หุ้นทอง
ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน และแนวโน้ม "บ. บางกอก เชน ฮอสปิทอล" ที่ "A-/Stable"


 ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A-” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงความเป็นผู้นำของบริษัทในธุรกิจการรักษาพยาบาลในกลุ่มคนไข้รายได้ระดับปานกลางถึงระดับที่ต่ำลงมา ตลอดจนฐานรายได้ที่หลากหลาย อย่างไรก็ตาม การประเมินอันดับเครดิตยังคำนึงถึงภาระหนี้ที่เพิ่มสูงขึ้นจากการขยายธุรกิจและผลการดำเนินงานที่ลดลงของ World Medical Center (WMC) ตลอดจนการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจการรักษาพยาบาล นอกจากนี้ บริษัทยังมีความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายด้านสุขภาพของภาครัฐและความเสี่ยงจากการขยายธุรกิจในอนาคตด้วย ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายว่าบริษัทจะยังคงรักษาสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในกลุ่มลูกค้ารายได้ระดับปานกลางและลูกค้าประกันสังคมเอาไว้ได้ รวมทั้งโรงพยาบาล WMC จะมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นในอนาคตด้วย ในขณะเดียวกัน ยังคาดหวังว่าบริษัทจะดำเนินนโยบายทางการเงินอย่างระมัดระวังสำหรับการลงทุนในอนาคต รวมทั้งรักษาอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนให้อยู่ที่ประมาณ 50% เพื่อที่จะคงคุณภาพเครดิตของบริษัทเอาไว้ 
       

