 3,800 บาทต่อเดือน 2.วิชาวิทยาศาสตร์ สำหรับอายุ 6-12 ปี ภายในห้องเรียนจะมีการทดลองทางวิทยาศาสตร์ทั้งแบบเดี่ยวและแบบกลุ่ม ภายในห้องเรียนจะมีการนำสื่อการสอนจากต่างประเทศเข้ามาช่วยเสริมทักษะในการเรียน โดยในส่วนของราคาเรียนจะเฉลี่ยอยู่ที่กว่า 300 บาทต่อชั่วโมง ส่วนวิชาที่ 3. จะเป็นวิชาคณิตศาสตร์ หรือ แมท วิซ สอนทักษะวิธีการคำนวนในรูปแบบต่างๆ ในแต่ละชั่วโมงจะมีราคาเรียนเฉลี่ยอยู่ประมาณ 500 บาท
การออกมาเปิดโรงเรียนกวดวิชา โก จีเนียส ในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งในกลยุทธ์การสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจร้านหนังสือแว่นแก้ว เนื่องจากแนวทางการดำเนินธุรกิจนับจากนี้ บริษัทจะหันมาเจาะกลุ่มเป้าหมายเด็กมากขึ้น คิดเป็นอัตราส่วน 80% ที่เหลืออีก 20% เป็นกลุ่มผู้ใหญ่ เพราะปัจจุบันยังไม่มีผู้ประกอบการร้านหนังสือเข้ามาเจาะกลุ่มเป้าหมายเด็กอย่างจริงจัง บริษัท นานมีบุ๊ค จึงเล็งเห็นโอกาสดังกล่าว
นส.คิม กล่าวว่า ก่อนหน้านี้บริษัทยังหาตัวตนของร้านไม่เจอ ทำให้เวลาลูกค้าเข้ามาในร้านจะเห็นหนังสือที่หลากหลายมาก ขณะที่สัดส่วนกลุ่มเป้าหมายก็จะเป็นเด็ก 60% ผู้ใหญ่ 40% แต่หลังจากเราปรับแผนการดำเนินธุรกิจ ด้วยการจับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจมากขึ้น เพื่อนำหนังสือเด็กกว่า 6,000 ปก เข้ามาจำหน่าย ส่งผลให้ร้านแว่นแก้วมีโพซิชันนิ่งชัดเจนมากขึ้น
ปัจจุบัน บริษัท นานมีบุ๊ค มีพันธมิตรทางธุรกิจที่ผลิตหนังสำหรับเด็ก นำหนังสือเข้ามาจำหน่ายในร้านแว่นแก้วอยู่ที่ประมาณ 192 สำนักพิมพ์ แบ่งเป็นสำนักพิมพ์เด็ก 130 สำนักพิมพ์ และสำนักพิมพ์สำหรับผู้ใหญ่ 62 สำนักพิมพ์ ในจำนวนสำนักพิมพ์ดังกล่าวนำหนังสือเข้ามาจำหน่ายภายในร้านแว่นแก้วกว่า 6,000 ปก แบ่งเป็นหนังสือภาษาไทย 80% และภาษาอังกฤษ 20%
หลังจากประกาศแผนการต่อยอดธุรกิจด้วยการหันมาเปิดโรงเรียนกวดวิชา โก จีเนียส เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจแล้ว ในส่วนของร้านหนังสือภายใต้แบรนด์แว่นแก้วและร้านนานมีบุ๊ค ก็ยังคงเดินหน้าขยายต่อไปโดยเฉพาะร้านแว่นแก้ว โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาทำเลของร้านนานมีบุ๊คว่ามีสาขาไหนบ้างที่มีศักยภาพพร้อมนำมาปรับปรุงร้านเป็นร้านแว่นแก้ว ซึ่งจะเป็นร้านหนังสือและสื่อการสอนสำหรับเด็ก
น.ส.คิม กล่าวต่อว่า แผนการดำเนินธุรกิจในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปีนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าทำการตลาดธุรกิจเดิมที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นร้านนานมีบุ๊ค หรือร้านแว่นแก้ว ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนสาขาเปิดรวมกันอยู่ที่ประมาณ 8 สาขา แบ่งเป็นร้านนานมีบุ๊ค 4 สาขา และร้านแว่นแก้ว 4 สาขา ส่วนแผนการปรับปรุงร้านนานมีบุ๊คให้เป็นร้านแว่นแก้วในช่วง 2 เดือนที่เหลือของปีนี้ บริษัทยังไม่มีแผนที่จะปรับปรุงร้านนานมีบุ๊คที่เหลืออีก 4 สาขา เนื่องจากต้องการรอดูผลการตอบรับของทั้ง 4 สาขาก่อน ไม่ว่าจะเป็นสาขาพระราม 3 สาขาเชียงใหม่ สาขาขอนแก่น หรือสาขาสุขุมวิท 31
ทั้งนี้ ในส่วนของร้านแว่นแก้ว สาขาสุขุมวิท 31 ถือเป็นสาขาล่าสุดที่เปิดให้บริการ ภายใต้งบลงทุนในการปรับปรุงร้านจากนานมีบุ๊คเป็นร้านแว่นแก้วที่ประมาณ 10 ล้านบาท สูงกว่าทุกร้านที่ได้ทำการปรับปรุงปรุง ซึ่งจะใช้งบปรับปรุงเฉลี่ยต่อสาขาที่ประมาณ 5 ล้านบาท เนื่องจากต้องการให้สาขาดังกล่าวเป็นร้านแฟลกชิป สโตร์ ของร้านแว่นแก้ว
