จากการขยายตัวของเมืองที่เริ่มขยับขยายความเจริญไปสู่ชานเมืองมากขึ้น ประกอบกับภาครัฐบาลออกมาประกาศใช้งบก้อนโตในการก่อสร้างรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายในเส้นทางต่างๆ ส่งผลให้ธุรกิจในย่านชานเมืองเริ่มมีความคึกคักมากขึ้น
ย่านบางนา และสำโรง ถือเป็นอีกหนึ่งย่านที่เริ่มมีความคึกคัก เนื่องจากล่าสุดภาครัฐได้ออกมาประกาศเดินหน้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ พร้อมกับอนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมอีกจำนวน 630 ล้านบาท เป็น 1,305 ล้านบาท จ่ายค่าชดเชยเวนคืนกรรมสิทธิ์ที่ดิน เพื่อเร่งดำเนินการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียวให้แล้วเสร็จตามกรอบเวลาที่กำหนด
เหตุปัจจัยดังกล่าว ส่งผลให้ผู้ประกอบการทั้งในส่วนของธุรกิจค้าปลีก และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เริ่มออกมาขยับขยายและจับจองที่ดิน เพื่อพัฒนาธุรกิจกันอย่างคึกคัก ส่งผลให้ผู้ประกอบการรายเดิมเริ่มอยู่นิ่งไม่ได้ จากเดิมอาจเป็นเสือนอนกินอยู่เฉยๆ ต้องเร่งออกมาปรับตัว เพื่อให้สามารถแข่งขันกับผู้เล่นรายใหม่ที่จะเข้ามาท้าชิงส่วนแบ่งการตลาด
กลุ่ม บริษัทอิมพีเรียล เวิร์ด สำโรง ถือเป็นหนึ่งผู้ประกอบการที่ออกมาประกาศปรับแผนรุก เพื่อรับมือกับการแข่งขันที่กำลังจะเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจค้าปลีก ซึ่งล่าสุด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป ได้ออกมาประกาศปักหมุดศูนย์การค้าแบงค็อก มอลล์ เป็นศูนย์กลางทางการค้าและศูนย์กลางธุรกิจในย่านทิศตะวันออก
ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ ก็ต่างออกมาจับจองที่ดินประกาศขึ้นคอนโดมิเนียมหรู เพื่อรองรับลูกค้าที่จะขยายตัวมาตามเส้นรถไฟฟ้าสายสีเขียว ไม่ว่าจะเป็น บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน)
นายโอฬาร กิจเลิศไพโรจน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ศูนย์การค้าอิมพีเรียล เวิลด์ สำโรง กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาแผนการขยายธุรกิจในเครือร่วมกับที่ปรึกษาของบริษัท เพื่อรองรับการขยายตัวของเมือง ภายหลังจากภาครัฐมีการอนุมัติงบประมาณก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วงแบริ่ง –สมุทรปราการ ซึ่งจะผ่านด้านหน้าของศูนย์การค้าอิมพีเรียล เวิลด์ สำโรง
ทั้งนี้ การเกิดขึ้นของรถไฟฟ้าสายดังกล่าว ส่งผลให้กลุ่มบริษัท อิมพีเรียล ต้องออกมาเตรียมความพร้อม เพื่อรับมือการแข่งขันที่คาดว่าจะมีความรุนแรงมากขึ้น ภายหลังจากมีผู้เล่นรายใหญ่ ทั้งในส่วนของธุรกิจค้าปลีก และอสังหาริมทรัพย์ เข้ามาขยายธุรกิจในย่านบางนาและสำโรงมากขึ้น ซึ่งเบื้องต้นกลุ่ม บริษัท อิมพีเรียล คาดว่าจะศึกษาแผนทั้ง 3 ธุรกิจแล้วเสร็จได้ประมาณปี 2560 หลังจากนั้นจะเริ่มดำเนินการวางแผนขยายธุรกิจพร้อมวางงบประมาณการลงทุน
สำหรับแผนการขยายธุรกิจในเครือ ประกอบด้วย ศูนย์การค้า ตลาดสด และอพาร์ทเม้นท์ กลุ่มบริษัท อิมพีเรียล คาดว่าจะเริ่มดำเนินการอย่างจริงจังได้ประมาณปี 2562 เนื่องจากขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับปรุงบัญชีทางการเงินและยังมีปัญหาในเรื่องของภาระหนี้สินทางธุรกิจ
ดังนั้นการออกมาขยายธุรกิจในช่วงเวลาดังกล่าว จึงถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม เพราะรถไฟฟ้าสายสีเขียวได้ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการ โดยในส่วนของธุรกิจศูนย์การค้า คือ ศูนย์การค้าอิมพีเรียล เวิลด์ สำโรง กลุ่มบริษัท อิมพีเรียล มีแผนที่จะปรับปรุงตัวอาคารทั้งภายนอกและภายใน พร้อมนำสินค้าและบริการใหม่ๆ มาให้บริการเพิ่มเติม โดยขณะนี้ได้เริ่มดำเนินการปรับปรุงภายในของศูนย์การค้าไปบ้างแล้ว แต่ยังไม่สามารถดำเนินการได้ทั้งหมด เนื่องจากยังติดสัญญาเช่าพื้นที่ โดยจะทยอยหมดสัญญาในปี 2560-2562 ซึ่งหลังจากช่วงเวลาดังกล่าวกลุ่มบริษัท อิมพีเรียล จะเดินหน้าปรับปรุงศูนย์การค้าอย่างจริงจัง