บริษัทบางกอก เชน ฮอสปิทอลก่อตั้งในปี 2536 และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2547 โดยมีตระกูลหาญพาณิชย์เป็นผู้ถือหุ้นหลักในสัดส่วน 50% ของหุ้นทั้งหมดของบริษัท ปัจจุบันบริษัทเป็นเจ้าของและบริหารกิจการโรงพยาบาลจำนวน 9 แห่งและคลีนิกชุมชน 2 แห่ง บริษัทมีโรงพยาบาล 5 แห่งที่เปิดดำเนินการภายใต้ชื่อ “โรงพยาบาลเกษมราษฎร์” 1 แห่ง ภายใต้แบรนด์ WMC และ 3 แห่งภายใต้แบรนด์ใหม่คือ “การุญเวช” แต่ละโรงพยาบาลมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่แตกต่างกัน โดย WMC เน้นรองรับกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้สูง โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ เน้นรองรับกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ระดับกลาง และโรงพยาบาลการุญเวชเน้นรองรับกลุ่มลูกค้าในโครงการประกันสังคม 
        ในเดือนพฤศจิกายน 2556 บริษัทซื้อหุ้นในสัดส่วน 50% ใน บริษัท นวนครการแพทย์ จำกัด โดยบริษัทนวนครการแพทย์ดำเนินกิจการโรงพยาบาล 2 แห่ง แห่งแรกตั้งอยู่ในเขตจังหวัดปทุมธานี และแห่งที่ 2 ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดอยุธยา บริษัทมีต้นทุนค่าซื้อกิจการเท่ากับ 225 ล้านบาทและได้เปลี่ยนชื่อโรงพยาบาลทั้ง 2 แห่งที่ซื้อกิจการมาเป็น “โรงพยาบาลการุญเวช ปทุมธานี” และ “โรงพยาบาลการุญเวช อยุธยา” นอกจากนี้ บริษัทยังได้เปลี่ยนชื่อ “โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ สุขาภิบาล 3” เป็น “โรงพยาบาลการุญเวช สุขาภิบาล 3” เพื่อให้บริการลูกค้ากลุ่มประกันสังคม และในเดือนสิงหาคม 2557 บริษัทได้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทนวนครการแพทย์จาก 50.00% เป็น 69.85% 
        บริษัทออกจากระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้าในปี 2553 ปัจจุบันบริษัทมีรายได้จากลูกค้า 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มคนไข้ 
เงินสดและกลุ่มคนไข้โครงการประกันสังคม ในปี 2556 บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากกลุ่มคนไข้เงินสดอยู่ที่ 65% ของรายได้รวม และจากกลุ่มคนไข้โครงการประกันสังคมอยู่ที่ 35% ของรายได้รวม 
        บริษัทเป็นหนึ่งในผู้นำในกลุ่มโรงพยาบาลเอกชนที่เข้าร่วมโครงการสุขภาพภาครัฐ โดยในระยะกว่า 5 ปีที่ผ่านมามีสัดส่วนจำนวนผู้ประกันตนในโครงการประกันสังคมในเขตกรุงเทพฯ อยู่ที่ประมาณ 9%-11% ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2557 สัดส่วนจำนวนผู้ประกันตนในโครงการประกันสังคมในเขตกรุงเทพฯ ยังคงแข็งแกร่งที่ 11% การมีฐานจำนวนผู้ประกันตนจำนวนมากช่วยให้บริษัทมีความได้เปรียบจากการประหยัดจากขนาดและยังช่วยคงระดับการใช้งานเครื่องมือทางการแพทย์ที่มีต้นทุนสูงไม่ให้ต่ำเกินไปด้วย 
        ในปี 2556 รายได้ของบริษัทเติบโตขึ้น 5% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เป็น 4,702 ล้านบาทในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2557 รายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 2,571 ล้านบาท เติบโตขึ้น 15% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลจากการเติบโตของทั้งกลุ่มลูกค้าเงินสดและกลุ่มลูกค้าประกันสังคม อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ของบริษัทลดลงจากเดิมที่ระดับ 34.1% ในปี 2555 มาอยู่ที่ระดับ 26.7% ในปี 2556 และอยู่ที่ 25.3% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2557 สาเหตุหลักที่ทำให้อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานลดลงมาจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่สูงขึ้นในช่วงขยายธุรกิจประกอบกับผลการดำเนินงานที่อ่อนแอลงของ WMC ในส่วนของ WMC นั้นได้เปิดดำเนินการมาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2556 ขณะนี้อยู่ในช่วงระยะเริ่มต้นของการดำเนินธุรกิจและยังคงต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งเพื่อถึงจุดคุ้มทุน สำหรับในปี 2556 WMC มีผลขาดทุนสุทธิ 290 ล้านบาท และขาดทุนสุทธิ 144 ล้านบาทในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2557 ผู้บริหารของบริษัทคาดว่า WMC จะมีจุดคุ้มทุนในปี 2558 อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งมองว่าผลการดำเนินงานที่อ่อนแอของ WMC จะยังคงกดดันความสามารถในการทำกำไรของกลุ่มในอีก 2 ปีข้างหน้า ภายใต้สมมติฐานของทริสเรทติ้ง กำไรจากการดำเนินงานของบริษัทจะอยู่ระหว่าง 20%-24% ในระยะ 3 ปีข้างหน้า 
        บริษัทมีภาระหนี้เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาจากการขยายธุรกิจ โดยหนี้สินรวมของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 2,051 ล้านบาทในปี 2555 เป็น 3,959 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2557 อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนเพิ่มขึ้นจาก 33.54% ในปี 2555 เป็น 46.71% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2557 ในอนาคต บริษัทมีแผนลงทุนเพิ่มเติมราว 2,000 ล้านบาทในอีก 3 ปีข้างหน้า ซึ่งจะทำให้ภาระหนี้ของบริษัทมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีสถานะสภาพคล่องที่ยอมรับได้ที่ระดับอันดับเครดิตในปัจจุบัน ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2557 บริษัทยังคงมีสภาพคล่องที่น่าพอใจ โดยวัดจากอัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายที่ระดับ 8.76 เท่า ในขณะที่อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมเท่ากับ 29.41% (ปรับให้เป็นตัวเลขเต็มปีโดยใช้ข้อมูลย้อนหลัง 12 เดือน) 

บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) (BCH) 
อันดับเครดิตองค์กร:        A- 
อันดับเครดิตตราสารหนี้: 
BCH161A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 800 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2559        A- 
BCH173A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2560        A- 
BCH181A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2561        A- 
แนวโน้มอันดับเครดิต:        Stable 


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 11 พ.ย. 2557 เวลา : 16:09:12
24-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 24, 2024, 6:09 am