ธุรกิจกลุ่มสินค้าของเล่นเด็ก ถือเป็นอีกหนึ่งกลุ่มธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบทางด้านเศรษฐกิจและการเมืองที่เกิดขึ้นในช่วงต้นปีที่ผ่านมา เนื่องจากการตัดสินใจซื้อสินค้าของเล่นเด็กแต่ละชิ้น ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพ่อแม่ผู้ปกครอง เมื่อกำลังซื้อของพ่อแม่ผู้ปกครองปรับตัวลดลง เพราะภาระหนี้สินในครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น บวกกับยังไม่เชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวจริง จึงทำให้ระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย
จากผลกระทบที่เกิดขึ้นดังกล่าว ส่งผลให้ผู้ประกอบการในธุรกิจของเล่นเด็กต้องปรับแผนการทำตลาด หนึ่งในนั้นคือ บริษัท ดรีมทอย จำกัด ซึ่งกลยุทธ์ที่เลือกนำมาใช้ในตอนนี้ คือ หันมาทำตลาดกลุ่มสินค้าของเล่น เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าผู้ใหญ่ เนื่องจากกลุ่มลูกค้าดังกล่าวเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อและสามารถตัดสินใจซื้อสินค้าได้ด้วยตัว จึงทำให้ลดความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจได้เป็นอย่างดี
นายธนพล กิจเลิศไพโรจน์ ผู้บริหารสายการตลาด บริษัท ดรีมทอย จำกัด กล่าวว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจนับจากนี้ บริษัทจะหันมารุกทำตลาดกลุ่มสินค้าโมเดลกันดั๊มในรูปแบบกันพลามากขึ้น เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายของสินค้าดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้ใหญ่ และเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ จึงทำให้ไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบทางด้านเศรษฐกิจเหมือนกับกลุ่มสินค้าของเล่นสำหรับเด็กโดยตรง
ปัจจัยลบเศรษฐกิจและการเมืองที่เกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา บริษัท ดรีมทอย ยอมรับว่าส่งผลกระทบต่อยอดขายกลุ่มสินค้าของเล่นสำหรับเด็กพอสมควร โดยเฉพาะช่องทางจำหน่ายในห้างสรรพสินค้า เห็นได้จากยอดขายที่ปรับตัวลดลงสูงถึง 30% เนื่องจากพ่อแม่ผู้ปกครองหันมาระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย
หลังจาก บริษัท ดรีมทอย ออกมาปรับแผนการทำตลาด ด้วยการหันมาทำตลาดกลุ่มของเล่น เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าผู้ใหญ่และนักสมสมโมเดลกันดั๊มมากขึ้น ส่งผลให้ภาพรวมยอดขายตั้งแต่ต้นเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา เริ่มปรับตัวในทิศทางดี เนื่องจากบริษัท ดรีมทอย มีการขยายช่องทางจำหน่ายเพิ่มขึ้นควบคู่ไปกับการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆ เข้ามาทำตลาด จึงทำให้มียอดขายกลุ่มสินค้าโมเดลกันดั๊มเพิ่มขึ้นสูงถึง 35%