ส่วนธุรกิจตลาดสด ซึ่งอยู่ตรงกันข้ามกับศูนย์การค้าอิมพีเรียล เวิลด์ สำโรง ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาแผน เพื่อปรับปรุงตลาดครั้งใหญ่เช่นกัน เนื่องจากปัจจุบันพื้นที่เช่าของตลาดมีความแออัดมากเกินไป ดังนั้นกลุ่มบริษัท อิมพีเรียล จึงมีแผนที่จะปรับปรุงพื้นที่ของตลาดสดใหม่ทั้งหมดในปี 2562
เบื้องต้น กลุ่มบริษัท อิมพีเรียล คาดว่าจะปรับปรุงในส่วนของพื้นที่ตลาด เช่น การจัดโซนนิ่งร้านค้า ปรับปรุงคุณภาพการบริการ และแก้ไขปัญหาระบบการระบายน้ำ รวมไปถึงปัญหาขยะ เพื่อให้ตลาดสดมีคุณภาพมาตรฐานมากขึ้น ซึ่งหลังจากเริ่มปรับปรุงตลาดสดในปี 2562 คาดว่าจะสามารถขยายฐานลูกค้าสู่ระดับกลางและบนมากขึ้น
สำหรับ ธุรกิจอพาร์ทเม้นท์ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 2 อาคาร ภายใต้ชื่อ “โจนาธาน แมนชั่น” กลุ่มบริษัท อิมพีเรียล มีแผนที่จะปรับปรุงห้องพักทั้ง 500 ห้อง ให้มีความทันสมัย ขณะเดียวกันก็จะแบ่งห้องพักบางส่วนปรับปรุงเป็นเซอร์วิสอาร์ทเม้นท์ เพื่อขยายฐานลูกค้าสู่กลุ่มนักท่องเที่ยวมากขึ้น จากเดิมเน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายพ่อค้าและแม่ค้าในย่านสำโรง
นายโอฬาร กล่าวต่อว่า ทั้ง 3 ธุรกิจ หากนำที่ดินมารวมกันจะมีพื้นที่รวมกันอยู่ที่ประมาณ 30 ไร่ ซึ่งถือว่าเป็นพื้นที่ธุรกิจที่ขนาดใหญ่พอสมควร นอกจากนี้ ที่ดินผืนดังกล่าว ยังมีพื้นที่เหลืออีกประมาณ 10 ไร่ ซึ่งปัจจุบันใช้เป็นสถานที่จอดรถให้กับพ่อค้าแม่ค้า สามารถนำมาพัฒนาเป็นธุรกิจได้ และธุรกิจที่บริษัทให้ความสนใจและกำลังศึกษาความเป็นไปได้ คือ ธุรกิจค้าปลีก เนื่องจากยังมีช่องว่างให้เข้าไปทำตลาด เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับศูนย์การค้าอิมพีเรียล เวิลด์ สำโรง
แม้ว่าขณะนี้จะยังไม่สามารถเปิดเผยงบประมาณที่จะนำมาใช้ในการลงทุนปรับปรุงธุรกิจทั้ง 3 ขาได้ แต่จากแผนการดำเนินงานคร่าวๆ ที่กลุ่มบริษัท อิมพีเรียล ประกาศออกมาคาดว่าจะใช้งบลงทุนมากพอสมควร ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจว่า ทำไมกลุ่มบริษัท อิมพีเรียล จึงต้องรอเคลียร์หนี้สินที่คงค้างอยู่ให้หมดก่อนค่อยลงทุนใหม่ เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าใหม่และการแข่งขันที่จะเพิ่มขึ้น เพราะคู่แข่งรายใหม่ที่กำลังเข้ามาน่ากลัวมากพอสมควร
หากทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่คาดการณ์ หลังจากปรับปรุงธุรกิจในเครือเสร็จสิ้นสมบูรณ์ กลุ่มบริษัท อิมพีเรียล มั่นใจว่า ในแต่ละปีน่าจะมีรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 1 เท่าตัวจากปีนี้ที่คาดว่าภาพรวมทั้ง 3 ธุรกิจ น่าจะมีรายได้รวมอยู่ที่กว่า 800 ล้านบาท แบ่งเป็น ธุรกิจศูนย์การค้า 800 ล้านบาท ตลาดสด 50-60 ล้านบาท และธุรกิจอพาร์ทเม้นท์ 10 ล้านบาท
การออกมาประกาศสร้างอนาจักรทางธุรกิจของกลุ่มบริษัท อิมพีเรียล ในครั้งนี้ จะสามารถรับมือกับเจ้าแม่ค้าปลีกอย่างเดอะมอลล์ได้หรือไม่ เป็นเรื่องที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง แม้ว่าโดยภาพรวมแล้วทั้ง 2 บริษัท กลุ่มเป้าหมายจะมีความแตกต่างกัน แต่หากไม่ปรับตัวหรือให้บริการที่ไม่ตรงกับความต้องการของลูกค้า ไม่ว่าใครก็ เพรี่ยงพร้ำได้ทั้งนั้น
ข่าวเด่น