ในฟุตบอลลีกของแต่ละประเทศ มักจะมีคู่ที่หลายคนจับมามอง ซึ่งในคืนวันอาทิตย์ที่ 2 พฤศจิกายน นี้ ในพรีเมียร์ลีกของอังกฤษ ก็ถึงเวลาของคู่หนึ่งที่น่าจับตามอง คือ "ปิศาจแดง"แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีคิวบุกไปเยือนรังเอติฮัต สเตเดียม ของ "เรือใบสีฟ้า"แมนเชสเตอร์ ซิตี้
ผลงานนัดล่าสุดของ "แมนฯยูฯ" ในศึกพรีเมียร์ลีก คือ การเสมอกับ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี ซึ่งเป็นทีมจ่าฝูงของตารางขณะนี้ไป 1 -1 ชนิดรอดพ้นจากความพ่ายแพ้แบบเส้นยาแดงผ่าแปด เพราะมาได้ประตูตีเสมอเอาช่วงท้ายของการทดเวลา จาก "โรบิน ฟาน เพอร์ซี"
ขณะที่ "แมนฯซิตี้" ผลงานในศึกพรีเมียร์ลีก นัดล่าสุด พ่าย "ขุนค้อน"เวสต์แฮม และเมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา ก็พ่ายต่อ
"สาลิกาดง" นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด กระเด็นตกรอบ 4 ศึกแคปิตอล วัน คัพ ไปอย่างพลิกความคาดหมาย
ซึ่ง "มานูเอล เปเยกรินี" กุนซือของแมนฯซิตี ก็ยอมรับว่าผลงานทั้ง 2 นัด ทั้งเกมที่แพ้ เวสต์แฮม และแพ้ นิวคาสเซิล นั้น ลูกทีมของเขาเล่นได้ไม่ดีเลย เล่นเหมือนไม่มั่นใจในตัวเอง ซึ่งในเกมที่พบกับ แมนฯยูฯ เขาหวังว่าทีมจะทำผลงานได้ดีขึ้น และจะคว้าชัยชนะได้
ขณะที่ทางด้าน แมนฯยูฯ เกมนี้จะได้ "เวย์น รูนีย์" กลับมาลงเล่นได้ หลังจากพ้นโทษแบน 3 นัดที่เขาได้จากเกมที่โดนใบแดงไล่ออกในเกมกับเวสต์แฮม รวมถึงเกมนี้ แมนฯยูฯ จะได้ "ไมเคิล คาร์ริก" กลับมาลงเล่นเป็นตัวจริงได้ หลังจากหายเจ็บ แต่ยังต้องรอลุ้นว่า "ฟิล โจนส์" จะฟิตทันลงเล่นหรือไม่ ขณะที่ฝั่งของ แมนฯซิตี จะไม่มี "แฟรงก์ แลมพาร์ด" ที่เจ็บน่อง ขณะที่ "ดาบิด ซิลวา" และ "ซาเมียร์ นาสรี" ยังต้องลุ้นว่าจะฟิตทันลงเล่นหรือไม่
สำหรับสถานการณ์ในตารางตอนนี้ แมนฯซิตี อยู่อันดับ 3 ของตาราง มี 17 คะแนน จาก 9 นัด ตามหลังจ่าฝูง เชลซี อยู่ 6 คะแนน และตามหลัง เซาแธมป์ตัน อยู่ 2 คะแนน ขณะที่ แมนฯยูฯ อยู่อันดับ 8 มี 13 คะแนน
งานนี้ใครจะแพ้ใครจะชนะ หรือจะเสมอกัน ต้องลุ้นเอา
ข่าวเด่น