นายธนพล กล่าวว่า การที่ห้างสรรพสินค้ามีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับบริษัทมีการนำสินค้ากลุ่มสินค้าโมเดลกันดั๊มเข้าไปทำตลาดในช่องทางไฮเปอร์มาร์เก็ต เช่น เทสโก้ โลตัส ประกอบกับซีรียส์การ์ตูนเรื่อง กันดั้ม บิลด์ ไฟท์เตอร์ ที่ออกอากาศทางช่อง 9 ได้รับความนิยม จึงทำให้ยอดขายกลุ่มสินค้าโมเดลกันดั๊มเติบโตเพิ่มมากขึ้น
ล่าสุดบริษัท ดรีมทอย ได้จับมือร่วมกับบริษัท บันได ฮ่องกง ใช้งบ 5 ล้านบาท จัดงาน กันพลา เอ็กโป ไทยแลนด์ 2014 (GUNPLA EXPO THAILAND 2014) ระหว่างวันที่ 29 ต.ค.-2 พ.ย. ที่ลานอินฟินิซิตี้ ฮอลล์ ศูนย์การค้าสยามพารากอน จัดแสดงสินค้ากันพลา ซีรียส์ต่างๆ พร้อมจำหน่ายสินค้าราคาพิเศษภายในงาน เพื่อสร้างสีสันและกระตุ้นยอดขายในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้
ทั้งนี้ ภายในงานจะมีกับการจัดแสดง Display Gunpla ในซีรียส์ต่างๆ เช่น Gundam Unicorn / Gundam SEED / Gundam AGE และซีรียส์ใหม่ล่าสุดอย่าง Gundam Build Fighter รวมไปถึง Model Gunpla ในหมวดหมู่อื่นๆ อีกมากมาย พร้อมไฮไลท์พิเศษในงาน การจัดแข่งขันประกวด “Gunpla Builder World Cup 2014 in Thailand ” เพื่อค้นหาสุดยอดโมเดลเลอร์เป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่งชิงแชมป์โลกที่ประเทศญี่ปุ่น
นอกจากนี้ เพื่อฉลองครบรอบ 35 ปี ของกันดั๊ม บริษัท ดรีมทอย ยังได้จัดเพิ่มความพิเศษภายในการจัดงานดังกล่าว ด้วยโดยการนำหุ่น Gundam RX78-2 ขนาด Mega size ที่นำมาโมดิฟายด์สีในรูปแบบคาแร็คเตอร์ของหุ่นจากซีรีย์ต่างๆ เช่น ธีมสีเหลืองของหุ่น Beargguy III(san)จากซีรีย์ Gundam Build Fighter ซึ่งจะเป็นดิส์เพลย์หุ่นในรูปแบบการโชว์ครั้งแรกในประเทศไทย
นายธนพล กล่าวต่อว่า ราคาสินค้ากันดั๊ม ปัจจุบันบริษัทคงจำหน่ายในราคาเดิม คือ เริ่มต้นที่ประมาณ 500 บาท ถึง 30,000 บาท ซึ่งในส่วนของราคาที่จำหน่ายภายในงานจะมีการจัดโปรโมชั่นต่างๆ เพื่อกระตุ้นยอดขาย เช่น การลดราคาสินค้า 30% ขึ้นไป เมื่อซื้อสินค้าตามเงื่อนไขที่กำหนด
หลังจากออกมาทำกิจกรรมส่งเสริมการขายภายในงาน กันพลา เอ็กโป ไทยแลนด์ 2014 บริษัท ดรีมทอย คาดว่าจะมียอดขายจากการจัดงานเติบโตจากปี 2556 ไม่ต่ำกว่า 20% เนื่องจากกระแสการตอบรับหลังจากออกมาทำกิจกรรมส่งเสริมการขายกลุ่มสินค้า กันดั๊ม มากขึ้นตั้งแต่ต้นเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา ลูกค้าให้ผลการตอบรับที่ดี เห็นได้จากยอดขายที่เพิ่มสูงขึ้นถึง 35%
สำหรับแผนการทำตลาดในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปีนี้ บริษัท ดรีมทอย มีแผนที่จะเปิดตัวสินค้าใหม่เข้ามาทำตลาดเพิ่มขึ้นอีก 2 รายการ เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า ซึ่งภายหลังจากเปิดตัวสินค้าใหม่กลุ่มโมเดลกันดั๊ม ในรูปแบบกันพลา เข้ามาทำตลาดเพิ่มขึ้นคาดว่าสิ้นปีจะมียอดขายกลุ่มสินค้ากันดั๊มเติบโตไม่ต่ำกว่า 35% สูงกว่าเป้าหมายเดิมที่วางไว้ว่าจะมียอดขายในกลุ่มสินค้าดังกล่าวเติบโตที่ 20%