จุดเด่นของร้านแว่นแก้วสาขา สุขุมวิท 31 จะเป็นสาขาที่มีทั้งหนังสือ สื่อการเรียนการสอน บรรยากาศร้าน และกิจกรรมที่หลากหลายไว้คอยบริการลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ ภายใต้คอนเซ็ปต์ B E S T ประกอบด้วย B คือ Book หรือการรวบรวมสุดยอดหนังสือที่หลากหลายที่สุด พร้อมกับจัดโซนตามช่วงอายุการเรียนรู้ตั้งแต่เด็กเล็กจนถึงผู้ใหญ่
นอกจากนี้ ยังได้รวบรวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่ผ่านการอบรม เพื่อทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้คำแนะนำเกี่ยวกับหนังสือที่เหมาะสมตามวัยและความสนใจของเด็ก เนื่องจากเป้าหมายหลักของร้านแว่นแก้ว คือ ให้เด็กไทยและเยาวชนรักการอ่านและการเรียนรู้ โดยต้องเข้าถึงหนังสือและนวัตกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลาย ครอบคลุมตั้งแต่เด็กเล็กจนถึงเยาวชนอายุ 18 ปี ซึ่งลักษณะของหนังสือก็จะต่างกัน ยกตัวอย่าง กลุ่ม ยัง-รีดเดอร์ ในวัยประถมที่เริ่มอ่านก็ต้องมีภาพประกอบแทรกในหน้า ส่วนหนังสือสำหรับเยาวชน 18 ปีขึ้นไป ถือเป็นวัยที่ก้าวเข้าสู่การเป็นผู้ใหญ่ จะเป็นแนวพัฒนาตนเอง การค้นพบเส้นทางของตัวเอง โดยผู้เขียนที่เป็นกูรูด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือต่างประเทศ
E หรือ education toys สื่อเสริมพัฒนาการเรียนรู้สำหรับเด็ก เสริมพัฒนาการเรียนรู้ของเยาวชน ซึ่งจะประกอบไปด้วย สื่อวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ รวมไปถึงของเล่นเพื่อการเรียนรู้ประเภทแฮนด์ออน หรือของเล่นที่ต่อยอดจากการเรียนรู้สู่การปฏิบัติจริงเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ ฝึกให้ขบคิดและจดจำ เช่น ชุดสิ่งประดิษฐ์โซลาร์เซลล์ จิ๊กซอว์ลูกบาศก์โปรงแสงสีแม่สี สำหรับเรียนรู้เรื่องสีและโครงสร้าง
ขณะที่ S หรือ smart learning คือ กิจกรรมเสริมสร้างจินตนาการและการเรียนรู้ กิจกรรมเล่านิทาน การทดลองทางวิทยาศาสตร์ โดยกำหนดจัดทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00 น.และ 14.00 น. และปิดท้ายด้วย T หรือ talent การสร้างบรรยากาศดึงดูดให้เด็กสนใจการอ่านและเรียนรู้ สะท้อนให้เห็นจากบรรยากาศการออกแบบของร้าน เช่น ผจญภัยในอาณาจักรแมลงกับกำแพงแมลง 3 มิติ & ฝูงแมลงยักษ์ รวมถึง Wall of Why? กำแพงกระตุกต่อมสงสัย และโมเดลทีเร็กซ์ขนาดยักษ์กับมังกรพ่นไฟ
สำหรับกลยุทธ์การทำตลาดร้านแว่นแก้ว จะเน้นการทำตลาดเชิงรุก ด้วยการจัดกิจกรรมเสริมสร้างจินตนาการและเพิ่มทักษะการเรียนรู้ทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย การออกมาทำกิจกรรมในรูปแบบดังกล่าวนอกจากจะช่วยเสริมสร้างความรู้และพัฒนาการต่างๆ ให้กับเด็กๆ แล้ว ยังถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ในการสร้างความเชี่ยวชาญให้กับพนักงานในด้านของการแนะนำหนังสือตามวัย เพื่อเพิ่มความสนใจให้กับลูกค้าอีกด้วย
หลังจาก บริษัท นานมีบุ๊ค เดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย ประกอบกับ ช่วงปลายปี บริษัท นานมีบุ๊ค ได้เข้าร่วมงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 19 ซึ่งโดยภาพรวมมียอดขายเติบโตกว่าการจัดงานในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และมั่นใจว่าสิ้นปีนี้น่าจะมีรายได้เติบโตใกล้เป้าหมายที่วางไว้ประมาณ 20% หลังจากภาพรวม 10 เดือนที่ผ่านมา ยอมรับว่ามีรายได้เติบโตกว่า 10% ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้
การออกมาปรับแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัท นานมีบุ๊คในครั้งนี้ ถือเป็นเพียงหนึ่งตัวอย่างของการปรับตัว เพื่อพยุงให้ธุรกิจอยู่รอด เพราะนับวันคนไทยจะหยิบหนังสือมาอ่านน้อยลง เนื่องจากคนไทยเริ่มหันไปอ่านหรือหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตกันมากขึ้น
ข่าวเด่น