2 ปัจจัยหลักที่ทำให้ราคาทองคำในประเทศขณะนี้ปรับตัวลงอย่างรุนแรง จนแตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปี กว่า นับตั้งแต่เดือนเมษายน 2553 เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่นๆ หลังจากที่พรรครีพับลิกันสามารถคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งสมาชิกสภาคองเกรสในศึกเลือกตั้งกลางเทอม ซึ่งทำให้พรรครีพับลิกันสามารถครองเสียงข้างมากทั้งในวุฒิสภาสหรัฐและสภาผู้แทนราษฎรเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2006 หรือในรอบกว่ า 8 ปี
ทำให้นักลงทุนเชื่อว่า จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจสหรัฐ เนื่องจากพรรครีพับลิกันมีนโยบายที่เป็นมิตรต่อการทำธุรกิจมากกว่า โดยนักวิเคราะห์กล่าวว่า ตราบใดที่เศรษฐกิจสหรัฐยังฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องและเงินดอลลาร์ยังแข็งค่า ราคาทองคำก็จะได้รับแรงกดดันต่อไป
ซึ่งราคาทองคำที่ปรับตัวลดลง ยังได้รับแรงกดดันจาก ผลการประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่น(บีโอเจ)ที่มีมติ 5 ต่อ 4 เสียง ให้ผ่อนคลายนโยบายการเงินมากขึ้น โดยเพิ่มฐานเงิน หรือเงินสดและเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับบีโอเจในอัตรา 80 ล้านล้านเยน หรือราว 7.26 แสนล้านดอลลาร์ ต่อปี จากเดิมที่ระดับ 60-70 ล้านล้านเยน
นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวว่า ราคาทองคำในตลาดโลกได้ปรับลดหลุดแนวรับสำคัญที่ระดับ 1,175 ดอลลาร์ต่อออนซ์และปรับลดลงต่อเนื่อง โดยมีสาเหตุมาจากนักลงทุน ประเมินทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐดีขึ้น และมีปัจจัยใหม่ล่าสุดจากบีโอเจ ดังนั้นตอนนี้ถือว่า เป็นช่วงที่เหมาะสมหากจะทยอยซื้อ เพราะเชื่อว่าราคาทองคำน่าจะปรับลดลงอีกไม่มาก
ขณะที่ บจ.วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส บอกถึงสถานการณ์ราคาทองคำในขณะนี้ว่า ราคาทองคำสปอตต่างประเทศร่วงลงไปแตะจุดต่ำสุดนับตั้งแต่กลางปี 2010 เนื่องจากการพุ่งขึ้นของดอลลาร์ได้ลดความน่าดึงดูดของทองคำลง ขณะที่ราคาโลหะเงินร่วงลงไปแตะจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปี 2010 เช่นกัน แต่ราคาทองที่ลดลง
ก็กระตุ้นให้ผู้บริโภคมีความต้องการซื้อทองคำและโลหะเงินเพิ่มขึ้น
ด้านกลยุทธ์การลงทุน วายแอลจีแนะนำ สำหรับผู้ที่ไม่มีทองคำในมือ แนะนำให้ลงทุนระยะสั้นโดยรอซื้อเมื่อราคาย่อตัวลงไปบริเวณแนวรับที่ 1,132 หรือ 1,122 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และให้ขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวขึ้น และหากราคาทองคำไม่สามารถยืนเหนือแนวต้านได้อย่างแข็งแกร่ง นักลงทุนต้องระมัดระวังแรงขายทางเทคนิคและนักลงทุนควรตั้งจุดตัดขาดทุนหากราคาหลุดบริเวณแนวรับ เพื่อลดความเสียหายของพอร์ทการลงทุน ในขณะที่นักลงทุนที่มีทองคำในมือ ให้ขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัว หรือไม่ผ่านบริเวณแนวต้าน 1,151 หรือ 1,160 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แล้วรอไปซื้อคืนบริเวณแนวรับสำคัญ
ข่าวเด่น