นายธนพล กล่าวปิดท้ายว่า หลังจากบริษัทออกมาปรับแผนการดำเนินุรกิจและออกมาทำกิจกรรมการตลาดมากขึ้นในช่วงไตรมาสสุดนี้ บริษัทมั่นใจว่าภาพรวมรายได้ของสิ้นปีนี้จะมีอัตราการเติบโตเป็นไปตามเป้าหมายที่ 15% อย่างแน่นอน แม้ว่าช่วง 3 ไตรมาสที่ผ่านมาจะมีภาพรวมรายได้ต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ แต่หลังจากออกมาปรับแผนรุก ด้วยการหันมาทำตลาดในกลุ่มสินค้าที่ลูกค้าสามารถตัดสินใจซื้อสนค้าได้ด้วยตัวเองอย่างกันพลา จึงทำให้ ดรีมทอย มีความมั่นใจกับเป้าหมายยอดขายที่วางไว้มากขึ้น
ด้านนายอมรชัย นาคศุภมิตร นายกสมาคมอุตสาหกรรมของเล่นไทย กล่าวว่า ภาพรวมตลาดของเล่นในประเทศไทยปีนี้มีแนวโน้มปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบในด้านภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว และปัจจัยลบด้านความวุ่นวายทางการเมือง ซึ่งในส่วนของสมาคมพยายามให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการในธุรกิจของเล่น ด้วยการจัดฝึกอบรมให้ความรู้ การพัฒนาตลาด และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อให้สินค้าที่พัฒนาออกสู่ท้องตลาดตรงกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
นอกจากนี้ สมาคมอุตสาหกรรมของเล่นไทย ยังมีแผนที่จะผลักดันให้ผู้บริโภคเห็นประโยชน์ในกลุ่มสินค้าของเล่น ซึ่งสามารถฝึกพัฒนาการทางสมองของเด็กได้ ขณะเดียวกันผู้ประกอบการเองก็ควรมีความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจประเทศไทย แม้ว่าปีนี้ตลาดของเล่นเด็กจะมีปัญหา และส่งผลให้ภาพรวมอุตสาหกรรมของเล่นไทยเติบโตต่ำที่สุดในรอบ 5-6 ปี จากปกติภาพรวมตลาดจะมีอัตราการเติบโตต่อปีอยู่ที่ประมาณ 7-8%
ปัจจุบันตลาดของเล่นในประเทศมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 7,000-8,000 ล้านบาท ในมูลค่าดังกล่าวเป็นตลาดของเล่นระดับกลางประมาณ 25-30% อีกที่เหลือประมาณ 65-70% เป็นตลาดของเล่นระดับล่าง ซึ่งในส่วนของตลาดของเล่นระดับกลางถือเป็นตลาดที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบด้านเศรษฐกิจและการเมืองมากที่สุด เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายหลักจะอยู่ในกรุงเทพฯและหัวเมืองใหญ่
อย่างไรก็ดี ในส่วนของตลาดส่งออกสินค้าเด็กในปีนี้ ยังมีอัตราการเติบโตที่ดีอยู่ที่ประมาณ 8-9% หรือมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 7,000-8,000 ล้านบาท มีตลาดหลักอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และกลุ่มประเทศยุโรป ส่วนตลาดส่งออกที่มีการขยายตัวดี คือ เกาหลี มีอัตราการเติบโตถึง 140%
หลังจากผู้ประกอบการในตลาดของเล่นออกมาปรับแผนรุก ด้วยการเปิดตัวสินค้าใหม่และออกมาทำกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าน่าจะช่วยกู้ยอดขายให้ผู้ประกอบการและกระตุ้นให้ภาพรวมตลาดของเล่นฟื้นตัวในทิศทางที่ดีขึ้นกว่าต้นปีที่ผ่านมาอย่างแน่นอน เพราะการออกมาปรับแผนการทำตลาดด้วยการนำสินค้าใหม่ๆเข้ามาทำตลาดที่ตรงกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ย่อมได้รับความสนใจ และนำมาซึ่งยอดขาย.
ข่าวเด่น